นิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน

ปกนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน

ในโลกนี้ คนแต่ละคนล้วนมีคุณค่าและความสามารถของตนเอง บางคนแข็งแกร่ง บางคนเฉลียวฉลาด บางคนมีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ในสังคมที่แข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อาจกลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเราได้

หงส์และห่านอาศัยอยู่ร่วมกันในฟาร์ม แต่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน หงส์ถูกเลี้ยงไว้เพราะเสียงขับขานที่ไพเราะ ส่วนห่านถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหาร ห่านภาคภูมิใจในหน้าที่ของมัน ขณะที่หงส์ไม่เคยโต้แย้งหรือเปรียบเทียบตัวเองกับใคร จนกระทั่งวันที่โชคชะตานำพาการทดสอบมาถึง สิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิตกลับไม่ใช่สิ่งที่คาดคิด กับนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในคฤหาสน์กว้างใหญ่ของเศรษฐีผู้หนึ่ง มีสระน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้งดงาม ที่นั่นมีห่านและหงส์ อาศัยอยู่ร่วมกัน แม้จะเป็นสัตว์ปีกเหมือนกัน แต่ทั้งสองกลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

หงส์ขาวเป็นนกที่สง่างาม มีขนสีขาวบริสุทธิ์เป็นเงางาม แหวกว่ายไปในสระน้ำด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย เศรษฐีเลี้ยงมันไว้เพียงเพราะหลงใหลในความงามของมัน และชื่นชอบเสียงขับขานอันไพเราะที่ดังก้องในยามค่ำคืน

ส่วนห่านสีเทาแม้จะไม่มีความงามเช่นหงส์ แต่ก็มีประโยชน์ในด้านอื่น มันช่วยส่งเสียงดังเตือนภัยเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ เป็นเหมือนยามที่คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่เศรษฐีและครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตาม มันรู้ดีว่าวันหนึ่งมันจะต้องถูกนำไปทำอาหาร เพราะเศรษฐีเลี้ยงมันไว้เพื่อจุดประสงค์นี้

วันเวลาผ่านไป ห่านและหงส์เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แต่มีชะตากรรมที่ต่างกัน ห่านมักจะอวดอ้างว่าตนเองมีประโยชน์ต่อเศรษฐีมากกว่าหงส์ เพราะมันช่วยปกป้องคฤหาสน์ ในขณะที่หงส์เป็นเพียงนกที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น

“ข้าเป็นสัตว์ที่แท้จริงมีคุณค่า!” ห่านมักพูดอย่างภาคภูมิใจ “ข้าทำหน้าที่เฝ้าระวังภัย เสียงร้องของข้าทำให้ขโมยหนีไปได้หลายครั้ง แต่เจ้าเล่า? เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลยนอกจากว่ายน้ำไปมาแล้วร้องเพลงให้เศรษฐีฟัง!”

หงส์ไม่ได้โต้แย้ง มันเพียงแต่ขับขานเสียงเพลงของมันในยามค่ำคืน เสียงนั้นไพเราะและสงบนิ่ง ดังก้องสะท้อนไปทั่วสระน้ำ ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวที่มันไม่อาจพูดออกมาเป็นคำ

แต่แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็มาถึง

ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ขณะที่หมู่ดาวส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า เศรษฐีได้ออกคำสั่งให้คนรับใช้จับห่านไปเชือดเพื่อเตรียมอาหารมื้อค่ำของเขา

คนรับใช้หยิบตะเกียงและเดินตรงไปยังสระน้ำ แต่เพราะเป็นเวลากลางคืน แสงจากตะเกียงเพียงเล็กน้อยไม่อาจทำให้เขามองเห็นได้ชัดนัก และในความสับสน เขาคว้าตัวหงส์แทนที่จะเป็นห่าน

หงส์รู้ชะตากรรมของตนเองทันที มันรับรู้ถึงเคราะห์กรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น และรู้ว่าไม่มีทางต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้ มันจึงเลือกทำสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ นั่นคือเปล่งเสียงร้องสุดท้ายของมัน

เสียงขับขานของหงส์ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ ท่วงทำนองอันเศร้าสร้อยแต่ไพเราะจับใจ เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความอาลัยและความหวัง มันเป็นเสียงที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ราวกับว่าเป็น “เพลงหงส์สุดท้าย”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน 2

เสียงนั้นดังไปถึงหูของเศรษฐีที่กำลังนั่งรออาหารมื้อค่ำของเขา เขาสะดุ้งและรู้สึกประหลาดใจ เพราะเขารู้ดีว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของห่าน

“เดี๋ยว!” เศรษฐีตะโกน “นั่นเสียงหงส์ของข้าไม่ใช่หรือ?”

คนรับใช้ชะงัก และเมื่อนำตะเกียงเข้ามาใกล้เพื่อส่องดู เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองจับผิดตัว

“ขอรับนายท่าน!” คนรับใช้รีบตอบ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ความมืดทำให้ข้าแยกไม่ออก!”

เศรษฐีถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “เจ้าโง่เขลา! หงส์ตัวนี้มีค่ามากกว่าห่านหลายเท่านัก เจ้ากำลังจะพรากเสียงเพลงอันไพเราะไปจากข้า!”

เขาสั่งให้ปล่อยหงส์กลับไปที่สระน้ำ หงส์จึงรอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด

ขณะที่หงส์กลับไปสู่ที่อยู่ของมัน ห่านได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันทั้งตกใจและสับสน เพราะแม้ว่าตัวมันเองจะเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อปกป้องคฤหาสน์ แต่กลับไม่ได้รับการไว้ชีวิตเช่นเดียวกับหงส์

มันเริ่มเข้าใจว่าความสามารถและคุณค่าไม่ได้วัดจากหน้าที่เพียงอย่างเดียว แต่บางครั้ง สิ่งที่ทำให้เรามีค่าก็อาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไป

รุ่งเช้าวันถัดมา เศรษฐีออกคำสั่งให้คนรับใช้จับห่านแทน

“เจ้าควรทำงานของเจ้าให้ดี เพราะนี่เป็นมื้อสุดท้ายที่เจ้าจะเฝ้าคฤหาสน์ของข้า” เศรษฐีกล่าวก่อนเดินจากไป

ห่านได้แต่นิ่งอึ้ง มันไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ได้เหมือนหงส์ และไม่อาจขับขานบทเพลงใดๆ เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง

และในที่สุด ห่านก็ต้องเผชิญชะตากรรมของมันเอง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสามารถและคุณค่าที่แท้จริงสามารถช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตราย หงส์รอดชีวิตเพราะเสียงร้องของมัน ขณะที่ห่าน แม้จะทำหน้าที่เฝ้าฟาร์มมาตลอด แต่เมื่อถึงเวลาคับขัน กลับไม่มีสิ่งใดช่วยให้มันรอด

เรื่องราวนี้สะท้อนว่า ความแตกต่างและความสามารถพิเศษคือสิ่งที่ทำให้เราอยู่รอด ไม่ใช่เพียงแค่ทำงานหนัก แต่ต้องรู้จักใช้จุดแข็งของตัวเองให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ ยังเตือนว่า คนเรามักมองข้ามคุณค่าของสิ่งรอบตัว จนกระทั่งเกือบสูญเสียมันไป เศรษฐีเกือบเสียหงส์ไปเพราะไม่ทันได้คิด เช่นเดียวกับในชีวิตจริงที่เรามักไม่เห็นค่าของบางสิ่ง จนกว่าจะสายเกินไป

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องหงส์กับห่าน (อังกฤษ: The Swan and the Goose) ตำนานคลาสสิกเกี่ยวกับหงส์ที่ร้องเพลงก่อนตายถูกนำมารวมไว้ในนิทานอีสป นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 399 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้ยังแสดงถึงความตรงกันข้ามระหว่างหงส์กับห่าน ซึ่งเป็นที่มาของสุภาษิตอย่าง “ทุกคนมองว่าห่านของตนเป็นหงส์” ที่สะท้อนถึงความลำเอียง และ “หงส์ของเขากลายเป็นห่านไปหมด” ซึ่งหมายถึงโชคชะตาที่พลิกผันจากดีเป็นร้าย

นิทานที่บันทึกโดย Aphthonius of Antioch กล่าวถึงหงส์ตัวหนึ่งที่เจ้าของเข้าใจผิดว่าเป็นห่านในความมืด และเกือบจะฆ่ามัน จนกระทั่งเสียงร้องของหงส์ทำให้เขาตระหนักถึงความผิดพลาด ตอนต้นของเรื่องมีการกล่าวอ้างว่านิทานนี้จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนใฝ่เรียนรู้ และจบลงด้วยข้อความที่น่าสงสัยว่า “ดนตรีทรงพลังถึงขนาดช่วยให้พ้นจากความตายได้” สามารถตีความได้ว่า “ความรู้และความสามารถเป็นสิ่งล้ำค่า ที่อาจช่วยชีวิตและสร้างโอกาสให้เราได้” จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้เยาวชนตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพราะในยามคับขันปัญญาและความสามารถจะเป็นเกราะป้องกันที่ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย นิทานเรื่องนี้เตือนใจให้เยาวชนศึกษาเล่าเรียน

ดนตรีทรงพลังถึงขนาดช่วยให้พ้นจากความตายได้ ความรู้และความสามารถเป็นสิ่งล้ำค่า ที่อาจช่วยชีวิตและสร้างโอกาสให้เราได้

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com