ในโลกที่ความผูกพันแห่งสายเลือดถูกทดสอบด้วยความโลภ และโชคชะตาได้มอบพลังวิเศษให้แก่ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อพรจากนกสีทอง นำพาเด็กชายฝาแฝดผู้บริสุทธิ์ต้องเผชิญหน้ากับความริษยาของอาผู้ร่ำรวย
มีนิทานกริมม์เรื่องหรึ่ง เล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของสองพี่น้องผู้กล้าหาญ ที่ต้องต่อสู้กับภยันตรายในป่ากว้าง สร้างพันธมิตรกับเหล่าสัตว์ผู้ภักดี และเผชิญหน้ากับการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุด เพื่อทวงคืนสิ่งที่ถูกช่วงชิงไป และพิสูจน์ความจริงใจของพวกเขาต่อกัน กับนิทานกริมม์เรื่องสองพี่น้อง

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องสองพี่น้อง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องสองคนซึ่งมีชีวิตแตกต่างกันมาก คนหนึ่งเป็นช่างทองผู้มั่งคั่ง อีกคนเป็นช่างทำไม้กวาดผู้ยากไร้ แต่เขามีบุตรชายฝาแฝดผู้เป็นที่รักสองคน
วันหนึ่ง ช่างทำไม้กวาดเข้าไปในป่า และได้เห็นนกสีทอง ที่ส่องประกายอร่ามตา เขาจัดการสลัดขนนกเส้นหนึ่งมาได้ เมื่อนำไปให้พี่ชาย ช่างทองก็รับซื้อไว้ด้วยราคาสูงลิบ และกล่าวกับน้องชายว่า “จงไปนำนกตัวนั้นมาให้พี่ให้ได้ ข้าจะมอบทรัพย์สินอีกมากมายให้เจ้า!” ในการเดินทางครั้งที่สาม ช่างทำไม้กวาดก็ได้นกสีทองทั้งตัวมาครอบครอง
ช่างทองนำนกไปให้ภรรยาปรุงอาหาร โดยรู้ดีว่าหัวใจและตับของนกวิเศษนี้ จะบันดาลเหรียญทองคำให้แก่ผู้ที่กินมันทุกคืน แต่ขณะที่ภรรยาเขากำลังปรุงอาหารอยู่นั้น ลูกชายฝาแฝดของน้องชายก็เข้ามาในครัว บังเอิญที่เศษหัวใจและตับสองชิ้นตกลงบนพื้น เด็กชายทั้งสองจึงกินมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว และในคืนนั้น เหรียญทองก็ปรากฏอยู่ใต้หมอนของพวกเขา
เมื่อช่างทองรู้เรื่องเข้า ความริษยาก็กัดกินหัวใจ เขาไปหาน้องชายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “น้องรัก! ลูกชายของเจ้ากำลังนำภัยมาสู่เราแล้ว! พวกเขาคบคิดกับปีศาจเพื่อขโมยทองคำ! เจ้าต้องนำพวกเขาไปทิ้งในป่าโดยเร็ว มิฉะนั้นความหายนะอันใหญ่หลวงจะมาถึงบ้านเราเป็นแน่!” ช่างทำไม้กวาดผู้ซื่อบื้อยอมจำนนต่อคำยุยง จึงต้องพาลูกชายทั้งสองเข้าไปทิ้งไว้ในป่าลึกด้วยความปวดใจ
โชคยังดีที่พรานป่าผู้สูงอายุมาพบเด็กทั้งสองเข้า จึงรับไปเลี้ยงดูและสอนวิชาล่าสัตว์ให้จนพวกเขาเติบโตเป็นหนุ่มที่เก่งกาจ เมื่อพวกเขาพร้อมที่จะออกผจญภัย จึงได้กล่าวลาอาจารย์ (พ่อเลี้ยง) ของตน “ท่านพ่อผู้มีพระคุณ พวกข้าพร้อมแล้วที่จะออกไปสร้างชื่อเสียง ขอท่านโปรดอนุญาตให้พวกข้าไปผจญภัยในโลกกว้างเถิด”
พรานป่ามอ มีด เล่มหนึ่งเป็นเครื่องกำนัล และกล่าวสั่งสอนด้วยความห่วงใย “บุตรชายที่รักของข้า หากโชคชะตาทำให้เจ้าต้องแยกจากกัน จงปักมีดนี้ไว้บนต้นไม้ใหญ่ หากผู้ใดกลับมาแล้วเห็นมีดขึ้นสนิมเพียงข้างเดียว นั่นคือสัญญาณเตือนว่า พี่น้องของเจ้ากำลังประสบภัยถึงชีวิตแล้ว จงรีบรุดหน้าไปช่วยเหลือเขาให้ทันท่วงที!”
ทั้งสองรับคำมั่นและออกเดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อเริ่มต้นการผจญภัยอันยาวไกล
พรานหนุ่มทั้งสองออกเดินทางไปในป่า แต่ไม่นานก็รู้สึกหิวโหย พวกเขาเกือบจะยิง กระต่ายป่าตัวหนึ่ง แต่ก่อนที่พวกเขาจะเหนี่ยวไก สัตว์ตัวนั้นก็ร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร
“โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด!” กระต่ายป่าอ้อนวอน “ข้าจะมอบลูกกระต่ายสองตัวที่ยังเล็กให้พวกท่านแทน ข้าสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อพวกท่าน”
ด้วยความเมตตาและเห็นแก่คำมั่นสัญญา พวกเขาจึงปล่อยมันไป เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสัตว์อีกสี่ชนิดสุนัขจิ้งจอก หมาป่า หมี และ สิงโตพวกเขาก็ปล่อยสัตว์เหล่านั้นไปเช่นกัน โดยได้รับลูกอ่อนของพวกมันมาเป็นสหายผู้ซื่อสัตย์

สัตว์วัยเยาว์เหล่านี้แสดงความกตัญญู นำพรานหนุ่มไปยังหมู่บ้านที่พวกเขาสามารถซื้อเสบียงอาหารได้ จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจแยกจากกันเพื่อแสวงหาโชคชะตาที่แตกต่าง พวกเขาแบ่งสัตว์ที่ติดตามมาคนละครึ่ง แล้วปักมีดเล่มสำคัญนั้นไว้บนต้นไม้ใหญ่เป็นเครื่องหมายแห่งการพลัดพราก
น้องชายได้เดินทางต่อไปจนมาถึงเมืองที่โศกเศร้า เมืองนั้นถูกประดับประดาด้วยผ้าสีดำ ทั่วทั้งเมือง ชาวเมืองเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่ามังกรเจ็ดหัว ได้กินหญิงสาวพรหมจารีทุกคนในเมืองไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงเจ้าหญิงซึ่งจะถูกนำไปสังเวยในวันรุ่งขึ้น
พรานหนุ่มตัดสินใจช่วยเหลือ เขาขึ้นไปยังเนินเขามังกร และพบถ้วยสามใบและดาบเล่มหนึ่ง เขาพยายามยกดาบ แต่ไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งได้ดื่มน้ำวิเศษจากถ้วยทั้งสามจนหมดสิ้น พลังอันยิ่งใหญ่ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้เขาสามารถถือดาบได้อย่างง่ายดาย
เช้าวันต่อมา เจ้าหญิงถูกนำตัวมายังเนินเขา โดยมีนายทหารราชองครักษ์ ของกษัตริย์แอบซุ่มดูอยู่ มังกรเจ็ดหัวปรากฏตัว พ่นไฟร้อนแรงเผาหญ้าจนลุกเป็นไฟ แต่สัตว์ต่าง ๆ ของพรานหนุ่มก็ช่วยกันเหยียบย่ำเปลวไฟจนดับไป
พรานหนุ่มสู้กับมังกรยักษ์อย่างกล้าหาญ และด้วยพลังจากดาบวิเศษ เขาก็ตัดศีรษะมังกรได้หกหัวและตัดหางมันทิ้ง ก่อนสั่งให้สหายสัตว์ฉีกร่างมังกรเป็นชิ้น ๆ
เจ้าหญิงมอบสร้อยคอของนางแบ่งให้เหล่าสัตว์ผู้ภักดี และมอบมีดสั้นให้น้องชายใช้ ตัดลิ้น ของมังกรทั้งเจ็ดลิ้นเพื่อเป็นหลักฐาน ด้วยความเหนื่อยอ่อน พรานหนุ่มบอกให้สิงโตเฝ้ายามขณะที่เขาหลับไป
“สหายสิงโตเอ๋ย เจ้าจงเฝ้าข้าไว้ให้ดี เพราะข้าอ่อนแรงนัก”
แต่สิงโตก็เหนื่อยเช่นกัน จึงบอกหมีให้เฝ้าแทน ไล่เรียงกันไปจนถึงกระต่ายป่า ซึ่งท้ายที่สุดก็หลับไปโดยไม่มีใครปลุก
ทันใดนั้นเอง นายทหารราชองครักษ์ที่ซุ่มดูอยู่ก็ปรากฏตัว เขาฉวยโอกาสที่พรานหนุ่มหลับอยู่ เข้ามาตัดศีรษะพรานหนุ่ม แล้วบังคับเจ้าหญิงให้สาบานอย่างแข็งกร้าวว่า “เจ้าหญิง! จงสาบานว่าเจ้าจะบอกกษัตริย์ว่า ข้าคือผู้ที่ช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากมังกร!” นายทหารจึงหนีกลับไปพร้อมกับศีรษะมังกรทั้งเจ็ด

เมื่อสัตว์ทั้งหลายตื่นขึ้น และเห็นเจ้านายถูกฆ่า พวกมันก็โกรธแค้นและพร้อมจะฆ่ากระต่ายป่าที่หลับยาม แต่กระต่ายป่าร้องขอชีวิตและบอกความลับสำคัญ “โปรดรอข้าก่อนเถิด! ข้ารู้จักรากวิเศษ ที่สามารถชุบชีวิตเจ้านายได้”
พวกมันจึงปล่อยให้กระต่ายป่าไปนำรากนั้นมา เมื่อนำมาต่อกับศีรษะ พรานหนุ่มก็ฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ แต่เขาเข้าใจผิด คิดว่าเจ้าหญิงต้องเป็นผู้ที่ฆ่าตนเพื่อกำจัดเขาให้พ้นทาง เขาจึงหลบลี้หนีภัยและร่อนเร่ไปทั่วโลกด้วยความเสียใจ
หนึ่งปีต่อมา เขาได้กลับมายังเมืองนั้นอีกครั้ง และเห็นเมืองประดับด้วยผ้าสีแดง ทั่วทั้งเมือง เพื่อเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงกับนายทหารราชองครักษ์
พรานหนุ่มเข้าไปในโรงเตี๊ยมและเดิมพันกับเจ้าของร้านอย่างมั่นใจ “ข้าขอเดิมพันว่า ข้าสามารถส่งสัตว์ของข้าไปนำอาหารจากโต๊ะกษัตริย์มาได้!” เขาเริ่มด้วยการส่งกระต่ายป่าเข้าไปในปราสาท เจ้าหญิงจำกระต่ายป่าได้จากเศษสร้อยคอที่นางมอบให้ จึงส่งขนมปังหนึ่งก้อนกลับมา
เจ้าของโรงเตี๊ยมยอมแพ้การเดิมพัน แต่พรานหนุ่มยังคงส่งสัตว์อื่น ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ จนครบ (สุนัขจิ้งจอกไปเอาเนื้อ, หมาป่าไปเอาผัก, หมีไปเอาขนม, สิงโตไปเอาไวน์)
กษัตริย์ทรงประหลาดพระทัยในสัตว์เหล่านี้ เจ้าหญิงจึงแนะนำให้ส่งคนไปตามเจ้านายของพวกมัน เมื่อพรานหนุ่มมาถึงปราสาท เขาก็เห็นศีรษะมังกรเจ็ดหัว ที่ถูกจัดแสดงอยู่ เขาเปิดปากของมันทีละหัวแล้วถามด้วยเสียงดังกังวานว่า “ลิ้นของเจ้าหายไปไหน?” จากนั้น เขาก็หยิบลิ้นมังกรที่ตนเก็บไว้ทั้งเจ็ดลิ้นออกมา
เจ้าหญิงทนความรู้สึกผิดไม่ไหวจึงยอมสารภาพความจริงทั้งหมด นายทหารราชองครักษ์จึงถูกตัดสินประหารชีวิต และพรานหนุ่มก็ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง และขึ้นเป็นกษัตริย์หนุ่ม
วันหนึ่ง กษัตริย์หนุ่มออกล่ากวางขาว และหลงเข้าไปในป่าเพียงลำพัง เขาพบหญิงชรา คนหนึ่งมาขออาศัยไออุ่นจากกองไฟ นางขอร้องให้เขานำไม้เท้าวิเศษมาตีสัตว์ของเขา เพื่อไม่ให้พวกมันทำร้ายนาง กษัตริย์หนุ่มทำตามอย่างไม่ทันคิด สัตว์ทั้งหมดก็กลายเป็นหินทันที และแม่มดก็ใช้โอกาสนี้สาปให้กษัตริย์หนุ่มกลายเป็นหินไปด้วย
พี่ชายฝาแฝด ซึ่งเป็นพรานป่าอีกคนหนึ่ง กลับมาที่จุดแยกทาง และเห็นมีดที่ปักไว้มีสนิมขึ้นเพียงด้านเดียวเขาจึงรู้ทันทีว่าน้องชายกำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง “น้องชายข้าต้องเผชิญภัยใหญ่หลวงแล้ว!” เขาอุทาน
พี่ชายออกเดินทางทันที และมาถึงเมืองของน้องชาย เขาถูกต้อนรับในฐานะกษัตริย์ที่หายไป แต่เขารู้ความจริงทั้งหมด จึงตัดสินใจวางดาบไว้กลางเตียงขณะที่นอนร่วมห้องกับเจ้าหญิง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและรักษาเกียรติของน้องสะใภ้ เมื่อได้ทราบเรื่องราวการหายตัวไปของน้องชาย เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปตามหาในป่าแห่งเดียวกัน และพบกับแม่มดคนเดียวกัน
แม่มดขอให้เขาตีสัตว์ของตนด้วยไม้เท้า แต่พี่ชายปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เมื่อเขาใช้ปืนยิงใส่แม่มด กระสุนตะกั่วทำอะไรนางไม่ได้ พี่ชายจึงฉีกกระดุมเงินสามเม็ด จากเสื้อของตน บรรจุเข้าไปในปืน และยิงใส่นาง กระดุมเงินทำให้พลังของนางอ่อนแอลงทันที
พี่ชายบังคับให้แม่มดคืนสภาพน้องชาย สัตว์ของน้องชาย และเหยื่อรายอื่น ๆ ที่ถูกสาปไว้เป็นหินทั้งหมด เมื่อพี่น้องได้พบกัน พวกเขาก็ต่างเล่าเรื่องผจญภัยของตน แต่เมื่อน้องชาย (กษัตริย์หนุ่ม) ได้ยินว่าพี่ชายถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตน และได้นอนร่วมเตียงกับภรรยา ด้วยความหึงหวงและอารมณ์ชั่ววูบกษัตริย์หนุ่มเข้าใจผิดอย่างรุนแรง ว่าพี่ชายทรยศ เขาจึงชักดาบตัดศีรษะพี่ชายทันที
ทันใดนั้น กษัตริย์หนุ่มก็สำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป กระต่ายป่าซึ่งเป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุดในกลุ่ม รีบวิ่งไปนำรากวิเศษมาอีกครั้ง และชุบชีวิตพี่ชายได้ทันเวลา
เมื่อสองพี่น้องกลับไปถึงปราสาท เจ้าหญิงจำสามีได้จากสร้อยคอที่ประดับอยู่บนสัตว์ของเขา แต่นางก็ถามเขาถึงเรื่องราวในคืนแรกที่พี่ชายกลับมา “คืนนั้นท่านวางดาบไว้กลางเตียงทำไม? ท่านเกลียดข้าหรือไร?”
คำถามนี้ทำให้น้องชายรู้ความจริงทันทีว่า พี่ชายของเขามีความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง เขาจึงสำนึกผิดในการกระทำของตน และทั้งสามก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในที่สุด

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความซื่อสัตย์ที่แท้จริงจะถูกทดสอบอย่างหนักหน่วงที่สุด และแม้กระทั่งความเข้าใจผิดที่ร้ายแรงที่สุดระหว่างพี่น้อง ก็สามารถคลี่คลายได้ด้วยการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและการให้อภัย
นิทานเรื่องนี้มีคติสอนใจหลายแง่มุม ความภักดีและความกตัญญู สัตว์ที่ถูกช่วยชีวิตมีความภักดีอย่างสูงต่อเจ้านาย และการช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าจะได้รับการตอบแทนในยามวิกฤต (เช่น การนำรากวิเศษมาช่วยชีวิต)
การถูกทดสอบ พี่ชายเลือกที่จะวางดาบไว้กลางเตียง (การทดสอบความบริสุทธิ์ใจ) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ต่อเกียรติของน้องชายและน้องสะใภ้ ซึ่งเป็นคุณธรรมสำคัญที่นำไปสู่ความสุขในบั้นปลาย
ผลของอารมณ์ การที่น้องชายตัดศีรษะพี่ชายด้วยความเข้าใจผิดและอารมณ์โกรธฉับพลัน แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการตัดสินใจโดยขาดสติและการใช้สติปัญญาไตร่ตรองความจริงให้ถ่องแท้ก่อน
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานกริมม์อ่านสนุกเพลิดเพลินได้ข้อคิดดี ๆ อ่านได้ทุกวัย ที่นี่ taleZZZ.com
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องสองพี่น้อง (อังกฤษ: The Two Brothers) นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลกชันนิทานของพี่น้องกริมม์ (Grimm’s Fairy Tales) อยู่ในลำดับที่ 060 KHM
โครงเรื่องจัดอยู่ในประเภทนิทาน “การผจญภัยอันตราย” (Adventure Tale) ซึ่งเป็นเรื่องยาวที่มีองค์ประกอบซับซ้อนของการทดสอบความกล้าหาญ การใช้ของวิเศษ และการทวงคืนความยุติธรรม
แก่นของเรื่องคือการนำเสนอภาพของการพลัดพรากของพี่น้อง การได้รับพรวิเศษจากการกินหัวใจสัตว์ การถูกทรยศโดยผู้อื่น และการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจผ่านสัญลักษณ์ (มีดขึ้นสนิมและดาบกลางเตียง) ก่อนจะจบลงด้วยการคืนดีและการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ตามฉบับนิทาน
คติธรรม: “เกียรติยศแห่งความซื่อสัตย์นั้น มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใด ๆ และแม้ความตายก็ไม่อาจพรากความภักดีที่แท้จริงไปได้”

