ปกนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์

ในโลกนี้ หลายครั้งเรามักเห็นว่าอำนาจและชื่อเสียงคือสิ่งที่ทำให้การปกครองมั่นคง แต่คำสอนของเต๋ากลับบอกว่า ความเงียบ ความเรียบง่าย และการไม่แสดงตนต่างหาก คือหนทางที่ลึกซึ้งกว่า เพราะเมื่อทุกสิ่งดำเนินไปตามธรรมชาติ ศรัทธาจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ

มีนิทานเต๋าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อได้บันทึกไว้เพื่ออธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้ปกครองในแต่ละยุค จากความเงียบสงบไปจนถึงความเสื่อมถอย นิทานนี้สะท้อนให้เห็นว่า แก่นแท้ของการปกครองมิได้อยู่ที่การแสดงตน แต่อยู่ที่การดำรงอยู่โดยไม่เจือปน กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์

บันทึกความจริงอันดำรงอยู่ในสมัยโบราณอันสูงสุด…

ในกาลครั้งนั้น แผ่นดินมีผู้ปกครอง แต่ผู้คนมิรู้เลยว่ามีผู้ปกครองอยู่เหนือหัว เพราะพระองค์ไม่เคยปรากฏเด่น ไม่โอ้อวด ไม่ตรัสพร่ำเพรื่อ

ฮ่องเต้องค์แรกนั้นเงียบสงัด ราวกับภูเขาที่ไม่เคลื่อนไหว แต่มั่นคงอยู่เสมอ คำหนึ่งที่หลุดจากพระโอษฐ์ เปรียบดั่งหยดน้ำที่ตกลงในบ่อน้ำใสเมื่อหยดแล้วไม่ย้อนคืน พระองค์เลือกถ้อยคำรอบคอบนัก จนดูเหมือนลังเลหรือไม่เด็ดขาด ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะให้เกียรติแก่ “คำพูด” มิให้ใช้พร่ำเพรื่อ

ประชาชนใช้ชีวิตตามวิถีแห่งตนเอง ยามเช้าออกไปไถนา ยามเย็นกลับมาก่อไฟ ไม่มีใครรู้สึกว่าถูกบังคับหรือสั่งการ บ้านเมืองร่มเย็นโดยไม่ต้องมีผู้เฝ้าควบคุม

ภารกิจของพระองค์ลุล่วง โครงการทั้งหลายสำเร็จผล แต่ผู้คนยังพูดกับตนเองว่า
“เรามีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ ก็เพราะเราเป็นเราเอง”

นี่คือเต๋าที่แท้จริง เมื่อผู้ปกครองมิได้แสดงตน ผลงานก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องแย่งชิงเกียรติ ความสงบเงียบของพระองค์ คือรากฐานที่ทำให้แผ่นดินรุ่งเรืองโดยปราศจากการรู้ตัว

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์

แต่เมื่อกาลสืบถัดมา…

ฮ่องเต้องค์ที่สองขึ้นครองราชย์ พระองค์มิได้ปิดบังตัวตนเท่าดังองค์ก่อน ถึงกระนั้น พระองค์ก็มิใช่ผู้กดขี่ หากแต่ยื่นมือช่วยเหลือแก่ผู้คน คำสั่งและประกาศเริ่มแผ่วก้องไปทั่วแผ่นดิน

ประชาชนเริ่มตะโกนยกย่อง
“พระองค์ทรงเมตตา!”
“พระองค์ทรงคุ้มครองพวกเรา!”

เสียงเหล่านี้ทำให้บ้านเมืองอบอุ่น ราวกับบุตรทั้งหลายสรรเสริญบิดาผู้ประคองดูแล แต่ในสายตาข้า สิ่งนั้นเป็นสัญญาณแห่งความเปลี่ยน เมื่อผู้ปกครองถูกเอ่ยนามมากเกินไป แสดงว่าพระองค์ได้แสดงตนออกมาเกินความพอดี

ความรักและเสียงสรรเสริญ แม้จะอ่อนหวาน แต่ก็คือความเจือปน เต๋าที่แท้จริงนั้นเงียบงันและกลืนหาย ไม่ต้องอาศัยเสียงชม มิจำเป็นต้องให้ใครรับรู้หรือขอบคุณ

ข้าเขียนบันทึกนี้ เพื่อเตือนว่าความยิ่งใหญ่ที่สุดคือการดำรงอยู่โดยไม่ต้องอ้างสิทธิ์ หากต้องพึ่งคำชมจึงจะเป็นที่ยอมรับ ก็ย่อมหมายถึงความศรัทธาในเต๋าเริ่มขาดพร่องแล้ว

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์ 2

กาลต่อไป ความสงบแห่งเต๋ายิ่งห่างไกล…

ฮ่องเต้องค์ที่สามเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ พระองค์มีพระทัยเด็ดขาดกว่าผู้ก่อน ตรัสคำออกไปมิใช่หยดน้ำอันสงบ แต่กลับเป็นสายฟ้าที่ผ่ากลางฟ้า คำสั่งแต่ละฉบับก้องไปทั่วแผ่นดิน

ผู้คนเริ่มมิได้เอ่ยคำสรรเสริญดังยุคก่อน ทว่ากลับเฝ้ากันกระซิบอย่างหวาดหวั่น
“อย่าฝ่าฝืนพระราชโองการ”
“ผู้ใดไม่เชื่อฟัง อาจเกิดภัยใหญ่แก่ตน”

ความรักที่เคยงดงามแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ประชาชนมิได้ทำการงานด้วยใจตนเอง หากแต่ทำไปเพราะเกรงภัย การเก็บเกี่ยวในฤดูมิใช่เพราะความเบิกบาน หากแต่เพราะต้องไม่ละเมิดพระบัญชา

ข้าเล่าจื๊อเห็นดังนี้แล้วรู้ว่า เมื่อผู้ปกครองห่างจากเต๋า ศรัทธาในพระองค์ก็เสื่อมไปจากใจประชาชน สิ่งที่แท้จริงเคยอ่อนโยน กลับแข็งกระด้างดั่งหิน

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์ 3

ต่อมาอีกยุคหนึ่ง ความเสื่อมถึงที่สุด…

ฮ่องเต้องค์ที่สี่ปกครองด้วยอำนาจมิได้หยั่งรากในเต๋า พระองค์ยกตนสูงส่ง ใช้ถ้อยคำบังคับดั่งโซ่ตรวน ผู้คนมิได้เกรงกลัวอีกต่อไป หากแต่เริ่มแสดงความดูหมิ่น

เสียงลับหลังดังขึ้นในตลาดและทุ่งนา
“ฮ่องเต้นี้ช่างห่างไกลจากเรา”
“มิใช่ผู้คุ้มครอง หากเป็นเพียงผู้บีบคั้น”

นี่คือที่สุดแห่งการเสื่อม เมื่อความเชื่อใจสูญสิ้น ประชาชนมิได้เกรง มิได้รัก หากแต่เหยียดหยามผู้ปกครองของตน

ข้าจึงบันทึกไว้ว่าศรัทธามิได้เริ่มจากประชาชน แต่เริ่มจากผู้ปกครองเอง หากผู้ปกครองไม่ตั้งมั่นในเต๋า ไม่ดำรงความจริงแท้ ความศรัทธาของผู้คนก็ย่อมขาดตามไป

ความเงียบงันแห่งองค์แรก เคยเป็นดั่งเงาไม้ใหญ่ที่โอบอุ้มชีวิต แต่เมื่อกาลเปลี่ยน ความโอบอุ่นกลายเป็นเสียงสรรเสริญ เสียงสรรเสริญกลายเป็นความหวาดกลัว และสุดท้าย ความหวาดกลัวกลายเป็นความดูหมิ่น

นี่คือหนทางที่เต๋าได้เตือนเราเมื่อความบริสุทธิ์ถูกเจือปน ความศรัทธาก็ย่อมดับสิ้นในที่สุด

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์ 4

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. ผู้ปกครองที่แท้จริงควรดำเนินไปตามเต๋า ไม่อวดตน ไม่บังคับ ไม่เรียกร้องเสียงสรรเสริญ เพราะเมื่อผู้ปกครองตั้งมั่นในความเรียบง่าย ประชาชนก็จะดำเนินชีวิตได้ด้วยความสงบและศรัทธาย่อมเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ และนั่นเป็นอิทธิพลอันบริสุทธิ์ที่แท้จริงที่สุด

ในสมัยแรก ผู้ปกครองที่สงบเงียบกลับทำให้บ้านเมืองร่มเย็นที่สุด เพราะคนใช้ชีวิตโดยธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่าถูกควบคุม ต่อมาเมื่อผู้ปกครองเริ่มแสดงตน คนจึงรักและสรรเสริญ แต่ความแท้จริงกลับเริ่มเจือปน เมื่อกษัตริย์รุ่นหลังปกครองด้วยอำนาจ ผู้คนก็หวาดกลัว และสุดท้ายเมื่อขาดเต๋าโดยสิ้นเชิง ประชาชนถึงกับดูหมิ่นไม่ศรัทธา นี่คือหนทางที่เต๋าเตือนว่า ศรัทธาเริ่มจากความเรียบง่ายและความจริงแท้ของผู้ปกครองเอง

อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงแฝงข้อคิดดี ๆ และปรัชญาชีวิตสุดลึกซึ้งในวิถีเต๋าของเล่าจื๊อ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องอิทธิพลอันบริสุทธิ์ (อังกฤษ: The Unadulterated Influence) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงบทที่ 17 ซึ่งกล่าวถึง “อิทธิพลอันไม่เจือปน(บริสุทธิ์)” เล่าจื๊อสอนว่า ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผู้ที่ประชาชนแทบไม่รู้ว่ามีอยู่ เพราะพระองค์ดำรงอยู่โดยไม่แสดงตน งานที่ทำสำเร็จด้วยความเรียบง่าย และเมื่อสิ้นสุด ประชาชนยังคิดว่า “เราทำได้ด้วยตัวเราเอง” การไม่อวด ไม่ยึดถือเกียรติ แต่ปล่อยให้สิ่งทั้งหลายดำเนินไปตามธรรมชาติ นั่นคือวิถีของเต๋าที่แท้จริง

ในบทนี้ เล่าจื๊อได้ชี้ให้เห็นพัฒนาการของการปกครองที่ห่างไกลจากเต๋า เริ่มแรกผู้คนไม่รู้ว่ามีผู้ปกครอง ต่อมาเมื่อผู้ปกครองแสดงตนมากขึ้น ประชาชนก็รักและสรรเสริญ จากนั้นกลายเป็นหวาดกลัว และสุดท้ายกลับดูหมิ่น สิ่งนี้สะท้อนว่า เมื่อศรัทธาของผู้ปกครองต่อเต๋าขาดพร่อง ความศรัทธาของประชาชนก็ดับลงตามลำดับ

นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอน โดยเปรียบยุคสมัยของฮ่องเต้ทั้งสี่องค์กับระดับของการปกครองที่ค่อย ๆ ห่างจากเต๋า ยิ่งผู้ปกครองอวดตนมากเท่าใด ประชาชนก็ยิ่งห่างไกลศรัทธามากขึ้นเท่านั้น แก่นแท้ที่เล่าจื๊ออยากสื่อ คือการปกครองที่ดีที่สุดคือการ “ไม่ปรากฏ” ให้ผู้คนต้องรู้สึก เพราะแท้จริงแล้ว ความสงบและความเรียบง่ายต่างหากที่เป็นอิทธิพลอันบริสุทธิ์ของเต๋า

คติธรรม: “ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ มิใช่ผู้ที่ผู้คนยกย่อง หวาดกลัว หรือดูหมิ่น หากแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่เงียบงัน จนเมื่อภารกิจสำเร็จ ประชาชนยังคงพูดว่าเราทำได้ด้วยตัวเราเอง”