ความรักที่แท้จริง ไม่ได้วัดกันด้วยพลังหรือความงดงาม หากแต่วัดกันที่ความเข้าใจและการเคารพในหัวใจของผู้อื่น บางครั้งสิ่งที่เรารัก อาจไม่ใช่สิ่งที่เราควรเก็บไว้กับตัว
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่งเล่าถึงเทวดาผู้มีฤทธิ์ ผู้ซึ่งลุ่มหลงในความงามของพระราชินี และคิดว่าตนสามารถเอาชนะทุกสิ่งด้วยพลังของตนเอง แต่เมื่อพบกับพลังของรักแท้ที่ไม่ครอบครอง เขาจึงได้เรียนรู้บทเรียนที่ไม่มีผู้ใดสอน นอกจากใจที่ยอมรับผิดเอง กับนิทานชาดกเรื่องรักแท้

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องรักแท้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในอาณาจักรอันสงบแห่งหนึ่ง มีพระราชากับพระราชินีผู้เป็นที่รักของประชาชน ทั้งสองอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพและปรารถนาดี แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า มีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองพวกเขาอยู่เงียบ ๆ จากฟากฟ้า
ผู้ที่มองลงมานั้นหาใช่มนุษย์ธรรมดาไม่ แต่คือเทวดาแห่งเหล่านก ผู้มีฤทธิ์ มีอำนาจ และมีหัวใจอ่อนไหว
วันหนึ่ง เทวดานั้นจำแลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงาม สวมผ้าคลุมเรียบง่าย แต่ท่วงท่ากลับสง่างามอย่างแปลกตา เขาเดินทางเข้าสู่พระราชวัง และเริ่มเข้าเฝ้าพระราชาเพื่อเล่นสกา ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระองค์
“เจ้าช่างเล่นได้ดีนัก ข้าชอบใจ” พระราชาตรัสขึ้นระหว่างเกม
“ข้าก็ยินดีที่ได้เล่นกับผู้มีพระบารมีเช่นพระองค์” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม
วันแล้ววันเล่า ชายหนุ่มลึกลับก็แวะเวียนมาเล่นสกากับพระราชา จนกลายเป็นที่คุ้นตา
แต่สิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ คือเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น เขาแอบเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจ ความรู้สึกที่มีต่อพระราชินี ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นหญิงผู้มีความสง่างามและจิตใจดีงาม
ไม่นานนัก ความลุ่มหลงก็พาเขาไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น
คืนหนึ่ง ขณะที่พระราชากำลังหลับใหลในห้องบรรทม ชายหนุ่มจำแลงก็เรียกใช้ฤทธิ์แห่งเทวดา แปลงกายเป็นนกยักษ์สะท้อนแสงจันทร์ และบินลอบเข้าสู่ห้องของพระราชินี
ด้วยเวทมนตร์ เขาพาพระนางลอยขึ้นสู่ฟ้า แล้วมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรของตน แดนเร้นลับในหมู่เมฆ
รุ่งเช้า เมื่อพระราชาตื่นขึ้นมาและไม่พบพระราชินี ทรงตกพระทัยยิ่งนัก “รีบตามหานางให้ทั่วหล้า อย่าให้มีที่ใดไม่พลิกดู” พระองค์ตรัสแก่เสนาบดีผู้ซื่อสัตย์
เสนาบดีรีบออกเดินทางทันที ไม่ยอมพักแม้เพียงคืนเดียว ตามร่องรอยทุกเบาะแส ทุกภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้
ขณะเดียวกัน เทวดาจำแลงก็ยังคงแวะมาเล่นสกากับพระราชาเช่นเคย แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
“เหตุใดน้ำพระเนตรท่านจึงหม่นเศร้า” เขาถามด้วยสีหน้าแสร้งห่วงใย
“เราฝืนเล่นเพื่อให้ลืมใจ… แต่มันกลับเจ็บกว่าเดิม” พระราชาตอบเบา ๆ
เบื้องหลังเกมสกา คือหัวใจที่แตกร้าวของผู้สูญเสีย และหัวใจอีกดวงที่ยังไม่ยอมรับว่าตนเองทำผิด

การเดินทางของเสนาบดีเต็มไปด้วยอุปสรรค เขาปีนเขา ลุยฝน และข้ามทุ่งที่ไม่มีแม้แต่เงาคน ด้วยความภักดีที่มั่นคง เขาไม่มีวันยอมแพ้
หลายวันผ่านไป ในที่สุดเขาก็มาถึงยอดผาสูง ที่มีสายลมเย็นและกลิ่นดอกไม้จากแดนไกลโชยมา เขาเงี่ยหูฟัง และได้ยินเสียงพูดเบา ๆ คล้ายบทสนทนาอันเศร้า
เมื่อเขาแอบมองผ่านแนวไม้ ก็เห็นพระราชินีกำลังนั่งอยู่ในศาลาเล็ก ๆ ท่ามกลางสวนลอยฟ้า เธอไม่ได้ถูกกักขัง ไม่มีโซ่ตรวน แต่ดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความเหงา
ชายหนุ่มร่างจำแลงที่อยู่เคียงข้างเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้ามอบให้ท่านทุกสิ่ง ทั้งอำนาจและความรัก ท่านยังจะคิดถึงเขาอีกหรือ?”
พระราชินีเงยหน้าช้า ๆ “รักแท้ไม่ต้องการสิ่งใดแลกมา รักแท้คือการยืนข้างกัน แม้ในยามที่ไม่มีอะไรเหลือเลย”
เสนาบดีไม่รอช้า เขาออกจากที่ซ่อน คุกเข่าลง “ข้าตามหาพระนางมานาน… ขอพากลับเถิด เมืองทั้งเมืองเงียบงันเพราะขาดแสงของพระนาง”
ชายหนุ่มร่างจำแลงนิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาที่เคยแน่วแน่เริ่มสั่นไหว
เมื่อได้ฟังถ้อยคำของทั้งสอง เทวดาผู้จำแลงจึงรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
“แม้ข้าจะมีฤทธิ์ มีความรัก แต่ข้ากลับไม่มีคุณธรรมที่จะครองใจใครได้จริง” เขาพึมพำเบา ๆ
เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาอ่อนลง และยิ้มอย่างเศร้า “ข้าขออภัย… สิ่งที่ข้าทำ มันไม่ใช่ความรัก มันคือความหลง”
จากนั้น เขาหลับตา พลางแปรเปลี่ยนร่างเป็นฝูงนกสีทองที่ค่อย ๆ บินกลับขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วหายลับไปในกลุ่มเมฆ ไม่หวนกลับมาอีกเลย
พระราชินีกลับคืนสู่อ้อมแขนของพระราชา ท่ามกลางน้ำตาแห่งความสุขที่ไหลอาบสองแก้มของทั้งสอง
ไม่มีคำต่อว่าหรือการกล่าวโทษ มีเพียงการกอดกันแน่น และคำพูดเพียงคำเดียวที่เอ่ยเบา ๆ “เจ้ากลับมาแล้ว”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… รักแท้ไม่ใช่การครอบครอง ไม่ใช่การใช้พลังหรืออำนาจเพื่อได้มา หากแต่คือความเข้าใจ การเคารพซึ่งกันและกัน และการยืนอยู่เคียงข้าง แม้ในวันที่ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดถือ
เทวดาผู้มีฤทธิ์สามารถพาใครไปได้ด้วยแรงแห่งเวท แต่กลับไม่อาจผูกหัวใจของผู้เป็นที่รักไว้ได้ เพราะสิ่งที่เขามีคือความลุ่มหลง ไม่ใช่ความเข้าใจ ขณะที่พระราชาผู้สูญเสีย ยังคงจดจำและเฝ้ารอด้วยใจสงบ และเสนาบดีผู้สัตย์ซื่อก็ไม่ยอมละความพยายาม จนทำให้ความรักที่แท้จริงได้กลับคืนมา
ความรักที่ตั้งอยู่บนคุณธรรม ไม่ต้องการการชนะ แต่อยู่ที่การไม่ทอดทิ้ง และรู้ว่าเมื่อใดควรรัก และเมื่อใดควรปล่อยวาง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องรักแท้ (อังกฤษ: True Love) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดเทวชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นเทพหรือเทวดา ซึ่งมักแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ของผู้มีฤทธิ์ ผู้มีอำนาจ หรือผู้เป็นอมตะ ผ่านความผิดพลาดเล็กน้อยที่กลายเป็นบทเรียนยิ่งใหญ่ในเรื่องของคุณธรรมและใจมนุษย์
พระพุทธองค์ตรัสเล่าเมื่อมีภิกษุผู้หนึ่งถามถึงความแตกต่างระหว่างความรักที่แท้จริงกับความลุ่มหลงที่พรากสิ่งดีงามไปจากผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว พระองค์จึงเล่าถึงอดีตชาติที่พระองค์เสวยชาติเป็นเทวดาแห่งเหล่านก ผู้แม้จะมีฤทธิ์ มีปัญญา และรูปลักษณ์งาม แต่กลับพลาดพลั้งเพราะใจที่มัวเมาในสิ่งที่มิใช่ของตน
เมื่อเทวดาแอบลักพาพระราชินีไปยังโลกของตน ด้วยความคิดว่าเป็นการ “มอบความรัก” เขากลับพบว่า สิ่งที่เขาทำคือการพรากคนที่รักกันอย่างแท้จริง พระราชาไม่ได้ตามล่าอย่างเดือดดาล แต่กลับเฝ้ารอด้วยใจที่ไม่ย่อท้อ ส่วนเสนาบดีผู้ซื่อสัตย์ก็เดินทางด้วยแรงแห่งความภักดี จนทำให้รักแท้ได้กลับคืนสู่ที่ของมัน
ชาดกเรื่องนี้จึงสอนว่าแม้ผู้มีฤทธิ์จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หากไร้ความเข้าใจในหัวใจของผู้อื่น ก็ย่อมต้องเรียนรู้ด้วยความเจ็บปวด และบางครั้ง การจากไปด้วยการยอมรับผิด ก็คือรูปแบบหนึ่งของการรักอย่างแท้จริง
คติธรรม: “รักแท้ไม่ใช่การพาใครมาอยู่กับเรา แต่คือการยอมให้เขาอยู่ในที่ที่ใจเขาเลือก โดยไม่ฝืน ไม่บังคับ และไม่ครอบครอง”