ในโลกที่ทุกสิ่งล้วนส่งผลกลับมาจากการกระทำของเราเอง บางครั้งผู้ที่เลือกเส้นทางผิดหรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อาจต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ยากลำบาก
เช่นเดียวกับงูเจ้าเล่ห์ที่ใช้ชีวิตทำร้ายผู้อื่น และเมื่อถึงเวลาที่มันต้องการที่พึ่ง มันกลับเลือกสิ่งที่อันตรายจนต้องพบจุดจบที่เลวร้าย เรื่องราวนี้จะพาเราไปเรียนรู้บทเรียนสำคัญกับนิทานอีสปเรื่องงูกับพุ่มหนาม
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องงูในพุ่มไม้หนาม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำ มีงูตัวหนึ่งที่เป็นที่รู้จักในหมู่สัตว์ว่าเจ้าเล่ห์และอันตราย มันมักทำร้ายและหลอกลวงสัตว์อื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนที่ตามมา
วันหนึ่ง ขณะที่กระต่ายน้อยกำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ริมป่า งูเลื้อยเข้าไปหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กระต่ายน้อย ข้าเห็นว่าข้างูตัวหนึ่งที่อันตรายมาก มันอยู่ใกล้ที่นี่ เจ้าควรหนีไปเสียก่อนที่มันจะเจอเจ้า”
กระต่ายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกลัว มันรีบวิ่งหนีไปในทันที ทิ้งร่องรอยอาหารไว้เบื้องหลัง งูหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกินอาหารที่กระต่ายทิ้งไว้จนหมด “ข้าไม่ต้องออกแรงหาอาหารเอง แค่พูดจาหว่านล้อมเล็กน้อย ทุกอย่างก็เป็นของข้า” งูพึมพำกับตัวเอง
มันไม่เพียงแต่หลอกลวงสัตว์ตัวเล็กเท่านั้น แต่ยังบุกเข้าไปในโพรงของสัตว์อื่นเพื่อขโมยอาหาร และเคยฉกสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งจนเจ็บหนักเมื่อถูกขัดขวาง “โลกนี้มีไว้สำหรับผู้ที่แข็งแรงกว่า” งูเคยพูดเช่นนี้เมื่อสัตว์อื่นต่อว่ามัน
ฤดูฝนมาถึง ฝนตกหนักและแม่น้ำเริ่มล้นตลิ่ง น้ำไหลบ่าท่วมทุ่งและป่า งูตัวนั้นซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ริมฝั่งเริ่มตระหนักว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย “น้ำกำลังมา ข้าต้องหาที่พึ่งก่อนที่จะถูกพัดไป” งูพูดด้วยความหวาดกลัว
มันเลื้อยไปตามพื้นดินที่ชุ่มน้ำ จนพบพุ่มหนามขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำ แม้พุ่มหนามจะดูไม่น่าไว้วางใจ แต่งูก็คิดว่ามันอาจช่วยให้รอดจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก “ข้าไม่มีทางเลือก ที่นี่คือที่เดียวที่ข้าจะเกาะไว้ได้” งูพูด ก่อนจะเลื้อยเข้าไปพันรอบพุ่มหนาม
ทันทีที่มันเลื้อยเข้าไป หนามแหลมของพุ่มหนามก็ตำเข้าไปในเกล็ดและร่างกายของงู มันร้องด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! ทำไมพุ่มหนามถึงทำเช่นนี้ ข้ามาหลบภัยแท้ ๆ”
กระแสน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนพุ่มหนามถูกพัดหลุดออกจากดิน งูและพุ่มหนามลอยไปตามกระแสน้ำ งูพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดจากหนามที่เกี่ยวร่างกายของมัน แต่ยิ่งดิ้น หนามก็ยิ่งทิ่มลึกลง
ระหว่างนั้น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่เคยถูกงูหลอกลวงยืนมองอยู่บนฝั่ง มันเห็นภาพนั้นและหัวเราะเยาะ “ดูสิ! เจ้าผู้ชั่วร้ายกำลังลอยไปพร้อมกับพุ่มหนามอันแหลมคม เจ้าสมควรแล้วที่ต้องพบจุดจบเช่นนี้”
งูได้ยินเสียงเยาะเย้ยก็โกรธและตอบกลับ “เจ้าไม่มีสิทธิ์หัวเราะ! ข้ากำลังพยายามเอาชีวิตรอด!”
สุนัขจิ้งจอกส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าคิดผิดไป งูเอ๋ย พุ่มหนามนั้นก็เหมือนตัวเจ้า มันเต็มไปด้วยอันตรายและทำร้ายผู้อื่นเสมอ ตอนนี้เจ้ากับมันจึงเหมาะสมกันอย่างยิ่ง ข้าขอให้เจ้าลอยไปพร้อมกับความทุกข์ที่สมควรได้รับ!”
งูดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่มันไม่อาจเอาชนะกระแสน้ำและหนามแหลมได้ สุดท้าย งูและพุ่มหนามถูกพัดลอยไปในแม่น้ำและหายไปในกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนชั่วมักพบจุดจบที่เลวร้ายจากการกระทำของตนเอง และการคบค้าหรือพึ่งพาสิ่งที่ไม่เหมาะสมย่อมนำไปสู่ความทุกข์ยากในที่สุด การเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องและคบหาสิ่งที่เหมาะสมเป็นหนทางสู่ชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุข
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องงูในพุ่มไม้หนาม (อังกฤษ: The Snake in the Thorn Bush) เป็นนิทานหายากที่มีต้นกำเนิดจากกรีก โดยมีเรื่องเล่าคล้ายคลึงกันในแถบเอเชียตะวันตก นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 96 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) ในแหล่งข้อมูลภาษากรีก งูที่เลื้อยพันอยู่ในพุ่มหนามถูกน้ำท่วมพัดไป และถูกสุนัขจิ้งจอกเยาะเย้ยด้วยคำพูดว่า “เรือชั่วร้าย พร้อมกับลูกเรือที่สมควรกัน!”
“คนชั่วมักพบจุดจบอันเลวร้ายจากการคบค้าสมาคมกับคนชั่วด้วยกัน”
ในเวอร์ชันของเอเชียตะวันตกที่ปรากฏในเรื่อง Ahikar นักปราชญ์ได้ตำหนิหลานชายบุญธรรมของเขาที่ตอบแทนความดีด้วยความชั่ว โดยกล่าวว่า: “เจ้าก็เหมือนงูที่เลื้อยพันอยู่ในพุ่มหนามแล้วตกลงไปในแม่น้ำ หมาป่าตัวหนึ่งเห็นและพูดว่า: ‘ดูสิ ความชั่วร้ายอยู่บนความชั่วร้าย และสิ่งชั่วร้ายคือสิ่งที่พัดพาพวกมันไป'”
ในเวอร์ชันภายหลังที่น่าเชื่อถือน้อยกว่า งูกลับกล่าวตำหนิหมาป่าสำหรับสัตว์ที่มันจับกิน ทำให้นิทานเรื่องนี้กลายเป็นนิทานในรูปแบบ “ว่าคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่า” (Pot calling the kettle black) แทนที่จะเป็นนิทานเกี่ยวกับผลของการคบหาคนชั่วร้าย