ปกนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก

นิทานเซนเรื่องราวของชุนไก

คำว่า “ความรัก” มักถูกมองว่าอ่อนโยน แต่ในบางสถานที่และบางช่วงชีวิต มันกลับกลายเป็นเรื่องต้องห้าม ความจริงใจกลายเป็นภัย และความงามถูกตีตราให้กลายเป็นสิ่งผิด

มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าถึงหญิงสาวผู้แสวงหาธรรม ไม่ใช่ด้วยถ้อยคำสวยงามหรือการสำรวมจอมปลอม แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมโกหกตนเองแม้ในวันที่ทั้งโลกหันหลังให้เธอ กับนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองเล็กแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีหญิงสาวชื่อซูซุ ผู้มีใบหน้าอ่อนหวานและดวงตาลึกซึ้งจนใครมองก็ยากจะละสายตา แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่ารูปลักษณ์ภายนอก คือจิตใจของเธอ ที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาจะเข้าใจโลกและตนเอง

ตอนที่ยังเยาว์วัย ชุนไกถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับชายคนหนึ่งที่เธอไม่ได้รัก ชีวิตสมรสของเธอคือการแสร้งยิ้ม ฝืนใจ และเงียบเงียบตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลงอย่างสงบ และเธอได้เป็นอิสระจากกรงที่ไม่มีลูกกรง

ไม่นานนัก ชีวิตสมรสจบลง เธอหย่าร้างและเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่าชุนไก ซึ่งแปลว่า “สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ”

แต่แม้จะสับสน ความรักกลับอยู่กับเธอเสมอ ทุกที่ที่เธอไป มีคนหลงรักเธอ และเธอก็หลงรักคนเหล่านั้น ไม่ใช่เพราะเธออ่อนแอ แต่เพราะเธอเปิดใจอย่างแท้จริง

เมื่อปรัชญาไม่อาจตอบคำถามของเธอ ชุนไกจึงเดินทางไปยังวัดเซนในเกียวโตเพื่อเรียนรู้ความเงียบแทนถ้อยคำ

วัดแห่งนั้นคือวัดเคนนิน เจ้าอาวาสวัดเคนนินคือพระมะกุไร ฉายาว่า “สายฟ้าเงียบ” บุรุษผู้พูดน้อยแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ เขายึดมั่นในศีลของพระ และคาดหวังให้พระทุกองค์ในวัดปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ในญี่ปุ่นยุคใหม่ ศรัทธาของพระบางรูปอาจลดลง แต่ความหลงใหลในเรื่องครอบครัวและการมีภรรยากลับเพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด มกุไรเกลียดชังเรื่องนี้นัก

ท่านมักใช้ไม้กวาดไล่หญิงสาวที่หลงเข้ามาในบริเวณวัดอย่างเปิดเผย ไม่มีเกรงใจใคร
“ผู้หญิงไม่มีที่ในวัดแห่งนี้!” ท่านเคยกล่าวเช่นนั้น

แต่ที่น่าขันคือ ยิ่งท่านกวาดผู้หญิงออกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิงกลับมาอยู่ในวัดมากขึ้นเท่านั้น แม้ท่านจะไม่ชอบใจเรื่องนี้ แต่ก็ห้ามธรรมชาติของมนุษย์ได้ยาก จึงอนุาติได้ในบางกรณี

ผู้หญิงบางคนเป็นภรรยาของพระ บางคนเป็นแขกที่พระรูปหนึ่งแอบเชิญมา และบางคน… ก็เป็นผู้แสวงหาคำตอบ เช่นเดียวกับชุนไก

ที่วัดเคนนิน เธอเริ่มฝึกอย่างจริงจัง พี่น้องศิษย์วัดหลายคนชื่นชมความตั้งใจของเธอ หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มผู้เงียบขรึม ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือเธอในการทำความเข้าใจเซน ทั้งสองสื่อสารกันด้วยความนิ่ง ด้วยการนั่งเงียบ ๆ ข้างกันใต้ต้นไม้ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็เหมือนเข้าใจอยู่แล้ว

แต่ในความนิ่งนั้น… เมล็ดบางอย่างก็กำลังเติบโต

และในวัดเดียวกันนั้น ภรรยาของพระพี่เลี้ยงกลับสังเกตเห็นสิ่งที่เธอไม่ชอบใจเลย “ผู้หญิงคนนี้ ไม่เหมาะจะอยู่ในวัดศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้หรอก”

ไฟบางอย่างเริ่มคุกรุ่นในใจของคนที่ไม่ได้ฝึกเพื่อเข้าใจตนเอง แต่ฝึกเพื่อครอบครองพื้นที่

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก 2

ในวัดเคนนินอันเงียบสงบ มีใครคนหนึ่งเริ่มรู้สึกไม่สงบขึ้นมา ภรรยาของพระพี่เลี้ยงเหล่าพระใหม่ ผู้ที่มองเห็นแววตาของศิษย์วัดชายหลายคนเปล่งประกายเมื่อพูดถึงชุนไก ไม่ใช่แค่ความงามที่ทำให้พวกเขาหลงใหล หากแต่เป็นความจริงใจในการปฏิบัติธรรมของเธอที่ทั้งชัดเจนและลึกซึ้งเกินจะมองข้ามได้

คำชมที่ได้ยินบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เช่น “นางนิ่งราวกับรู้จักความว่างด้วยหัวใจ” หรือ “ชุนไกนั้นเข้าใจเซนมากกว่าพวกเราหลายคน” ยิ่งฟังเท่าไหร่ ใจของภรรยาพระก็ยิ่งคันยุบยิบ

ในที่สุด เธอก็ปล่อยข่าวลือออกไปว่า ชุนไกมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มผู้ช่วยฝึกธรรมะกับเธอ ความเงียบในวัดที่เคยสบายกลับกลายเป็นความอึดอัด แม้ไม่มีหลักฐาน ไม่มีคำถาม ไม่มีการให้โอกาสอธิบาย แต่เพียงไม่กี่คำ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ชายหนุ่มผู้นั้นถูกไล่ออกจากวัดทันที ส่วนชุนไกก็ถูกถอดชื่อออกจากการเป็นศิษย์ ท่ามกลางความนิ่งของผู้คนที่เคยกล่าวสอนเรื่อง “การวางใจเหนืออารมณ์”

ชุนไกไม่ร้องไห้ แต่เธอกลับรู้สึกเย็นวาบในอก ประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเธอว่า “ข้าอาจทำผิดเพราะความรัก แต่หากชายผู้นั้นถูกลงโทษโดยไร้ความเป็นธรรม เช่นนั้น ภรรยาของพระพี่เลี้ยงก็ไม่ควรอยู่ในวัดนี้ต่อไปเช่นกัน”

คืนเดียวกันนั้นเอง เธอเดินกลับเข้าไปในวัดพร้อมถังน้ำมันก๊าซในมือ อาคารไม้เก่าแก่ห้าร้อยปีที่เคยเป็นที่พึ่ง ที่สวดมนต์ ที่เธอเคยนั่งสมาธิ กลับกลายเป็นกองเพลิงที่ลุกโชนในไม่กี่นาที

รุ่งเช้า ชุนไกยืนอยู่หน้าซากวัด ไม่หลบตา ไม่หลบหนี เมื่อตำรวจมาถึง เธอก็ยื่นมือให้โดยไม่พูดอะไรเลย

ข่าวการเผาวัดเก่าแก่แพร่ไปทั่วญี่ปุ่น และกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวทันที ในการพิจารณาคดี มีทนายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสนใจในคดีนี้อย่างจริงจัง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไฟไหม้ธรรมดา หากมีเรื่องของหัวใจและความอยุติธรรมแฝงอยู่เบื้องหลัง

“หากข้าต่อสู้ให้ดี ท่านอาจได้รับการลดโทษ หรืออาจพ้นคุกเร็วกว่ากำหนด” ชายหนุ่มพูดด้วยความตั้งใจ

แต่ชุนไกกลับตอบเขาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า “อย่าช่วยข้าเลย เพราะหากวันหนึ่งข้ายังไม่เข้าใจตนเองดีพอ ข้าอาจทำอะไรอีก ที่ทำให้ข้ากลับเข้าคุกอีกครั้ง”

เธอยอมรับโทษจำคุกเจ็ดปีโดยไม่ยื่นอุทธรณ์ ไม่อธิบาย ไม่ปฏิเสธ แม้แต่ในเรือนจำ หัวหน้าผู้คุมสูงวัยก็ยังหลงใหลในความสงบนิ่งของเธอ เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีต่อผู้ต้องขังคนใดมาก่อน

เมื่อพ้นโทษออกมา เธอกลับพบว่าอิสรภาพนั้นเป็นเพียงคำที่ไม่มีตัวตนจริงในโลกภายนอก ทุกคนมองเธอเป็น “นกในคุกหรือนักโทษหญิง” ญาติพี่น้องไม่ต้อนรับ กลุ่มเซนที่เคยเทศนาว่าทุกคนสามารถตรัสรู้ได้ในชีวิตนี้และในร่างนี้ กลับปิดประตูใส่หน้าเธอ

เธอกลายเป็นคนนอกผู้ไม่มีที่ไป ความเจ็บป่วย ความยากจน และความเงียบกัดกินเธอทีละน้อย วันแล้ววันเล่า ความสงบที่เธอเคยใฝ่หากลับกลายเป็นความอ้างว้าง

วันหนึ่ง ขณะนั่งอยู่ที่ริมถนนอย่างหมดแรง ชุนไกได้พบพระรูปหนึ่งจากนิกายชินชู เขาไม่ได้เทศนา ไม่กล่าวธรรมยืดยาว เพียงแต่นั่งลงเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หากใจเจ้าท้อแท้นัก จงลองเอ่ยนามพระอมิตาภะดูเถิด” พระรูปนั้นกล่าวต่อ “เวลาเจ้าเอ่ยนามพระอมิตาภะด้วยใจเถิด บางทีเจ้าจะรู้ว่า ความเมตตาไม่ต้องผ่านดวงตาของผู้อื่น”

ชุนไกสวดเบา ๆ ในใจโดยไม่คาดหวังอะไรนัก คำสวดนั้นไม่ได้เปลี่ยนโลกภายนอก หากแต่มันค่อย ๆ เปลี่ยนเสียงในใจของเธอ

ไม่นานหลังจากนั้น ชุนไกก็จากโลกนี้ไปในวัยไม่ถึงสามสิบปี แม้ยามหมดลมหายใจ เธอก็ยังงดงาม ไม่ใช่งามเพราะผิวพรรณหรือดวงตา แต่เพราะเธอเป็นคนที่ยอมรับตนเอง แม้โลกจะไม่ยอมรับเธอเลย

ก่อนสิ้นใจ เธอเขียนเรื่องของตนเองขึ้นมาด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่าจะหาเลี้ยงชีพได้บ้าง และบางส่วนของเรื่องนั้น เธอเล่าให้หญิงนักเขียนคนหนึ่งช่วยนำไปถ่ายทอด

เรื่องราวของเธอแพร่ไปทั่วญี่ปุ่น คนที่เคยเกลียด กลับเงียบ คนที่เคยกล่าวหา กลับอ่านด้วยน้ำตา และคนที่เคยหันหลังให้เธอ… ก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าพวกเรารู้จักเมตตาจริงหรือไม่

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องราวของชุนไก 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… สิ่งที่เจ็บลึกกว่าการถูกลงโทษ คือการถูกทอดทิ้งโดยผู้ที่ควรเป็นแสงนำทาง และสิ่งที่หนักกว่าไฟในวัด ก็คือไฟในใจที่ไม่มีใครดับให้

ชุนไกอาจทำผิด และเธอก็ไม่เคยปฏิเสธความผิดนั้น แต่การลงโทษที่เธอได้รับไม่ได้หยุดอยู่แค่การถูกจำคุก มันต่อเนื่องมาจากความเงียบ ความเมินเฉย และสายตาของผู้คนที่ไม่ยอมให้อภัย แม้แต่ในวัดที่ควรจะสอนเรื่องการวางใจ กลับมีแต่กำแพงของอคติและการตัดสิน แม้เธอจะหลุดพ้นจากโทษตามกฎหมาย แต่เธอกลับไม่เคยพ้นจากกรงของสังคม จนในที่สุด สิ่งที่ช่วยปลดปล่อยเธอไม่ใช่บทเทศนาใด ๆ หากเป็นคำสวดเรียบง่าย ที่ไม่ถามถึงอดีต ไม่สอบสวนเจตนา และไม่ขอให้เธอพิสูจน์ตนเอง

บางครั้ง ความเมตตาไม่ต้องแสดงออกด้วยการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ แค่เพียงไม่ปฏิเสธใครในวันที่เขาอ่อนแอ ก็อาจเป็นธรรมะที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว

อ่านต่อ: นิทานเซนสนุก ๆ ได้ข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับธรรมะและชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องราวของชุนไก (อังกฤษ: The Story of Shunkai) เรื่องราวของชุนไกปรากฏในหนังสือชุด Zen Flesh, Zen Bones ซึ่งรวบรวมโดยพอล เรปส์ (Paul Reps) และพระเซ็นชาวญี่ปุ่นชื่อเงนซากิ เนียวเง็น (Nyogen Senzaki) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 ภายใต้ชื่อบทว่า “Shunkai”

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเรื่องเล่าเซน 101 เรื่องจากจีนและญี่ปุ่น (101 Zen Stories) ซึ่งถ่ายทอดธรรมะผ่านเหตุการณ์จริง บุคคลจริง หรือเรื่องที่เล่าต่อกันมาจากครูสู่ศิษย์ โดยไม่เน้นการอธิบาย แต่ปล่อยให้ผู้อ่านได้สังเกตความเคลื่อนไหวของจิตใจตนเองผ่านเหตุการณ์ของผู้อื่น

ชุนไกเป็นหนึ่งในเรื่องไม่กี่เรื่องในหนังสือ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ของสตรีผู้แสวงหาธรรม ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยความรัก การตัดสิน ความไม่ยุติธรรม และความว่างเปล่าหลังเปลวเพลิง จนกระทั่งเธอได้พบ “ความสงบ” ที่ไม่อยู่ในวัด แต่อยู่ในใจ

คติธรรม: “บางครั้ง สิ่งที่คนทั้งโลกเรียกว่า “บาป” อาจเกิดจากหัวใจที่ซื่อสัตย์ที่สุด ขณะที่สิ่งที่ดู “บริสุทธิ์” อาจซ่อนการทรยศที่เงียบที่สุดอยู่ข้างใน”


by