หลายคนมักคิดว่าความยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมชื่อเสียงและเกียรติ แต่ในคำสอนของเต๋า ความสำเร็จที่แท้จริงกลับอยู่ในสิ่งที่เงียบงัน ไม่โอ้อวด และคงอยู่ชั่วกาลเวลา
มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อได้เล่าไว้ ผ่านเหตุการณ์เรียบง่าย แต่แฝงปัญญาลึกซึ้ง ว่าด้วยพลังแห่งการทำสิ่งยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องประกาศนาม กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องภารกิจแห่งความสำเร็จ

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องภารกิจแห่งความสำเร็จ
กาลหนึ่ง… ข้าออกเดินทางท่ามกลางหมอกหนาทึบของหุบเขา เสียงลมพัดผ่านยอดไม้คล้ายบทเพลงของธรรมชาติ และเสียงน้ำจากลำธารที่ไหลแรงลงเบื้องล่าง ทำให้ข้าก้าวอย่างระมัดระวัง แต่ใจสงบ
เมื่อก้าวถึงริมแม่น้ำ ข้าพบว่าน้ำเชี่ยวกราก ซัดกระแทกโขดหินดังก้อง หากปราศจากหนทางข้าม ผู้คนคงไม่สามารถไปยังไร่หรือแหล่งอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ ทุกชีวิตจะลำบาก ขณะนั้นเอง สายตาข้าก็สะดุดกับ สะพานหินใหญ่ทอดตัวข้ามแม่น้ำ แข็งแรงมั่นคงดุจรากไม้โบราณที่ฝังลึกลงพื้นดิน
ผู้คนก้าวข้ามสะพานเพื่อไปยังไร่และทุ่งนา เด็ก ๆ วิ่งไปหาผลไม้ป่าอีกฟัง พ่อค้าแบกหาบอาหารและเครื่องใช้ เด็กหญิงหอบน้ำจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่ง ทุกคนใช้สะพานนี้โดยไม่รู้สึกถึงความลำบาก
ข้าหยุดยืนมองภาพนั้น ความสงสัยเกิดขึ้นในใจ “ผู้ใดเล่าที่ลงแรงสร้างสิ่งยิ่งใหญ่เช่นนี้ เพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้คน แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยชื่อเสียงไว้?”
ลมพัด น้ำไหล และเสียงเท้าผู้คนบนสะพานผสมกลมกลืนกัน ราวบทสวดเงียบ ๆ ที่สะท้อนถึงความสงบและความช่วยเหลืออันนิรันดร์
เมื่อข้าเดินเข้าสู่หมู่บ้านปลายสะพาน ชาวบ้านกำลังทำงานด้วยใบหน้าสงบ บ้างยกตระกร้าอาหารขึ้นตลาด บ้างซ่อมแปลงหลังคา บ้างเด็ก ๆ กำลังวิ่งไปไร่และสวนผลไม้
ข้าถามผู้เฒ่าที่นั่งใต้ต้นไม้ “ท่านผู้เฒ่า ข้าอยากทราบว่า สะพานนี้ใครเป็นผู้สร้าง?”
ผู้เฒ่าส่ายศีรษะ ยิ้มบาง ๆ พลางมองฟ้า “สะพานนี้อยู่มานานนักแล้ว ข้าเกิดมาพบเห็นเช่นนี้ ไม่เคยรู้จักผู้สร้างเลย”
ข้าหันไปถามหญิงชราที่หาบน้ำ “ท่านยาย รู้ไหมว่าใครสร้างสะพานนี้?”
หญิงชราหัวเราะเบา ๆ “เจ้าของหรือ? ไม่มีหรอกลูกเอ๋ย เราเพียงรู้ว่า สะพานนี้ช่วยให้เราผ่านน้ำไปไร่ ไปสวน หรือหาผลไม้และอาหารได้ทุกวัน เราไม่สนใจว่าใครสร้าง”
เด็ก ๆ เสริมเสียงใส
“สะพานนี้ช่วยให้เราไปไร่และป่าฝั่งตรงข้ามได้เร็ว แต่เราไม่เคยรู้ว่าใครสร้าง!”
ข้าหยุดฟังคำตอบเหล่านี้ ความสงสัยมิได้หายไป แต่กลับกลายเป็นความเข้าใจบางอย่างในใจ ข้าคิดในใจว่า “ความยิ่งใหญ่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การอวดตัว แต่เกิดจากการช่วยเหลือและเกื้อหนุนผู้คนอย่างเงียบ ๆ”
ข้านั่งลงบนหินริมสะพาน มองผู้คนเดินไปมาและสายน้ำไหล ข้ารู้สึกถึงความสงบและความมหัศจรรย์ของสิ่งที่สร้างขึ้นโดยไร้ชื่อเสียง และเริ่มเข้าใจว่า การกระทำที่ช่วยชีวิตผู้คน โดยไม่ต้องการการยกย่อง คือรากฐานของความยิ่งใหญ่แท้จริง

เมื่อข้ากลับมายืนบนสะพานอีกครั้ง แสงแดดยามเช้าสาดลงบนหินจนประกายระยับ เสียงน้ำกระทบสะพานและก้อนหินทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมีบทสวดเงียบ ๆ จากสรรพสิ่งรอบตัว
ผู้คนเดินไปมา ข้ามน้ำเพื่อไปยังไร่หรือป่าฝั่งตรงข้าม พ่อค้ายกหาบอาหาร เด็ก ๆ จูงวัวไปยังทุ่งนา ชาวบ้านหญิงชราถือไม้คานบรรทุกฟืน ทุกก้าวย่างราวกับสะพานนี้มีชีวิตเอง สร้างความมั่นคงให้พวกเขา แต่ไม่มีใครสนใจชื่อผู้สร้าง
ข้าเอ่ยในใจ “สะพานนี้ไม่ได้สร้างเพื่อให้ใครจดจำ แต่เพื่อเกื้อหนุนชีวิตผู้คนโดยไม่ปรารถนาชื่อเสียง”
ลมพัด เสียงน้ำไหล และเงาไม้สะท้อนบนหิน มันทำให้ข้าตระหนักว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่แท้จริงไม่ต้องอวดตัว หากแต่ยังคงเกื้อหนุนผู้คนอยู่เงียบ ๆ เช่นเดียวกับเต๋า
ยามเย็น แสงตะวันตกอาบสะพานด้วยโทนสีทองอ่อน น้ำไหลช้าและสงบราวกับสะท้อนชีวิตผู้คนที่ผ่านสะพานมาทั้งวัน ข้าหยุดยืนมอง เสียงน้ำ เสียงลม และเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ กลายเป็นความสมดุลในหัวใจ
ข้าหลับตาแล้วเอ่ยในใจว่า “หลักเต๋า… ก็เป็นเหมือนดั่งสะพานนี้เอง อยู่ทุกหนแห่ง เกื้อหนุนทุกชีวิตให้เจริญงอกงาม แต่ไม่เคยอวดตน ไม่เคยเรียกร้องชื่อเสียง”
ข้าคิดถึงผู้คนที่ใช้สะพานและเข้าใจว่า ความสำเร็จแท้จริงเกิดจาก การไม่ยกตนขึ้นสูง ทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่ แต่ไม่ต้องการคำสรรเสริญ
ข้ายิ้มเบา ๆ พลางก้าวเดินออกจากสะพาน ทิ้งความสงบและบทเรียนเงียบ ๆ ไว้กับแม่น้ำและหิน ข้าเข้าใจว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่และคงอยู่ยาวนานที่สุด คือการทำประโยชน์โดยไม่ปรารถนาชื่อเสียง
“ความยิ่งใหญ่สูงสุด คือการทำสิ่งดีโดยไม่ต้องเรียกร้องคำชม ไม่ต้องการชื่อเสียง แต่ยังเกื้อหนุนสรรพสิ่งราวกับเต๋าที่คงอยู่ในทุกหนแห่ง”

นิทานเรื่่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความยิ่งใหญ่แท้จริงคือการทำสิ่งที่เกื้อหนุนผู้อื่นโดยไม่หวังชื่อเสียงหรือการยกย่อง นี่แหละคือแก่นของเต๋าที่สอนให้เรารู้จักความถ่อมตนและความสำเร็จที่ไร้นาม
ดังเช่นสะพานหินในเรื่อง ที่ไร้ผู้รู้ว่าผู้ใดสร้าง แต่ยังคงแข็งแรงให้ผู้คนใช้ข้ามน้ำเชี่ยว ไปไร่นา หาอาหาร และดำรงชีวิตอยู่ได้ สะพานนั้นจึงเปรียบเสมือนผู้สร้างที่ทำความดีเงียบ ๆ แม้มิได้ทิ้งชื่อไว้ แต่ผลงานกลับคงอยู่และหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง
อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสรุปจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงเล่าในรูปแบบนิทานสนุกและเข้าใจง่ายได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องภารกิจแห่งความสำเร็จ (อังกฤษ: The Task of Achievement) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 34 ซึ่งกล่าวถึง “ภาระแห่งความสำเร็จ” เต๋าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แผ่ไปทั่วทั้งซ้ายและขวา ทุกสรรพสิ่งต่างอาศัยเต๋าในการดำรงชีวิต เต๋าเกื้อหนุนสรรพสิ่งอย่างไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อทำงานสำเร็จแล้วกลับไม่อวดอ้างว่าเป็นผลงานของตน เต๋าจึงเป็นพลังอันถ่อมตนที่ให้โดยไม่เรียกร้อง แม้จะอยู่ในสิ่งเล็กที่สุดหรือยิ่งใหญ่ที่สุด เต๋าก็ยังคงไม่ประกาศตน แต่กลับเป็นรากฐานของทุกสิ่ง เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:
ภารกิจแห่งความสำเร็จ
ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต คือ “เต๋า”
อยู่ได้ทั้งซ้ายและขวา
สรรพสิ่งทั้งหลายอาศัยมันเพื่อกำเนิด
เต๋ามอบชีวิตแก่ทุกสิ่ง โดยไร้ผู้ใดขัดขืนเมื่อภาระเสร็จสิ้น
เต๋ามิได้อ้างตนว่าเป็นผู้ทำ
มันโอบห่มสรรพสิ่งดุจอาภรณ์
แต่ไม่เคยตั้งตนเป็นเจ้าเหนือสิ่งใดในสิ่งเล็กน้อยที่สุด เต๋าก็ปรากฏ
ในสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด เต๋าก็ดำรง
สรรพสิ่งทั้งหลายหวนคืนสู่รากเดิม
โดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังคือเต๋าที่ชี้นำเพราะเหตุนี้
ปราชญ์จึงทำให้สิ่งอันยิ่งใหญ่สำเร็จได้
เพราะเขามิได้ยกตนให้ยิ่งใหญ่
เขาจึงเป็นผู้บรรลุความยิ่งใหญ่แท้จริง
เล่าจื๊อสอนว่า ผู้ใดที่เข้าใจและดำเนินชีวิตเช่นเต๋า ย่อมสามารถสร้างสรรค์ความสำเร็จโดยไม่หลงใหลในชื่อเสียง เพราะความยิ่งใหญ่มิได้เกิดจากการอวดอ้าง หากแต่เกิดจากการทำสิ่งที่ถูกต้องและเกื้อกูลผู้อื่น เมื่อไม่ทำตนให้ใหญ่โต สิ่งที่ยิ่งใหญ่จึงสำเร็จขึ้นได้
นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนดังกล่าว ผ่านภาพของ “สะพานที่ไร้นามผู้สร้าง” ที่แม้ไร้การประกาศเกียรติคุณ แต่กลับคงอยู่และหล่อเลี้ยงผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า สะพานนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จอันแท้จริง ที่เกิดจากการทำสิ่งยิ่งใหญ่โดยไม่ยึดติดในตัวตน และนี่คือหัวใจของ “ภาระแห่งความสำเร็จ” ที่เล่าจื๊ออยากให้ผู้คนตระหนักและเรียนรู้
คติธรรม: “แท้จริงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ไม่ต้องการชื่อเสียงหรือคำสรรเสริญ ผู้สร้างสะพานไร้นามคือผู้สอนเราว่า การเกื้อกูลผู้อื่นอย่างเงียบงัน คือคุณธรรมสูงสุดของเต๋า”