ในโลกของการค้าขายและการเดินทาง ความไว้ใจระหว่างพี่น้องดูเหมือนจะมั่นคงไม่ต่างจากผืนน้ำที่นิ่งสงบ… จนกระทั่งใจของใครคนหนึ่งเริ่มไหว
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่กล่าวถึงพี่น้องสองคน ผู้ร่ำรวยด้วยทองคำและโอกาส แต่ระหว่างทางกลับบ้าน กลับมีสิ่งที่หายไปมากกว่าทรัพย์สิน และมีบางสิ่งที่ท้องทะเลไม่ได้กลืนหาย… หากแต่คืนกลับมาพร้อมบทเรียนสำคัญกว่าทองทั้งกระสอบ กับนิทานชาดกเรื่องเทพีแห่งท้องทะเลกับกระสอบทองคำ

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องเทพีแห่งท้องทะเลกับกระสอบทองคำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองชายฝั่งแห่งหนึ่ง มีพี่น้องสองคนที่ขยันขันแข็ง พวกเขาร่วมกันค้าขาย และไม่นานนักก็ร่ำรวยขึ้นมาก ต่างคนต่างได้ทองคำจำนวนหนึ่ง และกำลังเดินทางกลับบ้านโดยทางเรือ
พี่ชายเป็นคนซื่อสัตย์และใจดี ส่วนผู้น้อง แม้ทำงานเก่ง แต่กลับมีใจโลภซ่อนอยู่ลึก ๆ
ระหว่างการเดินทาง กลางคืนหนึ่ง พี่ชายนอนหลับอยู่ที่ท้ายเรือ ผู้น้องลุกขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เขาหยิบกระสอบทองของพี่ขึ้นมาดู แล้วคิดขึ้นในใจว่า
“ทองพวกนี้ ถ้าอยู่กับข้า ก็คงจะดีกว่า”
เขารีบไปหยิบกระสอบทรายที่เตรียมไว้ไว้แทน แล้วแอบสลับมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โยนกระสอบอีกใบลงทะเล โดยไม่รู้เลยว่า… เขาโยนกระสอบทองของตัวเองทิ้งไป
เช้าวันต่อมา ผู้น้องรีบปลุกพี่ชายด้วยสีหน้าตกใจแสร้งทำเป็นห่วงใย
“กระสอบทองของพี่… มันกลิ้งตกลงไปในน้ำเมื่อคืนนี้” เขาโกหกเสียงสั่น
พี่ชายได้ยินแล้วก็ใจหาย แต่ไม่ได้โกรธน้อง กลับพูดเพียงว่า “ของหายแล้วก็ปล่อยมันไปเถิด อย่างน้อยเรายังปลอดภัย”
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ เทพีแห่งท้องทะเลได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอแปลงกายเป็นปลาตัวหนึ่ง แล้วว่ายตามกระสอบทองที่ตกลงมา ก่อนจะกลืนมันไว้ทั้งใบด้วยความเมตตา
“ความโลภเช่นนี้ ไม่ควรถูกปล่อยให้ลอยลับไปกับเกลียวคลื่น” เธอคิดเงียบๆ ใต้ท้องทะเล

หลังจากเรือกลับถึงฝั่ง ทั้งสองพี่น้องก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันหนึ่ง มีชาวประมงคนหนึ่งนำปลาตัวใหญ่มาวางขายที่ตลาด “ปลาตัวนี้แปลกนัก หนักกว่าปกติ แต่ไม่มีรอยแผลแม้แต่นิด” เขาว่า
พี่ชายเดินผ่านมา เห็นปลาตัวนั้นดูสดดีจึงซื้อมาด้วยเงินไม่มากนัก แล้วห่อกลับบ้านไปให้ภรรยาชำแหละเตรียมทำอาหาร
เมื่อมีดกรีดผ่านเนื้อปลา กลับพบว่าภายในตัวปลานั้นมีกระสอบเล็ก ๆ ใบหนึ่งซ่อนอยู่ ภรรยาหยิบออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบเรียกสามีมาดู
เขาเปิดกระสอบออก แล้วถึงกับอึ้งไป มันคือกระสอบทองของเขาเอง!
ทันใดนั้น แสงอ่อนๆ ปรากฏขึ้นกลางห้อง และเทพีทะเลในร่างหญิงสาวเปล่งประกายก็ปรากฏตัวขึ้น “ทองนี้คือของท่าน และความจริงควรถูกเปิดเผย” เธอกล่าวอย่างสงบ
พี่ชายเดินไปหาน้อง พร้อมกับกระสอบทองในมือ เขาเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างช้า ๆ ตั้งแต่เหตุการณ์บนเรือ จนถึงปลาที่กลืนกระสอบไว้ และการปรากฏตัวของเทพีทะเล
ผู้น้องนิ่งงันเหมือนหายใจไม่ออก ดวงตาสั่นไหว มือที่เคยแอบสลับกระสอบนั้น… ตอนนี้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้าโกหก… ข้าอิจฉาท่าน ข้าโยนของตัวเองทิ้ง แล้วใส่ความพี่” เสียงเขาแตกพร่าเหมือนคนที่หลุดจากความฝัน “ข้าไม่ควรได้รับการอภัยเลยด้วยซ้ำ”
พี่ชายมองหน้าน้องด้วยแววตาอ่อนโยน แล้วกล่าวเพียงว่า “ทองคำสำคัญน้อยกว่าความจริงใจของคนในครอบครัว” เขายื่นกระสอบทองคืนให้น้องชาย
แต่น้องชายกลับไม่ยอมรับ “ข้ารับไว้ไม่ได้ ทองคำพวกนี้ไม่ใช่ของข้าอีกต่อไป”
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้น้องเลือกจะละทิ้งทรัพย์สินทั้งหมด เขาออกจากบ้าน ไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทำงานรับจ้างอย่างซื่อสัตย์ ใช้เวลาทุกวันช่วยเหลือผู้อื่น และไม่เคยพูดถึงความผิดในอดีตกับใครเลย
หลายปีผ่านไป ข่าวเรื่องชายผู้เคยร่ำรวย แต่กลับเลือกชีวิตเรียบง่ายและใช้แรงกายตอบแทนสังคม ค่อย ๆ แพร่กระจาย
บางคนถามเขาว่า “เหตุใดจึงจากบ้านมา ทั้งที่มีทองคำอยู่เต็มมือ”
เขายิ้มบาง ๆ แล้วตอบเพียงว่า “ทองคำไม่เคยหนัก… เท่ากับน้ำหนักในใจของคนที่เคยโกหกคนที่รัก”
พี่ชายไม่เคยพูดโทษน้องอีกเลย เขารู้ว่าการให้อภัย ไม่ได้เปลี่ยนอดีต แต่มันเปลี่ยนคนในปัจจุบัน… และบางครั้ง นั่นเพียงพอแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความโลภอาจพรากทรัพย์สินไปจากมือคนอื่น แต่สิ่งที่มันพรากไปจากใจเรา คือเกียรติ ความไว้วางใจ และความสงบในตัวเอง
น้องชายผู้คิดเอาทองของพี่ไปเป็นของตน ไม่เพียงสูญเสียทรัพย์ แต่ยังต้องแบกรับความผิดบาปในใจ จนแม้จะได้รับการให้อภัย เขาก็เลือกจะชดใช้ด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างสิ้นเชิง เพราะเขารู้ว่าทองคำไม่เคยหนัก… เท่ากับน้ำหนักของความละอายที่คนโกหกต้องแบกไว้ตลอดชีวิต
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานชาดกเรื่องเทพีแห่งท้องทะเลกับกระสอบทองคำ (อังกฤษ: The Sea-Goddess and the Sack of Gold) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก คือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ และเล่าถึงคุณธรรมที่มนุษย์ควรฝึกฝน เช่น ความซื่อสัตย์ การให้อภัย และการสำนึกผิด
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อภิกษุรูปหนึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับการให้อภัยผู้ที่เคยทำผิดร้ายแรง พระองค์จึงตรัสเล่าชาดกนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า แม้ความโลภจะทำให้คนหลงทางได้ง่ายเพียงใด แต่หากผู้ผิดยอมรับความผิดและกลับใจอย่างแท้จริง ย่อมมีค่ากว่าการลงโทษที่ตัดขาดทุกทางกลับ
ในชาดกนี้ พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพี่ชายผู้เปี่ยมด้วยเมตตา มีใจอภัยแม้ถูกทรยศ และเป็นผู้ปล่อยให้ความจริงปรากฏ โดยไม่เร่งเอาคืนด้วยความโกรธ แต่รอให้ความละอายเปลี่ยนแปลงใจของผู้ผิดแทน
คติธรรม: “ความโลภอาจพรากทรัพย์ไปจากผู้อื่น แต่จะพรากความสงบไปจากใจเราเสมอ”