ในดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและการช่วงชิง บัลลังก์ทองไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย แต่ต้องแลกมาด้วยความอดทน ความกล้าหาญ และปัญญาอันลึกซึ้ง
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง… ที่กล่าวถึงเจ้าชายผู้มากด้วยคุณธรรมซึ่งต้องเผชิญบททดสอบจากสิ่งที่มองไม่เห็น ทั้งอำนาจแห่งความริษยา และนางฟ้าผู้ทดสอบใจ เขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร กับนิทานชาดกเรื่องเจ้าชายสามองค์กับนางฟ้า

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องเจ้าชายสามองค์กับนางฟ้า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในแคว้นอันสงบสุขแห่งหนึ่ง มีพระราชาผู้ปกครองด้วยสติปัญญาและความเที่ยงธรรม พระองค์มีพระโอรสอยู่สามองค์ สองพระองค์แรกเป็นโอรสจากพระราชินีองค์ก่อน ส่วนพระโอรสองค์สุดท้องนั้น เป็นบุตรของพระราชินีองค์ใหม่ ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานและคิดการใหญ่
วันหนึ่ง พระราชินีแม่เลี้ยงกราบทูลด้วยน้ำเสียงหวานว่า “พระองค์เจ้าขา ขอทรงโปรดตั้งพระโอรสของหม่อมฉันให้เป็นรัชทายาทเถิดเพคะ”
แต่พระราชาเพียงส่ายพระเศียรและตรัสด้วยเสียงเย็นว่า “ข้าเลือกผู้ที่มีคุณธรรม ไม่ใช่เพียงเพราะสายเลือด”
เมื่อความต้องการไม่เป็นจริง พระราชาเริ่มระแวงว่า พระราชินีอาจลอบทำอันตรายแก่โอรสสองพระองค์แรก พระองค์จึงเรียกโอรสทั้งสองมาพบและตรัสว่า “ลูกเอ๋ย จงออกจากวังไปพำนักในป่าชั่วคราวเถิด รอจนพ่อจากโลกนี้ไปจึงค่อยกลับมา”
พระโอรสทั้งสองรับพระบัญชาอย่างไม่อาจปฏิเสธ และเมื่อพวกเขาเดินจากไปจนถึงประตูวัง พระโอรสองค์สุดท้องก็ก้าวเข้ามา
“ข้าไม่อาจปล่อยให้พี่ทั้งสองลำพังได้” พระองค์ตรัสเสียงหนักแน่น “แม้จะเป็นลูกของคนละมารดา แต่เราก็เติบโตเคียงกันมา”
ทั้งสามพระองค์จึงออกเดินทางสู่ป่าใหญ่ด้วยใจหนักแน่น แต่ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือบททดสอบแห่งปัญญา
หลายวันผ่านไป พวกเขาได้ที่พำนักใกล้สระน้ำใสกลางป่า วันหนึ่ง พระโอรสองค์สุดท้องอาสาไปตักน้ำให้พี่ทั้งสอง
ณ สระน้ำแห่งนั้น มีนางฟ้าผู้พิทักษ์อาศัยอยู่ นางแปลงกายปรากฏตัวขึ้นกลางผิวน้ำ ขณะที่เจ้าชายก้มลงตักน้ำ
“เจ้าหนุ่ม จะนำน้ำจากสระนี้ไปหรือ?” นางฟ้าถามด้วยเสียงใสดังระฆัง “ตอบคำถามข้าให้ถูกเสียก่อน จึงจะเอาน้ำไปได้ หากตอบผิด เจ้าจะติดอยู่ที่นี่”
พระโอรสองค์สุดท้องไม่เกรงกลัว ทรงพยักหน้าอย่างมั่นใจ นางฟ้าจึงเอ่ยคำถามอันลึกซึ้งหนึ่งข้อ แต่คำตอบของพระองค์กลับผิดเพี้ยน
ทันใดนั้น นางฟ้ายื่นมือวิเศษออกมาและเปล่งมนต์ “จงนิ่งอยู่ ณ ที่นี้ จนกว่าจะมีผู้รู้มาช่วยเจ้า” ร่างของพระโอรสกลายเป็นรูปปั้นนิ่งข้างสระทันที
เมื่อเวลาผ่านไป พระโอรสองค์รองออกตามหาน้องชาย และมาถึงสระน้ำนั้น
“เจ้ามองหาน้องอยู่หรือ?” นางฟ้าถามอีกครั้ง “จงตอบคำถามให้ถูกเสียก่อน จึงจะได้พบน้องเจ้า”
เจ้าชายองค์รองรับคำท้า แต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน และต้องชะตาเดียวกับน้องชาย กลายเป็นรูปปั้นนิ่งอีกองค์เคียงข้างกัน

เมื่อสองพระโอรสยังไม่กลับมา พระโอรสองค์ใหญ่ก็เริ่มเป็นห่วง
“ช่างเงียบงันเกินไป ป่านนี้น้องทั้งสองควรกลับถึงแล้ว” พระองค์พึมพำ พลางหยิบธนูคู่กายออกเดินตามรอยเท้าไปยังสระน้ำ
ทันทีที่มาถึง ร่างของน้องชายทั้งสองที่กลายเป็นรูปปั้นนิ่งข้างสระก็ปรากฏต่อสายตา พระโอรสองค์ใหญ่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกใจ
ทันใดนั้น นางฟ้าผู้เฝ้าสระก็ปรากฏกายขึ้นจากผิวน้ำอย่างสง่างาม
“เจ้าก็มาตักน้ำเช่นกันหรือ?” นางเอ่ยเสียงหวานเจือเย็น “แต่ก่อนจะทำเช่นนั้น ๆ เจ้าต้องตอบคำถามของข้าให้ถูกเสียก่อน”
พระโอรสไม่สะทกสะท้าน พระองค์พยักหน้าเบา ๆ และนางฟ้ากล่าวคำถามเดียวกับที่เคยถามน้องชาย
พระองค์หลับตาครู่หนึ่ง ก่อนเปิดตาขึ้นแล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คำตอบคือ…ความรู้และการพินิจพิเคราะห์ย่อมสำคัญกว่ากำลังและความกล้า”
นางฟ้าหลับตาลงครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก
“เจ้าชายเอ๋ย เจ้าคือผู้มีปัญญาแท้ ข้าขอคืนอิสรภาพให้น้องชายทั้งสองของเจ้า”
เมื่อกล่าวจบ เงารูปปั้นของน้องชายก็แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างจริง ทั้งสองพระองค์ค่อย ๆ ลืมตาและหายใจออกช้า ๆ ดั่งตื่นจากภวังค์
“พี่ใหญ่ ๆ ท่านมาช่วยเราไว้…” พระโอรสองค์รองพูดเสียงสั่น
“เราไม่รู้เลยว่าเงื่อนไขของนางฟ้าลึกซึ้งเพียงนี้” องค์สุดท้องเอ่ยอย่างละอายใจ
พระโอรสองค์ใหญ่ยิ้มเพียงน้อย “ขอเพียงเรายึดมั่นในสติปัญญา ๆ และไม่ประมาท ๆ เราย่อมพ้นภัยใด ๆ ได้”
จากนั้นทั้งสามองค์ก็พำนักอยู่ในป่าตามพระบัญชาของพระราชา จนกระทั่งพระราชาสิ้นพระชนม์ พระโอรสทั้งสามจึงกลับคืนสู่พระนคร และพระโอรสองค์ใหญ่ก็ได้ขึ้นครองราชย์ด้วยความยินยอมของทุกฝ่าย
พระองค์ทรงครองราชย์ด้วยเมตตาและสติปัญญา เฉกเช่นวันนั้นที่ทรงเลือกคำตอบด้วยใจที่สงบ ไม่ใช่ด้วยความกลัว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การใช้ปัญญาไตร่ตรองอย่างสงบเยือกเย็น ย่อมนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาและปกป้องผู้คนรอบข้างได้ดีกว่าการรีบร้อนด้วยความกล้าหรือความประมาท เพราะสติและปัญญาเป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของผู้นำที่พึงเคารพ
แม้เจ้าชายองค์ใหญ่จะเผชิญกับสถานการณ์เดียวกับน้อง ๆ ของตน แต่กลับไม่หลงกลอารมณ์หรือรีบร้อนตอบคำถามนางฟ้า หากเลือกใช้สติพิจารณาและตอบด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง จนสามารถช่วยเหลือทั้งสองพระอนุชาและฟื้นคืนความสามัคคีในครอบครัวได้
ความกล้าหาญแท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การเผชิญหน้าเท่านั้น แต่อยู่ที่การยืนหยัดในความถูกต้องด้วยปัญญา แม้เมื่อเผชิญกับสิ่งล่อใจหรือบททดสอบอันยากลำบากก็ตาม
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องเจ้าชายสามองค์กับนางฟ้า (อังกฤษ: The Three Princes and the Fairy) จัดอยู่ในหมวด มนุษยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ ซึ่งสะท้อนการฝึกตนในด้านปัญญาและเมตตาธรรม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบำเพ็ญบารมีในชาติภพต่อไป
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งตั้งคำถามว่า เหตุใดบางคนจึงสามารถรักษาความมั่นคงทางจิตใจได้ แม้เผชิญกับอุปสรรค ในขณะที่บางคนกลับพ่ายแพ้ต่อความประมาทและอารมณ์
พระองค์จึงทรงเล่าถึงชาติหนึ่งซึ่งพระองค์ได้เสวยชาติเป็นเจ้าชายผู้เปี่ยมด้วยปัญญา และสามารถช่วยเหลือพระอนุชาทั้งสองที่ถูกนางฟ้าทดสอบเอาไว้ ด้วยการใช้สติและคำตอบที่ชาญฉลาด
ชาดกเรื่องนี้จึงสื่อให้เห็นว่า ผู้นำที่แท้จริงย่อมเป็นผู้รู้จักไตร่ตรอง ยืนหยัดในคุณธรรม และพร้อมจะเสียสละเพื่อผู้อื่น ด้วยจิตใจที่สงบและมั่นคง
คติธรรม: “ผู้มีปัญญา ย่อมไม่หวั่นไหวต่อบททดสอบ แต่ใช้สติและเมตตา นำพาตนและผู้อื่นออกจากความมืดแห่งความหลงผิด”