ในชีวิตที่เต็มไปด้วยการแสวงหาความรู้และการเข้าใจ เรามักจะหาคำตอบจากหนังสือ ทฤษฎี หรือคำสอนที่ถูกถ่ายทอดจากผู้อื่น แต่ความจริงนั้นไม่สามารถได้มาจากการเรียนรู้ทางทฤษฎีเพียงอย่างเดียว การฝึกฝนจิตใจและการสัมผัสความจริง ผ่านการปฏิบัติตามคำสอนจริง ๆ คือสิ่งที่ช่วยให้เราตื่นรู้ ถึงความจริงในชีวิต
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่งที่บอกถึงการเข้าใจความจริงไม่ได้มาจากการสะสมความรู้ทางทฤษฎี แต่คือการฝึกปฏิบัติ การตระหนักรู้ในปัจจุบัน และการปล่อยวาง สิ่งที่ไม่จำเป็น กับนิทานเซนเรื่องแสงของคุณอาจดับลง

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องแสงของคุณอาจดับลง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ วัดเซนแห่งหนึ่ง นักศึกษาหนุ่มจากสำนักเตนได ซึ่งเป็นสำนักที่เน้นการศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีและปรัชญาของพุทธศาสนา
เขาเข้ามาเรียนรู้ที่วัดของกาซัน เพื่อค้นหาความจริงในชีวิตและความตื่นรู้ทางจิตใจ เขามีความรู้ทางทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับพุทธศาสนา และตั้งใจที่จะเข้าใจธรรมะ อย่างลึกซึ้ง
หลังจากการเรียนการสอนอยู่หลายปี เขาเริ่มรู้สึกว่าความเข้าใจในทฤษฎี ของเขาเริ่มเต็มไปด้วยคำตอบ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือการปฏิบัติจริง เขารู้สึกว่าการศึกษาในเชิงทฤษฎียังไม่สามารถทำให้เขาตื่นรู้ในความจริงของชีวิตได้อย่างแท้จริง
ในวันหนึ่ง เขาเดินไปหากาซันและถามคำถามที่ยังค้างคาในใจ “ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับความจริง แต่ทำไมข้ายังคงรู้สึกว่ามันไม่พอ?”
กาซันยิ้มและตอบด้วยความสงบ “การศึกษาในเชิงทฤษฎีสามารถทำให้ท่านเก็บรวบรวมความรู้ได้มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการฝึกฝน การปฏิบัติธรรมและการสัมผัส ความจริงผ่านการปฏิบัติจริง”
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี นักศึกษาคนนั้นได้ตัดสินใจกลับไปสำนักของตนเอง หลังจากเรียนรู้ในวัดของกาซัน เขามีความมั่นใจในความรู้ของตนเอง แต่ก่อนที่เขาจะจากไป กาซันเรียกเขามาและให้คำเตือนสำคัญ
กาซันกล่าวอย่างสงบ “เจ้าต้องจำไว้ว่า การศึกษาความจริงในเชิงทฤษฎีนั้นมีประโยชน์ในการเตรียมตัว แต่ถ้าท่านไม่ได้ฝึกสมาธิและไม่ปฏิบัติตามคำสอนทุกสิ่งที่ท่านเรียนรู้จะกลายเป็นแค่ข้อมูลในหนังสือ และแสงแห่งความจริงของท่านอาจดับลงได้”
นักศึกษานั้นฟังคำเตือนของกาซันแล้วรู้สึกถึงความจริงที่สะท้อนออกมาในคำพูดของอาจารย์ เขาเข้าใจทันทีว่าความรู้ที่เขามีไม่สามารถนำไปสู่การตื่นรู้ได้ หากเขายังคงยึดติดกับทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
“ขอบคุณท่านอาจารย์” นักศึกษากล่าวอย่างเคารพ “ข้าจะจำคำท่านไว้และตั้งใจฝึกปฏิบัติให้มากขึ้น”

หลังจากที่นักศึกษากลับไปยังสำนักของตนเอง เขาเริ่มฝึกฝนการปฏิบัติอย่างจริงจังทุกวัน โดยไม่เพียงแค่การศึกษาความรู้จากหนังสือและคำพูด แต่เริ่มปฏิบัติสมาธิและนั่งนิ่ง ทุกวัน เขานั่งสมาธิในห้องของเขาอย่างสม่ำเสมอ ตั้งใจปล่อยวางความคิดที่ตามมารบกวนและมุ่งมั่นที่จะสัมผัสถึงความจริงในปัจจุบัน
หลายเดือนผ่านไป เขารู้สึกถึงความสงบภายในที่มากขึ้น แต่บางครั้งยังคงมีความสงสัยและคำถามในใจว่า “ทำไมการฝึกฝนจึงต้องใช้เวลาและความพยายามมากมาย?” เขานั่งสมาธิอย่างเงียบ ๆ คิดถึงคำสอนของกาซัน
วันหนึ่ง เขาตัดสินใจเขียนจดหมายถึงกาซันอีกครั้งถามเกี่ยวกับความสงสัยที่ยังคงอยู่ในใจเขา “ท่านอาจารย์ครับ ข้าฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งข้าก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป ท่านจะช่วยขยายความเกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติให้ข้าเข้าใจมากขึ้นได้หรือไม่?”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น กาซันตอบกลับมาด้วยข้อความสั้น ๆ แต่ลึกซึ้งว่า “การฝึกปฏิบัติไม่ใช่การหาคำตอบ แต่มันคือการปล่อยวางและการสัมผัสถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ทุกการฝึกฝนช่วยให้จิตใจสงบลงและทำให้แสงแห่งความจริงเปล่งประกายขึ้นในตัวเรา”
คำตอบนี้ทำให้เขาเริ่มเข้าใจว่าการฝึกฝนไม่ใช่เพื่อการหาคำตอบ แต่เพื่อการสัมผัสความจริงที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง เขาเริ่มรู้สึกถึงความสงบที่แท้จริงเมื่อเขาเริ่มเข้าใจและปล่อยวางทุกสิ่งที่ยังค้างคาในใจ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนั่งสมาธิอยู่อย่างเงียบสงบ เขารู้สึกถึงแสงแห่งความจริง ที่กาซันเคยพูดถึง แสงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องค้นหา แต่มันเป็นสิ่งที่เปล่งประกายจากภายในเมื่อเขาปล่อยวางและตระหนักถึงความจริงที่มีอยู่ในตอนนี้
เขาเริ่มรู้สึกถึงการตื่นรู้ที่ไม่ได้มาจากการหาคำตอบทางทฤษฎี แต่เกิดจากการสัมผัสและเข้าใจ ทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตอย่างแท้จริง
ในวันหนึ่งที่เขาได้กลับไปหากาซันอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงว่า “ท่านอาจารย์ ข้ารู้แล้วว่าความจริงไม่สามารถเรียนรู้จากทฤษฎีเท่านั้น แต่ต้องสัมผัสด้วยตัวเองจากการฝึกฝนและการตื่นรู้ในปัจจุบัน ขอบคุณท่านที่สอนข้าให้เข้าใจ”
กาซันยิ้มและกล่าวว่า “การตื่นรู้ไม่ได้เกิดจากการศึกษาหรือการสะสมความรู้ แต่มันเกิดจากการเข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ความจริงมีอยู่ในทุกการกระทำและทุกการฝึกฝน หากท่านปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจัง แสงแห่งความจริงนั้นจะไม่ดับลง”
หลังจากนั้น นักศึกษารู้สึกสงบในใจและมั่นใจในเส้นทางที่เขาเลือกเดิน เขารู้ว่าแสงแห่งความจริง จะไม่ดับไปได้ตราบใดที่เขายังคงฝึกปฏิบัติและตระหนักถึงความจริงในชีวิตทุกวัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การตื่นรู้ความจริงไม่ใช่แค่การศึกษาทฤษฎี แต่คือการฝึกฝนและการสัมผัสความจริงในปัจจุบัน ผ่านการปฏิบัติสมาธิและการปล่อยวางความคิดที่ค้างคา
แม้จะมีความรู้มากมายในด้านทฤษฎี แต่การที่เราจะสัมผัสและเข้าใจความจริงอย่างแท้จริงนั้น ต้องผ่านการปฏิบัติ การปล่อยวาง และการตระหนักถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้ แสงแห่งความจริงในใจเราจะไม่ดับลงและยังคงส่องสว่างเสมอ
อ่านต่อ: เรื่องเล่าเรียบง่ายในแบบเซนให้คำตอบที่ธรรมะดี ๆ กับนิทานเซน
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องแสงของคุณอาจดับลง (อังกฤษ: Your Light May Go Out) ปรากฏในหนังสือ Zen Flesh, Zen Bones และ 101 Zen Stories ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องราวเซนและคำสอนของปรมาจารย์เซนโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki ในปี 1957 หนังสือเล่มนี้รวมเรื่องเล่าและคำสอนจากเซนที่สะท้อนถึงหลักการสำคัญของการปฏิบัติและการตื่นรู้ผ่านการฝึกฝนจิตใจ
พระอาจารย์กาซัน โจเซกิ (Gasan Jōseki) ปรมาจารย์เซนชาวญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 13-14 เขาเป็นหนึ่งในนักปรัชญาเซน ที่มีชื่อเสียงในสมัยเซนสายรินไซ และมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่คำสอนของเซน ท่านได้เตือนนักศึกษาว่า แม้การศึกษาและการเข้าใจทฤษฎีในพุทธศาสนาจะสำคัญ แต่นักศึกษาจะไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้หากขาดการฝึกฝนและการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยคำเตือนนี้สะท้อนถึงคำสอนที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการฝึกสมาธิและการตระหนักรู้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวทางหลักในเซน
เรื่องราวนี้จึงเป็นการย้ำเตือนว่าการศึกษาทางปัญญา ที่ไม่มีการฝึกปฏิบัติจริงจะไม่สามารถนำไปสู่ความตื่นรู้และการสัมผัสความจริง ที่แท้จริงได้
คติธรรม: “แสงแห่งความจริงไม่ได้มาแค่จากการเรียนรู้ แต่เกิดจากการฝึกฝน การปล่อยวาง และการตื่นรู้ในปัจจุบัน”