นิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม

ปกนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม

ในโลกนี้ ผู้คนล้วนมีเอกลักษณ์และคุณค่าในแบบของตนเอง บางคนโดดเด่นด้วยความงาม บางคนภาคภูมิใจในความสามารถ และบางคนก็พยายามทำให้ตนเองเป็นที่ยอมรับแม้จะไม่มีสิ่งใดโดดเด่น

เมื่อใดที่เกิดการถกเถียงกันระหว่างผู้ที่มีเหตุผลและคุณค่า มักจะมีบางคนที่ไร้ความหมายพยายามเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ไม่ได้มีบทบาทหรือความจำเป็นใดๆ เรื่องราวของต้นทับทิม ต้นแอปเปิล และพุ่มหนาม จะสะท้อนให้เห็นว่าบางครั้ง การพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจไม่ได้ทำให้ตนเองดูสำคัญขึ้นเลย กับนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางสวนกว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ต้นทับทิมและต้นแอปเปิล เติบโตอยู่เคียงข้างกัน พวกมันต่างมีความงดงามและโดดเด่นในแบบของตัวเอง ดอกทับทิมสีแดงสดเบ่งบานในแสงแดด ขณะที่ต้นแอปเปิลมีผลสีทองอร่ามที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล

วันหนึ่ง เมื่อลมพัดผ่าน กิ่งก้านของพวกมันกระทบกัน และจู่ ๆ ต้นทับทิมก็เอ่ยขึ้น

“เพื่อนเอ๋ย ข้าคิดว่าข้าคงเป็นต้นไม้ที่งดงามที่สุดในสวนนี้ ดอกของข้าแดงสดราวกับเปลวไฟ และผลของข้าก็งดงามราวกับอัญมณี”

ต้นแอปเปิลหัวเราะเบา ๆก่อนกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจผิดไปหน่อยนะ ทับทิมเอ๋ย แม้ดอกของเจ้าจะงาม แต่ผลของข้านั้นทั้งหอมหวานและเป็นที่โปรดปรานของผู้คนมากกว่าของเจ้าเสียอีก”

ต้นทับทิมชูใบขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะงดงามกว่าข้า ความงามของต้นไม้ไม่ได้วัดจากรสชาติของผลไม้ แต่จากความโดดเด่นของมันต่างหาก!”

ต้นแอปเปิลสั่นไหวเล็กน้อยเพราะสายลม แต่ไม่ได้ถอย “แล้วทำไมความงามต้องวัดจากสีสันเท่านั้นล่ะ? ผลไม้ของข้าเป็นอาหารที่คนทั่วโลกโปรดปราน และความงามของข้านั้นอยู่ที่คุณค่า ไม่ใช่เพียงสีสัน!”

ต้นทับทิมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น เราควรให้ผู้คนเป็นผู้ตัดสิน!”

ต้นแอปเปิลพยักใบเห็นด้วย และการโต้เถียงของพวกมันก็เริ่มขึ้น

ขณะที่ต้นไม้ทั้งสองยังคงเถียงกันไม่จบไม่สิ้นพุ่มหนามที่เติบโตอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินการโต้เถียงนั้นตลอดมา มันเป็นเพียงพุ่มไม้เตี้ย ๆ ที่ไม่มีดอก ไม่มีผล มีเพียงกิ่งก้านแห้งและหนามแหลมทั่วทั้งลำต้น

มันอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “เพื่อนรักเอ๋ย พวกเจ้าหยุดเถียงกันเถอะ!”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม 2

ต้นทับทิมและต้นแอปเปิลหยุดโต้เถียงทันที พวกมันหันมามองพุ่มหนามด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมาพูดเช่นนี้?” ต้นทับทิมกล่าว “เจ้าไม่มีทั้งดอกที่งดงามหรือผลที่มีค่า ทำไมเจ้าจึงมายุ่งกับการถกเถียงของเรา?”

ต้นแอปเปิลเสริมขึ้น “ใช่แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรมาสอนพวกเรา? เรากำลังพูดถึงความงาม แต่เจ้ากลับเป็นเพียงพุ่มไม้แห้งแล้งที่ไม่มีสิ่งใดให้กล่าวถึงเลย!”

พุ่มหนามขยับกิ่งของมันเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “นั่นสินะ ข้าไม่มีดอกไม้ ไม่มีผลไม้ แต่ข้าอยู่ที่นี่เสมอ และเมื่อใดที่ผู้คนเดินผ่านสวนนี้ พวกเขามักจะเหลียวมองและหวังว่าข้าจะไม่ขวางทางของพวกเขา”

ต้นไม้ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย พวกมันเริ่มรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดพุ่มหนามจึงกล่าวเช่นนั้น

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ต้นทับทิมถาม

“ข้าอาจไม่งดงาม ไม่ให้ร่มเงา และไม่มีผลไม้ที่ใครต้องการ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า เมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้มีความรู้และภูมิฐาน มักมีพวกไร้ค่าอย่างข้าเข้ามาทำตัวสำคัญ?”

ต้นแอปเปิลและต้นทับทิมชะงักไป

“ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถกเถียงของพวกเจ้า แต่ข้ากลับพยายามทำให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของมัน เช่นเดียวกับที่ข้าเติบโตขึ้นระหว่างสวนแห่งนี้ แม้ไม่มีใครต้องการ ข้ายังคงอยู่ตรงนี้”

ต้นไม้ทั้งสองนิ่งเงียบ พวกมันเริ่มเข้าใจว่าพุ่มหนามกำลังเปรียบเปรยถึงตัวมันเอง ว่ามันอาจไม่จำเป็น แต่ก็มักจะพยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเสมอ

หลังจากนั้นไม่นาน ต้นทับทิมถอนใบเบา ๆ “บางทีข้าอาจไม่ควรเสียเวลาถกเถียงกับเจ้า ต้นแอปเปิล”

ต้นแอปเปิลพยักใบเห็นด้วย “ข้าเองก็เช่นกัน เราต่างมีความงามในแบบของตนเอง และไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ใครมาตัดสิน”

พวกมันหันไปมองพุ่มหนามเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกล่าวว่า “และบางที เราอาจไม่ควรให้พวกที่ไร้ค่าเข้ามาทำให้เราหลงลืมสิ่งสำคัญไป”

จากนั้น ต้นไม้ทั้งสองก็ยุติการถกเถียงกัน และปล่อยให้สายลมพัดผ่านกิ่งก้านของพวกมันอย่างสงบ ในขณะที่พุ่มหนามยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งความสำคัญใด ๆ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทุกคนต่างมีคุณค่าในแบบของตนเอง แต่ไม่ใช่ทุกคนจำเป็นต้องเข้าไปมีบทบาทในทุกเรื่อง และเมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้มีปัญญาและผู้ทรงคุณวุฒิ มักมีผู้ที่ไร้ความหมายพยายามเข้ามามีบทบาทโดยไม่จำเป็น

ต้นทับทิมและต้นแอปเปิลต่างถกเถียงกันเรื่องความงามของตนเอง ซึ่งแม้จะเป็นการโต้แย้งที่มีเหตุผล แต่กลับมีพุ่มหนามที่ไร้ค่าเข้ามาแทรก โดยที่มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และไม่ได้มีคุณค่ามากพอจะร่วมถกเถียงด้วย

เช่นเดียวกับในชีวิตจริง บ่อยครั้งที่คนมีความสามารถถกเถียงกันด้วยหลักการและเหตุผล แต่กลับมีบุคคลที่ไร้สาระหรือขาดความเข้าใจพยายามเข้ามามีบทบาทเพื่อให้ตนดูสำคัญ ทั้งที่ไม่ได้มีความจำเป็นหรือคุณค่าใดๆ ต่อการสนทนา

“ไม่ใช่ทุกเสียงที่ควรค่าแก่การรับฟัง และไม่ใช่ทุกคนที่สมควรมีบทบาทในบทสนทนาของผู้รู้”

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องต้นไม้กับพุ่มหนาม (อังกฤษ: The Trees and the Bramble) เป็นชื่อที่ใช้เรียกนิทานหลายเรื่องที่มีแนวโน้มคล้ายคลึงกัน ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเพณีวรรณกรรมของเอเชียตะวันตก ที่เน้นบทสนทนาและโต้แย้งระหว่างคู่แข่ง นิทานเกี่ยวกับพืชที่มีความเกี่ยวข้องกัน ได้แก่ นิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ (The Oak and the Reed) และ นิทานอีสปเรื่องต้นสนกับพุ่มหนาม (The Fir and the Bramble) เรื่องราวเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงข้อถกเถียงเรื่องคุณค่า ความแข็งแกร่ง และการรู้จักประมาณตน

นิทานเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 213 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) เล่าเรื่องต้นทับทิมกับต้นแอปเปิล ที่กำลังถกเถียงกันว่าใครงดงามกว่ากัน ขณะที่ทั้งสองโต้เถียงกันไม่จบ พุ่มหนามที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินเข้า และกล่าวว่า “เพื่อนรัก หยุดทะเลาะกันเถอะ” เนื้อเรื่องมีความกระชับ และให้คติในเชิงขบขันว่า:

“เมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้มีความรู้และภูมิฐาน มักมีพวกไร้ค่าเข้ามาทำตัวสำคัญ”

นิทานเรื่องนี้ปรากฏในแหล่งข้อมูลภาษากรีกเป็นเวลานาน และแม้ว่าในศตวรรษที่ 16 และ 17 จะมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับต้นไม้อื่น ๆ

ในปี 1564 ฮีโรนิมัส โอเซียส (Hieronymus Osius) นักกวีนีโอละติน ได้แต่งเรื่องนี้ในชื่อ “แอปเปิลกับลูกแพร์” (The Apple and the Pear) โดยให้คติว่า “เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ทะเลาะกัน คนต่ำต้อยมักได้ใจ”

ชาร์ลส์ ฮูล (Charles Hoole) นำเรื่องนี้บรรจุไว้ใน Aesop’s Fables English and Latin (1657) ภายใต้ชื่อ “ต้นพีชกับต้นแอปเปิล” (The Peach-tree and the Apple-tree) พร้อมคติว่า “คนต่ำต้อยมักชอบยุติข้อพิพาทของผู้ที่เหนือกว่าตน”

โรเจอร์ เลอสแตรงจ์ (Roger L’Estrange) ก็ใช้แนวคิดนี้เช่นกัน โดยสรุปว่า “ทุกสิ่งล้วนอยากให้โลกมองว่าตนยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นจริง”

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com