ลึกเข้าไปในป่าทึบที่เงียบงันและเปลี่ยวร้าง มีเสียงเล่าขานถึงสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด ที่ไม่เคยมีใครกล้าเผชิญหน้า หรือหากเคย ก็ไม่มีผู้ใดได้กลับออกมาเล่าเรื่อง
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่กล่าวถึงการเผชิญหน้าระหว่างความกลัวกับสติปัญญา เรื่องราวของผู้ไม่ยอมให้ความหวาดหวั่นกลืนกินหัวใจ และเลือกยืนหยัดด้วยความสงบนิ่งในยามอันตรายที่สุด กับนิทานชาดกเรื่องเจ้าชายกับสัตว์ประหลาด

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องเจ้าชายกับสัตว์ประหลาด
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในแคว้นที่มีป่าใหญ่ทอดยาวสุดสายตา มีเจ้าชายพระองค์หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นนักรบผู้กล้าหาญและเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่เพียงเก่งเรื่องอาวุธ แต่ยังชอบออกเดินทางเพื่อฝึกฝนตนเองท่ามกลางธรรมชาติ
วันหนึ่ง เจ้าชายทรงออกเดินทางลึกเข้าไปในป่าเพียงลำพัง ด้วยความตั้งใจจะฝึกจิตใจให้มั่นคงยิ่งขึ้น พระองค์เดินผ่านไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ เสียงนก เสียงแมลงร้องระงมทั่วป่า ยิ่งทำให้บรรยากาศดูทั้งน่าตื่นเต้นและลึกลับ
จู่ๆ กลางป่าทึบ เสียงคำรามลั่นดังก้องขึ้น “กรรรรร!! ใครกล้ามาเดินในถิ่นของข้า!”
จากหลังพุ่มไม้หนาทึบ ร่างใหญ่โตของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็ค่อยๆ โผล่ออกมา มันมีดวงตาโตสีเหลือง มีเขี้ยวยาวแหลมและขนหยาบกร้านปกคลุมทั่วร่าง
เจ้าชายหยุดเดิน ไม่ถอยแม้ก้าวเดียว
“เจ้าคือใคร?” พระองค์ถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ข้าคือผู้เฝ้าป่าแห่งนี้ และเจ้ากำลังจะกลายเป็นอาหารของข้า!” สัตว์ประหลาดคำรามก้อง ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้
เจ้าชายมองสัตว์ประหลาดตรงหน้าโดยไม่แสดงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย พระองค์ก้าวเท้าออกมายืนประจันหน้า พลางเอื้อมมือไปแตะดาบข้างเอว
“ถ้าเจ้าจะกินข้า ก็จงรู้ไว้ว่า ข้ามิใช่เหยื่อที่เจ้าจะเคี้ยวง่ายๆ” เจ้าชายกล่าวเสียงหนักแน่น
สัตว์ประหลาดคำรามอีกครั้ง ฟันขาววับในเงามืดของพงไม้ “เจ้าคิดจะต่อกรกับข้าด้วยอาวุธเล็กๆ นั่นหรือ?”
“ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยสิ่งนี้ ถ้าเจ้ากล้าลอง” เจ้าชายตอบ พลางยกดาบขึ้นตั้งมั่น ร่างกายตั้งตรงเหมือนภูเขาไม่ไหวติง
การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เจ้าชายเคลื่อนไหวรวดเร็ว ดาบของพระองค์ฟันเข้าใกล้สัตว์ประหลาดได้หลายครั้ง แม้มันจะหนีบหลบได้เกือบตลอดก็ตาม สัตว์ประหลาดเริ่มประหลาดใจในความกล้าหาญของเจ้าชาย
“เหตุใดเจ้าจึงไม่กลัวเลย?” มันคำรามถามระหว่างพักหอบหายใจหนัก
เจ้าชายมองตรงเข้าไปในตาของสัตว์ประหลาด “เพราะในท้องของข้ามีอาวุธเพชร หากเจ้ากลืนข้าเข้าไป อาวุธนั้นจะฉีกท้องเจ้าจากข้างใน เจ้าตายแน่… เช่นเดียวกับข้า”
สัตว์ประหลาดชะงัก ดวงตากลมโตกะพริบเล็กน้อย “อาวุธ…ในท้อง?”

สัตว์ประหลาดถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาสีเหลืองสั่นไหวเล็กน้อย มันก้มมองร่างเจ้าชายแล้วมองกลับไปยังป่าลึกเบื้องหลังอย่างลังเล
“เจ้าพูดจริงหรือไม่?” มันถามเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความกลัว
เจ้าชายไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย “ข้าพูดความจริง หากเจ้ากลืนข้าเข้าไป เจ้าจะไม่รอด และข้าเองก็ไม่เสียใจ หากต้องตายเพื่อปกป้องตนเองอย่างมีเกียรติ”
สัตว์ประหลาดยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เงาของมันทอดยาวบนพื้นป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง แล้วค่อย ๆ ลดกรงเล็บลง ดวงตาของมันไม่ดุดันอีกต่อไป
“ข้า…ไม่เคยเจอใครที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวเลยจริง ๆ หรือ?”
“ความกลัวมีไว้สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตนเอง แต่ผู้ที่ตั้งอยู่บนสติ ย่อมไม่หวั่นไหวต่อชะตากรรม” เจ้าชายตอบด้วยเสียงสงบ
สัตว์ประหลาดเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ แล้วค่อย ๆ นั่งลงบนพื้นป่า ใบหน้าใหญ่โตที่เคยดุร้าย ตอนนี้กลับดูคล้ายกับเด็กที่เพิ่งรู้สึกผิด
สัตว์ประหลาดยกสองมืออันใหญ่โตขึ้นพนมไหว้ช้าๆ ต่อหน้าเจ้าชาย “ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า… ไม่ใช่เพราะกลัวอาวุธในท้องของเจ้า แต่เพราะข้ารู้แล้วว่าความกล้าเช่นนี้ ไม่ควรถูกบดขยี้ด้วยเขี้ยวเล็บ”
เจ้าชายพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความยินดีหรือโอ้อวด “ข้าไม่มีอาวุธในท้องหรอก ที่พูดไปก็เพียงเพื่อปกป้องชีวิตข้าเอง”
สัตว์ประหลาดเบิกตากว้างเล็กน้อย แล้วหัวเราะเบา ๆ “ข้าถูกหลอกเสียแล้ว แต่ก็หลอกได้เพราะเจ้ามีใจที่มั่นคง ข้าจะไม่ลืมเรื่องนี้”
ตั้งแต่นั้นมา สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ไม่ทำร้ายใครอีก มันเฝ้าป่าอย่างสงบ คอยปกป้องผู้ที่หลงทางและนำพวกเขาออกจากป่าอย่างปลอดภัย
ส่วนเจ้าชายเสด็จกลับวังด้วยใจสงบนิ่ง ทรงรู้ดีว่า ไม่ใช่แค่ความกล้าเท่านั้นที่ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย แต่คือปัญญาและความสงบที่ตั้งมั่นอยู่ในใจต่างหาก ที่เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ปัญญาและความสงบนิ่งภายในใจ คืออาวุธที่ทรงพลังยิ่งกว่าดาบหรือกำลังภายนอก เพราะในยามวิกฤต ผู้ที่สามารถควบคุมตนเองได้ ย่อมมีโอกาสเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นหนทางรอด
เจ้าชายไม่ได้อาศัยเพียงความกล้า แต่ใช้ไหวพริบและสติในการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด แม้จะอยู่ในอันตราย พระองค์ยังคงใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อความกลัว ความสงบนั้นไม่เพียงปกป้องตนเอง แต่ยังเปลี่ยนใจผู้ที่เคยดุร้ายให้เกิดความละอายและกลับตัวได้
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องเจ้าชายกับสัตว์ประหลาด (อังกฤษ: The Prince and the Monster) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญ สติปัญญา และการรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองในการเผชิญหน้ากับภัยอันตรายอย่างไม่หวั่นไหว
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งแสดงความวิตกเกี่ยวกับการต้องอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง และตั้งคำถามว่าจะรับมือกับความโกรธของผู้อื่นได้อย่างไรโดยไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้
พระองค์จึงตรัสเล่าถึงเจ้าชายผู้หนึ่งที่แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ตั้งใจจะกินพระองค์ แต่กลับสามารถควบคุมความกลัว ใช้สติและไหวพริบในการพลิกสถานการณ์ และเปลี่ยนใจฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ต้องต่อสู้จนถึงที่สุด
ชาดกเรื่องนี้จึงสอนให้เห็นว่า การมีใจสงบและใช้ปัญญานำทาง ย่อมสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการตอบโต้ด้วยกำลัง แม้ในยามที่ดูเหมือนไม่มีทางรอด
คติธรรม: “ผู้มีสติแม้เผชิญหน้ากับภัยร้าย ก็ย่อมเห็นทางรอดที่คนหวาดกลัวไม่อาจมองเห็น”