ในโลกของการแข่งขัน บางคนเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่า พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ฉลาดเฉียบแหลม หรือได้รับโอกาสที่ดีกว่าผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางคนที่แม้จะไม่ได้โดดเด่นตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กลับมุ่งมั่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
ณ ป่าแห่งหนึ่ง สัตว์ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตตามวิถีของตนเอง ท่ามกลางพวกมันมีผู้ที่รวดเร็วปราดเปรียว และผู้ที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า วันหนึ่ง เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น กลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ทำให้พวกมันได้เรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่นำพาผู้หนึ่งไปสู่จุดหมายที่แท้จริง กับนิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า
ณ ป่าใหญ่เขียวชอุ่ม ที่ซึ่งลำธารใสไหลผ่านและต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมเป็นร่มเงา เหล่าสัตว์ป่าต่างอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หนึ่งในนั้นคือกระต่าย สัตว์ที่ว่องไวที่สุดในป่า มันสามารถกระโดดข้ามก้อนหิน วิ่งผ่านพุ่มไม้ และพุ่งไปข้างหน้าได้เร็วกว่าสัตว์ตัวใด กระต่ายภูมิใจในความเร็วของมันนัก และมักอวดอ้างเสมอว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะมันได้
วันหนึ่ง ขณะที่กระต่ายกำลังกระโดดโลดเต้นไปตามทางเดินในป่า มันเห็นเต่าค่อย ๆ เดินต้วมเตี้ยมอยู่ริมทาง กระต่ายหยุดลงแล้วหัวเราะเสียงดัง
“โอ้ นี่เจ้ากำลังเดินอยู่จริง ๆ หรือ? หรือว่ากำลังยืนเฉย ๆ กันแน่?”
เต่าหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองกระต่าย มันไม่ได้แสดงความโกรธ แต่เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเดินช้า แต่ข้าไปถึงที่หมายเสมอ”
กระต่ายหัวเราะเสียงดังยิ่งกว่าเดิม “ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหมายถึงอะไรกัน? ถ้าการเดินของเจ้าเป็นแบบนี้ เจ้าคงใช้เวลาทั้งวันกว่าจะไปถึงอีกฟากของป่า!”
“บางครั้ง ผู้ที่ช้าแต่มั่นคง อาจไปถึงเส้นชัยก่อนผู้ที่เร่งรีบและประมาท” เต่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
กระต่ายกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นเรามาพิสูจน์กันดีไหม? ข้าขอท้าเจ้าแข่งขันวิ่ง! ถ้าเจ้าคิดว่าความพากเพียรของเจ้าสำคัญนัก ก็ลองมาวิ่งแข่งกับข้าดู!”
เหล่าสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจ และพากันหัวเราะเมื่อได้ยินคำท้าของกระต่าย ไม่มีใครคิดว่าเต่าจะมีโอกาสชนะเลย
“ข้าตกลง!” เต่ากล่าวอย่างหนักแน่น
“อะไรนะ!? เจ้ายอมรับคำท้าจริง ๆ หรือ?” กระต่ายถามอย่างเหลือเชื่อ
“แน่นอน ทำไมข้าจะไม่ยอมรับล่ะ?” เต่าตอบ “ข้าต้องการแสดงให้เจ้ารู้ว่า ความเร็วไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญในการเดินทาง”
ข่าวเรื่องการแข่งขันแพร่กระจายไปทั่วป่าอย่างรวดเร็ว สัตว์ทุกตัวต่างตื่นเต้นและพากันมารวมตัวที่ลานกว้างเพื่อชมการแข่งขัน
มื่อถึงวันแข่ง เสือผู้เป็นกรรมการยืนอยู่ตรงจุดเริ่มต้น มันประกาศกติกาให้ทุกตัวได้ยิน “การแข่งขันนี้ง่ายมาก ใครไปถึงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่สุดปลายทางก่อนเป็นผู้ชนะ! พร้อมหรือยัง?”
“พร้อมเสมอ!” กระต่ายกล่าวอย่างมั่นใจ
เต่าพยักหน้าเบา ๆ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของมัน
“เอาล่ะ! เตรียมตัว… ไป!”
สิ้นเสียงสัญญาณ กระต่ายพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง ทิ้งเต่าไว้ข้างหลังภายในพริบตา เหล่าสัตว์ป่าต่างเชียร์กระต่ายด้วยเสียงดัง “ดูสิ! กระต่ายไปไกลแล้ว!”
เต่าไม่ได้เร่งรีบ มันเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่สนใจเสียงหัวเราะหรือคำดูถูกที่ดังรอบตัว
ผ่านไปไม่นาน กระต่ายวิ่งนำไปไกลจนมองไม่เห็นเต่าแล้ว มันหันกลับมามองข้างหลัง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “โอ้ น่าสงสารจริง ๆ เจ้ายังไม่ทันออกจากจุดเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ!”
กระต่ายมั่นใจว่าตัวเองนำอยู่ไกลมาก มันจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องรีบร้อน “ข้าคงมีเวลาพักสักหน่อยก็ยังชนะได้สบาย”
กระต่ายมองหาต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น แล้วเอนตัวลงใต้เงาไม้ ลมเย็นพัดผ่านทำให้มันรู้สึกผ่อนคลาย
“เพียงแค่พักสายตาสักครู่เดียว… แล้วข้าจะวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างง่ายดาย!”
เต่ายังคงก้าวเดินไปข้างหน้า มันไม่ได้หยุดพัก ไม่ได้เร่งรีบ แต่เดินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันจะรู้ว่าตัวเองช้ากว่ากระต่ายหลายเท่า แต่มันก็รู้ว่าหากมันไม่หยุดเดิน มันก็จะไปถึงเส้นชัยในที่สุด
เวลาผ่านไปนาน กระต่ายยังคงหลับสนิท ใบไม้พลิ้วไหวเบา ๆ รอบตัวมัน มันไม่รู้เลยว่าเต่าค่อย ๆ เข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้นทุกที
ในที่สุด เมื่อเต่าคลานไปจนใกล้ถึงต้นไม้ใหญ่ สัตว์ป่าที่รอดูการแข่งขันอยู่เริ่มกระซิบกันด้วยความตกใจ
“ดูสิ! เต่ากำลังจะถึงเส้นชัย!”
เสียงกระซิบนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระต่ายสะดุ้งตื่นขึ้น มันรีบกระโดดขึ้นมา แล้วมองไปข้างหน้า
“ไม่นะ! ข้านอนหลับไปนานแค่ไหนกัน!?”
เมื่อเห็นเต่ากำลังจะเข้าเส้นชัย กระต่ายตกใจมาก มันรีบออกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด แต่มันสายเกินไปแล้ว
เมื่อกระต่ายพุ่งไปข้างหน้าเพื่อพยายามแซง เสียงร้องของสัตว์ป่าก็ดังขึ้น “เต่าชนะแล้ว!”
เต่าคลานเข้าเส้นชัยก่อนกระต่ายเพียงไม่กี่ก้าว ขณะที่กระต่ายวิ่งมาถึงในวินาทีถัดมา
กระต่ายยืนหอบอยู่ที่เส้นชัย มันยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “ข้าแพ้ได้ยังไง? ข้าเร็วกว่ามันตั้งมากมาย!”
เต่าหันมามองกระต่ายก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่า บางครั้งผู้ที่ช้าแต่มั่นคง ก็สามารถไปถึงเส้นชัยได้ก่อนผู้ที่เร่งรีบและประมาท”
กระต่ายก้มหน้าด้วยความอับอาย มันเข้าใจแล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ ไม่ใช่เพราะมันช้า แต่เพราะมันประมาท
เหล่าสัตว์ป่าพากันปรบมือและกล่าวชื่นชมเต่า ในขณะที่กระต่ายได้แต่เดินจากไปเงียบ ๆ มันได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในวันนี้
“ไม่ใช่ผู้ที่เริ่มต้นเร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะเสมอไป แต่คือผู้ที่ไม่ยอมแพ้และเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่างหาก ที่ไปถึงจุดหมายได้สำเร็จ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความพากเพียรและความมั่นคงสำคัญกว่าความเร็วเพียงอย่างเดียว แม้เต่าจะเคลื่อนที่ช้า แต่มันไม่เคยหยุดเดิน จึงสามารถไปถึงเส้นชัยได้ ในขณะที่กระต่าย แม้จะมีความสามารถเหนือกว่า แต่กลับประมาทและเสียโอกาสไป
ความประมาทอาจทำให้เราพ่ายแพ้ แม้จะมีข้อได้เปรียบเหนือผู้อื่น กระต่ายมั่นใจในความเร็วของตนเองจนหยุดพัก และปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป ในชีวิตจริง หากเราหยุดพัฒนาตัวเองเพราะคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น เราอาจพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่ไม่เคยหยุดก้าวไปข้างหน้า
สุดท้ายชัยชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเริ่มต้นเร็วที่สุด แต่อยู่ที่ใครไม่ยอมแพ้และก้าวเดินอย่างมั่นคงจนถึงจุดหมาย
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า (อังกฤษ: The Tortoise and the Hare) เป็นหนึ่งในนิทานอีสปเป็นหนึ่งในนิทานอีสปเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลกเป็นอย่างมาก นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 226 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) เรื่องราวการแข่งขันระหว่างคู่แข่งที่ไม่เท่าเทียมกันนี้ได้รับการตีความในหลายแง่มุม รวมถึงมีการไปตีความเป็นนิทานพื้นบ้านแต่ละประเทศหรือภาษาหลากหลายอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้เล่าถึงกระต่าย ที่เยาะเย้ยเต่า ผู้เคลื่อนไหวเชื่องช้า ด้วยความเบื่อหน่ายต่อความหยิ่งยโสของกระต่าย เต่าจึงท้าทายให้แข่งวิ่งกัน กระต่ายออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเต่าไว้ข้างหลัง และด้วยความมั่นใจว่าตนต้องชนะอย่างแน่นอน มันจึงหยุดพักงีบกลางทาง แต่เมื่อกระต่ายตื่นขึ้น กลับพบว่าเต่าผู้คืบคลานไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ได้เข้าเส้นชัยก่อนตนแล้ว
ในภายหลัง นิทานฉบับของ ฌอง เดอ ลา ฟงแตน (Jean de La Fontaine) ใน Fables (VI.10) แม้จะมีการเล่าเรื่องที่ยืดยาวขึ้น แต่แทบไม่แตกต่างจากต้นฉบับดั้งเดิมของอีสป (Aesop)
เช่นเดียวกับนิทานอีสปหลายเรื่อง คติที่สอนในเรื่องนี้อาจตีความได้หลายแง่มุม ในยุคกรีกโบราณ สิ่งที่ถูกเน้นไม่ได้เป็นความกล้าหาญของเต่าในการเผชิญหน้ากับผู้โอหัง แต่เป็น ความประมาทและความหลงตัวเองของกระต่าย
นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคนจำนวนมากมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ แต่กลับปล่อยให้ความเกียจคร้านทำลายมันไป ในทางกลับกัน ความมีสติ ความมุ่งมั่น และความพากเพียร สามารถเอาชนะความเฉื่อยชาได้