ในป่าลึกที่ธรรมชาติดูเหมือนจะสงบเงียบ บางครั้งก็มีเรื่องราวที่ไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นต่อผู้ที่ไร้กำลัง และเสียงของผู้เล็กน้อยก็มักถูกมองข้ามอยู่เสมอ
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่กล่าวถึงความสูญเสียของผู้ไร้อำนาจ และการลุกขึ้นทวงคืนความยุติธรรมด้วยสติ ปัญญา และมิตรภาพของผู้ไม่ยอมแพ้ให้กับความโหดร้าย กับนิทานชาดกเรื่องการแก้แค้นของนกกระทา

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องการแก้แค้นของนกกระทา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางป่าลึกอันสงบร่มรื่น มีนกกระทาฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาไม้ พวกมันสร้างรังเล็ก ๆ ด้วยเศษหญ้าและใบไม้แห้ง ท่ามกลางเสียงนกร้องและลมพัดแผ่วเบา ทุกวันผ่านไปอย่างเรียบง่ายและปลอดภัย
วันหนึ่ง นกกระทาตัวหนึ่งเพิ่งวางไข่ใหม่ ๆ รังของมันตั้งอยู่ใกล้โคนไม้ใหญ่ อากาศในยามเช้าช่างสงบเย็น มันนั่งกกไข่ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยความหวัง
แต่ไม่กี่วันต่อมา ข่าวร้ายก็แพร่กระจายไปทั่วผืนป่า “ช้างบ้าในหุบเขาเริ่มอาละวาด!” สัตว์ทั้งหลายต่างหนีตายวุ่นวาย
เสียงฝีเท้าหนักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ดินสะเทือน ใบไม้ร่วง เสียงร้องของสัตว์น้อยใหญ่ปะปนกันอย่างสับสน ช้างร่างใหญ่ปรากฏตัวขึ้นตรงกลางป่า แววตาดุดันและไม่สนใจสิ่งใดรอบตัว
นกกระทาแม่ผู้เฝ้าไข่ใจหายวาบ มันบินออกมายืนขวางหน้าช้าง พลางร้องด้วยเสียงสั่น “ข้า ขอร้อง เจ้าได้โปรดอย่าทำลายไข่ของข้าเลย!”
แต่ช้างไม่ฟัง มันคำรามเสียงต่ำแล้วเหยียบย่ำผ่านรังน้อย ใบไม้ปลิวว่อน เศษเปลือกไข่แตกกระจายบนพื้นดิน
แม่กระทาเฝ้าดูทุกอย่างด้วยหัวใจสลาย มันยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับอย่างเงียบงัน แต่ในแววตาไม่ใช่ความเศร้าเพียงอย่างเดียว หากยังมีประกายบางอย่างที่ลุกโชน
มันบินไปหาสัตว์อื่น ๆ ที่เคยมีน้ำใจต่อกันในป่า มันพบอีกาตัวหนึ่งที่ชอบสังเกตการณ์จากยอดไม้ มดแดงกลุ่มหนึ่งที่ขยันขันแข็งใต้ดิน และกบเสียงดังก้องที่มักร้องอยู่ริมบึง
“ข้าต้องการความช่วยเหลือ” นกกระทากล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้าใหญ่ร่างโตอาจไม่สนใจเสียงของข้า… แต่ถ้าพวกเรารวมกัน อาจทำให้มันสำนึกได้”
อีกาเอียงคอ มองแม่กระทานิ่ง ๆ “เจ้ามีแผนหรือยัง?”
“มี” แม่กระทาตอบทันที “แผนที่ไม่ต้องใช้แรง แต่ต้องใช้หัวใจที่ไม่กลัว”
เหล่าสัตว์เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง พวกมันไม่ลืมว่าสิ่งเล็ก ๆ ก็มีพลังได้ หากตั้งใจจริง

วันรุ่งขึ้น ช้างตัวเดิมกลับมาเดินเพ่นพ่านในป่าอีกครั้ง เหยียบย่ำไปตามทางอย่างไม่สนใจสิ่งใด มันไม่รู้เลยว่า สัตว์เล็ก ๆ หลายตัวได้รวมตัวกันไว้เรียบร้อยแล้ว
อีกาบินโฉบลงมาจากยอดไม้ มันเล็งเป้าหมายให้ชัด ก่อนจะพุ่งเข้าจิกตาช้างอย่างรวดเร็ว “กรร!” ช้างร้องลั่น ส่ายหัวโวยวาย ดวงตาของมันแดงฉานด้วยความเจ็บปวด
ทันทีที่ช้างเริ่มวิ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง มดแดงก็โผล่ออกมาจากพื้นดิน ฝูงมดพุ่งเข้ากัดตามขา ใต้พับขา และหูของช้างเป็นระลอก ๆ
ช้างคำรามด้วยความเจ็บปวด พยายามสลัดตัวเองอย่างไร้ทิศทาง “อ๊าาาา!” มันส่ายหัว เดินเซ แล้วเริ่มวิ่งหาน้ำล้างแผลโดยสัญชาตญาณ
เสียงกบ อ่บ ๆ ดังขึ้นจากอีกฝั่งของป่า เสียงนั้นฟังดูชัดและต่อเนื่อง เหมือนน้ำใสอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ช้างหันไปทันที หูยังเจ็บ ตายังพร่า แต่มันไม่มีทางเลือก มันเดินตามเสียงกบไปโดยไม่รู้เลยว่า เบื้องหน้านั้นไม่มีสระน้ำ มีแต่ความว่างเปล่าและหน้าผาสูงชัน
เสียงกบยังคงดังก้องจากริมหน้าผา “อ่บ ๆ อ่บ ๆ” เหมือนน้ำใสไหลเย็นอยู่ตรงหน้า ช้างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสับสน ก้าวไปโดยไม่ลังเล
และในพริบตาเดียว มันก็เหยียบพลาด น้ำหนักมหาศาลพามันร่วงลงจากขอบผาสูงอย่างรวดเร็ว เสียงกระแทกดังสะท้อนทั่วหุบเขา ก่อนจะเงียบลง
แม่กระทาบินมาถึงตรงขอบหน้าผา มันมองลงไปเบื้องล่างอย่างสงบนิ่ง ไม่มีเสียงใดจากมัน ไม่มีคำสาป ไม่มีความสะใจ
เพื่อน ๆ ของมันยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าเงียบงัน บางตัวก้มศีรษะ บางตัวถอนหายใจเบา ๆ
“ข้าไม่อาจย้อนคืนไข่เหล่านั้น… แต่ข้าไม่ปล่อยให้ความโหดร้ายลอยนวลไปได้” แม่กระทากล่าวเบา ๆ
จากวันนั้น สัตว์น้อยใหญ่ในป่ารู้ว่าความยุติธรรมไม่ขึ้นอยู่กับขนาดตัว และการตอบโต้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังที่มากกว่าเสมอไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ที่ดูเล็กน้อยในสายตา อาจมีพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อรวมใจกัน ความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องมาจากอำนาจ หากแต่เกิดจากสติ ปัญญา และความกล้าหาญในการยืนหยัดเพื่อตนเองและผู้อื่น
แม้แม่กระทาจะเป็นเพียงนกตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีแรงจะสู้กับช้างโดยตรง แต่มันใช้ความเฉลียวฉลาดและความสามัคคีกับเพื่อนๆ เพื่อทวงความเป็นธรรมให้แก่ชีวิตที่ถูกทำลาย การแก้แค้นจึงไม่ใช่เพียงการเอาคืน แต่คือการเรียกร้องให้โลกไม่ลืมว่า แม้สิ่งเล็กแค่ไหน ก็ไม่ควรถูกเหยียบย่ำโดยไร้ค่า
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องการแก้แค้นของนกกระทา (อังกฤษ: The Quail’s Revenge) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน สะท้อนถึงปัญญา ความกล้าหาญ และการร่วมมือกันของผู้ที่ดูเหมือนอ่อนแอในการเผชิญหน้ากับความรุนแรงและอธรรม
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อภิกษุรูปหนึ่งกล่าวถึงความรู้สึกว่า ตนเองไม่มีอำนาจ ไม่มีพละกำลังพอจะต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม พระองค์จึงตรัสเล่าเรื่องของนกกระทาผู้สูญเสียลูกไปเพราะความโหดร้ายของช้าง และไม่ยอมปล่อยให้ความสูญเสียนั้นไร้ความหมาย
ด้วยความกล้าหาญและปัญญา นกกระทาไม่เพียงเผชิญกับความเศร้า แต่ยังลุกขึ้นรวบรวมพลังจากมิตรสัตว์อื่นๆ เพื่อทวงคืนความยุติธรรม แม้ไม่มีเขี้ยวเล็บหรือพละกำลังเหนือกว่า พวกมันก็สามารถจัดการกับความอยุติธรรมได้อย่างชาญฉลาด
ชาดกเรื่องนี้จึงสอนว่า พลังที่แท้จริงมิได้อยู่ที่ร่างกาย แต่อยู่ที่จิตใจที่ไม่ยอมจำนนต่อความไม่ถูกต้อง และความร่วมมือจากผู้มีปัญญาย่อมเปลี่ยนสิ่งใหญ่ได้ แม้เริ่มต้นจากความเล็กน้อยที่สุด
คติธรรม: “พลังของผู้เล็กน้อย ยิ่งใหญ่ได้เมื่อมีปัญญาและไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม”