ปกนิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง

นิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง

ในโลกที่ความสามารถถูกมองเหนือความรู้สึก ผู้คนมากมายจึงเผลอใช้สิ่งมีชีวิตรอบตัวเป็นเพียงเครื่องมือในการแสดงออก โดยลืมไปว่า แม้แต่สัตว์ก็มีหัวใจ และหัวใจนั้นจดจำได้ทั้งความรัก… และความเจ็บปวด

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงชายผู้แสดงโชว์เพื่อเรียกรอยยิ้มจากผู้คน แต่กลับลืมยิ้มให้ผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาทุกวัน กระทั่งสิ่งเล็ก ๆ ที่เขาเคยมองข้าม… หายไปจากชีวิตอย่างไม่มีวันหวนกลับ กับนิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง

นิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นหมองู เขามีงูหลายตัว และเลี้ยงลิงไว้อีกหนึ่งตัว ทุกเช้า เขาจะใส่เสื้อผ้าสีสด พกตะกร้าและขลุ่ยไม้ เดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง

เขาเปิดการแสดงกลางลานด้วยเสียงขลุ่ยแหลมสูง งูจะชูคอ ลิงจะกระโดดโลดเต้น หมุนตัว เล่นกล หรือแกล้งทำท่าล้ม ทำให้เด็ก ๆ หัวเราะเสียงดัง ผู้คนโยนเหรียญลงในตะกร้าไม่ขาดสาย

แต่เบื้องหลังเสียงหัวเราะนั้น กลับมีบางสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น

หมองูคนนี้ไม่ได้ดูแลสัตว์ของเขาด้วยความเมตตา เขาให้อาหารน้อย และเมื่อสัตว์ไม่ทำตามคำสั่ง เขาจะตีอย่างไม่ยั้ง

“อย่าทำข้าอับอายต่อหน้าผู้คน” เขามักพูดเช่นนั้น ขณะเงื้อไม้ฟาดสัตว์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

โดยเฉพาะลิง แม้จะว่องไวและฉลาด แต่มักตกเป็นเป้าเมื่อเจ้าของระบายอารมณ์ วันหนึ่ง หลังการแสดงจบลงโดยไม่มีเสียงหัวเราะมากนัก หมองูจับลิงมาตีด้วยความโมโห ทั้งที่มันไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

ลิงส่งเสียงร้องดังลั่น ก่อนจะวิ่งหนีเข้าป่าไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย

วันต่อมา หมองูยังคงออกเดินทางพร้อมตะกร้าและขลุ่ย เขาพยายามเปิดการแสดงตามปกติ งูยังชูคอ ลวดลายของการร่ายยังคงเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างหายไป

ไม่มีเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ
ไม่มีรอยยิ้มของคนดู
ไม่มีการโยนเหรียญลงในตะกร้า

เพราะลิงคือตัวสร้างชีวิตให้การแสดง มันเป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างเสียงขลุ่ยกับหัวใจของผู้คน มันทำให้การแสดงมีเรื่องราว ไม่ใช่แค่การบังคับให้สัตว์ทำตาม

หมองูเริ่มรู้สึกได้ถึงความเงียบที่ผิดปกติ เหรียญในตะกร้าลดน้อยลงในแต่ละวัน เขาเริ่มถอนหายใจบ่อยขึ้น และในที่สุดก็ยอมรับกับตัวเองว่า

“ผู้คนไม่ได้มาดูงูเท่านั้น พวกเขามาเพราะลิง เพราะรอยยิ้ม ความขบขัน และความอบอุ่นที่มันมอบให้”

เมื่อความจริงกระทบใจ เขาจึงตัดสินใจออกตามหาลิงด้วยหัวใจที่เปลี่ยนไป แม้ยังไม่รู้ว่ามันจะให้อภัยหรือไม่

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง 2

หมองูเดินตามทางเก่าที่เคยใช้แสดง เดินผ่านลำธารที่ลิงชอบหยอกน้ำ ค้นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มันเคยนอนกลางวัน กระทั่งในที่สุดก็พบลิงตัวนั้นนั่งอยู่บนกิ่งไม้สูง เงียบและไม่ไหวติง

หมองูยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองขึ้นไป น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง “เจ้าลิง ข้า… คิดถึงเจ้า”

ลิงเงยหน้ามองลงมาช้า ๆ ดวงตาของมันไม่แสดงความโกรธ แต่ก็ไม่ได้แสดงความยินดี มันเพียงเอียงคอเล็กน้อย แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

“เจ้าคิดถึงข้า เพราะไม่มีใครหัวเราะให้การแสดงของเจ้าอีกต่างหาก”

หมองูยืนนิ่ง ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำตา “ข้าผิดไป ข้าไม่ควรตีเจ้า ไม่ควรใช้อารมณ์กับผู้ที่ไม่เคยทำร้ายข้าเลย”

ลิงมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ข้าไม่ได้หนีเพราะการตี แต่ข้าหนีจากใจที่ไม่เคยเห็นค่าข้าเลยต่างหาก”

แล้วมันก็กระโดดหายเข้าไปในพุ่มไม้ ไม่มีการหันกลับมาอีก

หมองูยืนอยู่ใต้ต้นไม้อีกนาน ก่อนจะกลับเรือนอย่างเงียบงัน วันถัดมา เขาออกแสดงตามปกติ แต่ครั้งนี้ เขาไม่เร่ง ไม่บังคับ ไม่ตวาด ไม่ตี

เขาปูเสื่อให้สัตว์พักเมื่อแดดร้อน
เขาแบ่งอาหารให้สัตว์ก่อนตนเอง
เขาใช้เสียงขลุ่ยที่อ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

แม้ไม่มีลิง การแสดงก็ยังคงดำเนินต่อ แต่คราวนี้มันไม่ใช่เพื่อเงินทองเท่านั้น หากเพื่อไถ่คืนสิ่งที่เขาเคยละเลยไป

วันหนึ่ง ขณะเขากำลังเป่าขลุ่ยเงียบ ๆ ใต้ต้นไม้ริมหมู่บ้าน เงาของบางสิ่งค่อย ๆ โผล่มาจากพุ่มไม้ มันคือเงาเล็ก ๆ ที่เคยโลดเต้นอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

เขาไม่ได้เรียก ไม่ได้เอ่ยคำขอโทษซ้ำ เพียงแต่ยิ้มออกมาด้วยใจที่เปลี่ยนแปลงแล้ว

และจากวันนั้น เขาไม่เคยตีสัตว์ของเขาอีกเลย

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความรัก ความไว้วางใจ และความผูกพัน ไม่อาจเกิดจากการบังคับ แต่เติบโตจากใจที่ให้เกียรติและรู้คุณ

หมองูใช้อำนาจและความรุนแรงในการควบคุมสัตว์โดยไม่สนใจหัวใจของผู้ร่วมทาง เขาไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าของลิง จนเมื่อมันจากไป และความเงียบเข้ามาแทนที่เสียงหัวเราะ จึงเริ่มเข้าใจว่า สิ่งมีชีวิตไม่ใช่เครื่องมือของการแสดง แต่คือเพื่อนร่วมชีวิตที่มีหัวใจ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องหมองูกับลิง (อังกฤษ: The Snake Charmer and the Monkey) จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน โดยมักเน้นให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิด ความอดทน หรือคุณธรรมที่สัตว์สามารถมีได้ไม่ต่างจากมนุษย์

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งเลี้ยงสัตว์ด้วยความเมตตา แต่ถูกเพื่อนภิกษุบางรูปเย้ยหยันว่า “สัตว์นั้นไร้ใจ ไม่รู้คุณ” พระองค์จึงตรัสเล่านิทานเรื่องนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า แม้แต่สัตว์ หากได้รับความรัก ความเข้าใจ และการปฏิบัติด้วยความอ่อนโยน ย่อมรู้จักตอบแทน และหากถูกกระทำด้วยความโหดร้าย สัตว์นั้นก็ย่อมรู้จักหลีกหนี

ในชาดกนี้ พระพุทธองค์ทรงระบุว่า พระองค์เองได้เสวยชาติเป็นลิงผู้มีหัวใจรู้ผิดชอบชั่วดี ผู้ที่แม้จะถูกทำร้าย แต่ก็ยังเลือกให้อภัย เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงจากผู้อื่น

นิทานเรื่องนี้จึงยืนยันว่า สัตว์เดรัจฉานก็มีใจ และใจนั้นจะตอบรับด้วยความรักหรือความหวาดกลัว ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มนุษย์เลือกมอบให้ในทุก ๆ วัน

คติธรรม: “ผู้ที่ต้องการความรักจากผู้อื่น แต่กลับใช้ความรุนแรงควบคุม ย่อมไม่ได้ทั้งใจเขา และสุดท้ายจะเหลือเพียงตัวเองที่ว่างเปล่า”


by