นิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ

ปกนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเชื่อและศรัทธา ผู้คนมักแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร หวังให้ชีวิตของตนดีขึ้น บางคนถวายของบูชาเพื่อแสดงความเคารพ บางคนอธิษฐานขอความมั่งคั่งและโชคลาภ แต่ในขณะที่บางคนได้รับพรตามที่หวัง อีกหลายคนกลับพบว่าคำอ้อนวอนของพวกเขาถูกปล่อยให้ล่องลอยไปในสายลม

แล้วศรัทธานั้นควรตั้งอยู่บนความเคารพอันแท้จริง หรือเป็นเพียงเครื่องมือแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน? และเทพเจ้าทั้งหลายจะตอบแทนความจงรักภักดี หรือเพิกเฉยจนกว่าจะถูกบีบบังคับให้มอบสิ่งที่ผู้ศรัทธาต้องการ? เรื่องราวจะพาเราไปค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ผ่านบททดสอบแห่งศรัทธาและความจริงที่อาจไม่เป็นดั่งที่คาดคิด… กับนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีประติมากรผู้มีฝีมือผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายหาเลี้ยงชีพด้วยการแกะสลัก งานของเขาประณีตและละเอียดอ่อน เขาสร้างรูปปั้นเทพเจ้าต่าง ๆ เพื่อขายให้กับชาวบ้านที่ต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาตั้งไว้ในบ้านหรือวิหาร แต่แม้จะมีฝีมือดีเพียงใด กิจการของเขากลับไม่เคยรุ่งเรือง เขายังต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพอยู่ทุกวัน

ในบ้านเล็ก ๆ ของเขา มีรูปปั้นหินของเทพเฮอร์มีสตั้งอยู่ตรงมุมห้อง รูปปั้นนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่เขาภูมิใจที่สุด และแทนที่จะขาย เขากลับเก็บมันไว้เป็นของตัวเอง เขาบูชารูปปั้นนั้นด้วยความศรัทธา เพราะเชื่อว่าเฮอร์มีสคือเทพแห่งการค้าและโชคลาภ ทุกวันเขาจะถวายเครื่องบูชา จุดธูป และกล่าวคำอธิษฐาน ขอให้เฮอร์มีสช่วยให้เขามีรายได้ที่ดีขึ้น ให้กิจการของเขารุ่งเรืองและให้เขามีชีวิตที่สุขสบาย

แต่ไม่ว่าเขาจะอธิษฐานมากเพียงใด ความเป็นอยู่ของเขากลับแย่ลงทุกวัน ลูกค้าหายไปทีละคนสองคน รายได้ลดลง งานแกะสลักที่เคยขายได้อย่างง่ายดายกลับไม่มีใครสนใจ เขาพยายามอดทน แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความศรัทธาของเขาก็เริ่มสั่นคลอน

คืนหนึ่ง หลังจากวันอันแสนเหนื่อยล้า เขากลับมาถึงบ้านโดยไม่มีเงินติดตัวแม้แต่จะซื้ออาหาร เขามองไปที่รูปปั้นเทพเฮอร์มีสที่ตั้งอยู่อย่างสง่างาม แสงเทียนสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเทพเจ้าอย่างชัดเจน เขานั่งลงตรงหน้ารูปปั้น มองมันนิ่งอยู่นานก่อนจะพูดขึ้น

“ข้าบูชาเจ้าทุกวัน ถวายของเซ่นไหว้ให้เจ้าด้วยความเคารพ แต่ทำไมชีวิตข้ากลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ นี่หรือคือวิธีที่เจ้าตอบแทนข้า?”

เขายังจำได้ดีว่าในวันแรกที่เขาแกะสลักรูปปั้นนี้ เขารู้สึกภาคภูมิใจเพียงใด เฮอร์มีสคือเทพเจ้าแห่งการค้า ข่าวสาร และโชคลาภ เขาเคยเชื่อมั่นว่าตราบใดที่เขามีรูปปั้นนี้อยู่กับตัว ความโชคดีจะต้องมาถึงเขาสักวันหนึ่ง แต่บัดนี้ ความอดอยากและความลำบากทำให้เขาสูญสิ้นความเชื่อนั้นไปโดยสิ้นเชิง

“เจ้าเป็นเทพแห่งโชคลาภมิใช่หรือ? แล้วโชคของข้าอยู่ที่ไหน? หรือเจ้าเป็นเพียงรูปปั้นไร้ชีวิตที่ไม่มีพลังอะไรเลย”

เขากำมือแน่น ขบกรามจนเสียงดังกรอด ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ถ้าเจ้าช่วยข้าไม่ได้ อย่างน้อยก็บอกข้าสักคำว่าเจ้าทำอะไรได้บ้าง! หรือว่าเจ้าก็เป็นเพียงก้อนหินอีกชิ้นที่ข้าสร้างขึ้นมาเอง ไม่มีพลังใด ๆ เลย!”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ 2

เขาลุกขึ้นอย่างหุนหันคว้ารูปปั้นขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะเหวี่ยงมันลงกับพื้นอย่างแรง

เสียงแตกของเศษหินดังก้องไปทั่วห้อง ศีรษะของรูปปั้นแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และในขณะนั้นเอง สิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น เหรียญทองจำนวนมากไหลออกมาจากภายในรูปปั้น กองซ้อนกันเป็นประกายแวววาวภายใต้แสงเทียนที่ริบหรี่

เขานิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น มือของเขาสั่นขณะที่เอื้อมไปหยิบเหรียญทองขึ้นมาดู มันเป็นทองแท้ ทุกเหรียญล้วนหนักและมีมูลค่ามหาศาล

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองกอบโกยเหรียญทองขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ความอดอยากและความทุกข์ที่เขาแบกรับมานานแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

เขาหยุดชั่วครู่ หันไปมองเศษหินที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฉงน

“เฮอร์มีสเอ๋ย… เจ้าเป็นเทพเจ้าผู้โชคร้ายจริง ๆ! ข้าบูชาเจ้าด้วยศรัทธา เซ่นไหว้เจ้าทุกวัน ขอพรจากเจ้าเสมอ แต่เจ้ากลับไม่ให้ข้าแม้แต่นิดเดียว”

เขาหัวเราะอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็กอบโกยเหรียญทองต่อไปไม่หยุด

“แต่พอข้าทำลายเจ้า เจ้ากลับให้ข้าสมบัติมหาศาล! นี่มันลัทธิอะไรกัน? หรือว่าเทพเจ้าทั้งหมดก็คือเช่นนี้? หากข้ารู้มาก่อน ข้าคงทำลายเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว!”

เขายังคงหัวเราะต่อไป มือก็ยังไม่หยุดโกยเหรียญทอง ความโลภและความปีติหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เขาไม่สนใจอีกต่อไปว่าเขาเคยศรัทธาในสิ่งใด สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือสมบัติที่อยู่ตรงหน้า

แสงเทียนริบหรี่ลง ในห้องเล็ก ๆ นั้นมีเพียงเสียงเหรียญกระทบกันและเสียงหัวเราะของชายผู้ซึ่งเพิ่งค้นพบว่าทรัพย์สมบัติซ่อนอยู่ภายในสิ่งที่เขาบูชามาตลอดชีวิต

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

ศรัทธาที่หวังเพียงผลตอบแทน ไม่ใช่ศรัทธาที่แท้จริง หลายคนบูชาเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่คนรอบตัว ด้วยความหวังว่าความดีที่ตนทำจะได้รับการตอบแทนกลับมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นตามที่คาดหวัง ความศรัทธานั้นก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง และในที่สุด อาจนำไปสู่ความโกรธเคืองและการกระทำที่รุนแรง

นิทานเรื่องนี้ยังสะท้อนความจริงที่ว่าบางครั้ง คนบางคน (หรือแม้แต่เทพเจ้าในเชิงเสียดสี) อาจไม่ตอบแทนความดีด้วยความดี แต่กลับมอบรางวัลหรือผลตอบแทนก็ต่อเมื่อถูกบีบบังคับหรือถูกกระทำอย่างรุนแรง คล้ายกับรูปปั้นเฮอร์มีสที่ไม่ได้มอบโชคลาภให้ผู้บูชาในขณะที่เขายังศรัทธาและเซ่นไหว้ทุกวัน แต่กลับเผยสมบัติที่ซ่อนอยู่ก็ต่อเมื่อถูกทุบทำลาย

แนวคิดนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมของบางคนที่ ไม่เห็นคุณค่าของความดีงาม ไม่ให้รางวัลแก่ความซื่อสัตย์หรือความจงรักภักดี แต่กลับยอมทำตามเมื่อเผชิญกับแรงกดดันหรือถูกบังคับให้ยอมรับความจริง ตัวอย่างเช่น บางคนอาจไม่ให้ค่ากับคนที่ภักดีและซื่อสัตย์ต่อเขา แต่กลับยอมโอนอ่อนหรือตอบแทนความต้องการของผู้อื่นก็ต่อเมื่อถูกข่มขู่หรือเผชิญหน้ากับผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในสังคมก็มีตัวอย่างของผู้มีอำนาจที่เพิกเฉยต่อความทุกข์ของผู้คน ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ร้องขอด้วยเหตุผลอันสมควร แต่เมื่อประชาชนรวมตัวกันกดดัน หรือเมื่อภาพลักษณ์ของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขากลับรีบให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว คล้ายกับเทพเจ้าในเรื่องนี้ที่ไม่ตอบสนองต่อคำอ้อนวอนของผู้บูชา แต่กลับ “ให้รางวัล” อย่างเต็มที่เมื่อตนเองถูกทำลาย

สุดท้าย นิทานเรื่องนี้จึงเป็นคำเตือนว่า เราไม่ควรฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผู้ที่เพิกเฉยต่อความดีของเรา เพราะหากต้องใช้ความรุนแรงหรือการบีบบังคับเพื่อให้ได้สิ่งที่พึงได้แต่แรก นั่นอาจแปลว่าเราให้ความศรัทธาไปผิดที่ และบางครั้ง ทรัพย์สมบัติหรือสิ่งที่เราต้องการ อาจอยู่ตรงหน้ามาตลอด เพียงแต่เรามองไม่เห็นคุณค่าของมัน จนกว่ามันจะถูกทำลายลงไป

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องรูปปั้นเทพเฮอร์มีสกับสมบัติ (อังกฤษ: The statue of Hermes and the Treasure) นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 285 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)

ได้รับการแต่งเป็นบทกวีภาษากรีกโดย Babrius ซึ่งสอนคติว่า “คนชั่วมักยอมทำตามก็ต่อเมื่อถูกดูหมิ่น” ในเรื่องนี้ เทพเฮอร์มีส ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง ไม่ได้มอบพรตามที่ผู้บูชาคาดหวัง ทำให้ชายผู้ศรัทธาเกิดความคับข้องใจจนทุบรูปปั้นลงกับพื้น ทันทีที่รูปปั้นแตกออก ทองคำจำนวนมากก็ไหลออกจากศีรษะของมัน ชายคนนั้นจึงตำหนิสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนิสัยของเทพเจ้าที่ไม่ตอบแทนความดีด้วยความดี แต่กลับมอบโชคลาภเมื่อถูกกระทำอย่างรุนแรง

คนบางคน (หรือแม้แต่เทพในเชิงเสียดสี) อาจไม่ตอบแทนความดีด้วยความดี แต่กลับให้รางวัลก็ต่อเมื่อถูกบีบบังคับหรือถูกกระทำอย่างรุนแรง แนวคิดนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมของคนที่ไม่เห็นคุณค่าของความดีงาม แต่กลับยอมทำตามเมื่อเผชิญกับแรงกดดันหรือความอับอาย

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com