ศรัทธาเป็นสิ่งงดงาม หากตั้งอยู่บนปัญญา แต่เมื่อศรัทธานั้นไร้การพิจารณา มันก็อาจกลายเป็นช่องให้ผู้แอบอ้างใช้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงนกพิราบผู้ใฝ่ธรรม ที่เคยฟังธรรมจากฤๅษีแท้ผู้เคร่งครัด แต่เมื่อฤๅษีจากไป และมีผู้สวมรอยเข้ามาแทนที่ ความศรัทธาของนกพิราบก็ถูกทดสอบ ด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศ และการพรางตัวของผู้ไร้ธรรม กับนิทานชาดกเรื่องนกพิราบกับฤๅษีปลอม

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องนกพิราบกับฤๅษีปลอม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึก อาศรมเล็ก ๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ริมลำธาร ใต้ร่มไม้สูงสงบเงียบ ที่นั่นมีฤๅษีผู้เคร่งครัด พำนักอยู่เพียงลำพัง เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย ฉันผลไม้และรากไม้ มีแต่เสียงสวดและกลิ่นไม้หอมที่ลอยล่องไปทั่ว
ไม่ไกลจากนั้น มีฝูงนกพิราบ อาศัยอยู่บนต้นไทรใหญ่ และในหมู่เขานั้น มีพระราชานกพิราบ ผู้มีใจใฝ่ธรรม
ทุกวันเมื่อแสงอาทิตย์ลอดผ่านเรือนยอดไม้ พระราชานกพิราบจะบินมายังอาศรม นั่งฟังธรรมจากฤๅษีด้วยใจสงบ
“จิตที่ปราศจากโลภะ ย่อมนำสุขแม้อยู่กลางป่า” ฤๅษีกล่าวขึ้นวันหนึ่ง
พระราชานกพิราบก้มหน้าเบา ๆ แสดงความเคารพในถ้อยคำนั้น แล้วจึงบินกลับสู่รังอย่างสงบ
หลายปีผ่านไป ฤๅษีองค์นั้นละสังขารและจากไปโดยไม่มีผู้ใดสืบรู้
อาศรมจึงเงียบงัน ร้างผู้พูดธรรม
วันหนึ่ง ได้มีชายเร่ร่อนผู้หนึ่งเดินเข้าป่า เขาพบอาศรมเก่าริมลำธาร และเมื่อเห็นว่าร่มเย็น มีเตาไฟ และมีรอยของชีวิต เขาจึงอุปโลกน์ตนว่าเป็น “ฤๅษี”
แต่แท้จริงแล้ว ชายผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ ขี้เกียจ และหลงใหลในเนื้อนกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนกพิราบ
เมื่อได้ยินเสียงปีกของฝูงนกพิราบบินผ่าน เขาก็ลอบมองขึ้นฟ้า ดวงตาเปล่งความโลภ
วันหนึ่ง เขาจึงเตรียมแผนฆ่านกพิราบทั้งฝูงเพื่อกินเป็นอาหาร
เขาก่อไฟ เตรียมหม้อ และใส่เครื่องเทศนานาชนิดลงไปในน้ำเดือด กลิ่นหอมของขมิ้น พริกไทย และใบโหระพาลอยฟุ้งไปทั่ว
ไม่นานฝูงพิราบก็บินมาใกล้อาศรมตามปกติ แต่พระราชานกพิราบกลับชะงักทันทีเมื่อได้กลิ่น
“ไม่ใช่กลิ่นของไม้หอม ไม่ใช่กลิ่นแห่งธรรม… แต่คือกลิ่นของกับดัก!”
เขารีบบินลอยเหนือฝูงและร้องเสียงแข็ง
“อย่าเข้าไป! ทุกคนถอย! มันไม่ใช่ฤๅษีองค์เดิม… กลิ่นนี้คือสัญญาณของภัย!”
ฝูงพิราบหยุดบินทันที และวนกลับขึ้นฟ้าด้วยความตกใจ
ขณะนั้นเอง ชายแปลงฤๅษีก็โผล่ออกมาจากอาศรม เขารู้ทันทีว่าแผนถูกเปิดเผย
ด้วยความโกรธ เขาหยิบไม้ท่อนหนึ่งแล้วขว้างขึ้นไป “ไอ้นกโง่!”
แต่ไม้ลอยผ่านหัวของพระราชานกพิราบอย่างเฉียดฉิว

ไม้ที่ถูกขว้างพุ่งผ่านอากาศด้วยแรงโกรธ แต่ไม่อาจสัมผัสแม้แต่ขนนกของพระราชานกพิราบ มันตกลงกลางลานดินเสียงดัง
ฝูงนกที่บินวนอยู่เหนืออาศรมต่างตกใจ บ้างเบี่ยงตัว บ้างตีปีกพรวดพราดด้วยความสับสน พระราชานกพิราบยังคงโบกปีกนิ่งอยู่กลางอากาศ ดวงตาแน่วแน่จ้องไปยังชายเบื้องล่างที่ยังถือไม้ในมือ
“เจ้ามิใช่ฤๅษี… เจ้าเป็นเพียงคนโลภที่สวมคราบแห่งธรรมะเพื่อหลอกลวงสัตว์ผู้อยู่ด้วยศรัทธา!”
ชายคนนั้นเบิกตากว้าง ดวงหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงตำหนิจากผู้เป็นหัวหน้าแห่งฝูง
“เจ้าใช้กลิ่นหอมลวงใจ แต่กลิ่นนั้นก็เผยความจริงของเจ้าเช่นกัน” พระราชานกพิราบตะโกนเสียงชัดเจน
“การฆ่าสัตว์เพื่อความอยาก ย่อมนำไปสู่ทุกข์ ไม่ใช่สุข… หากเจ้ายังไม่หยุด เจ้าจะตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจ!”
ฝูงพิราบเงียบสนิท ไม่มีเสียงใด มีเพียงเสียงของผู้นำที่ลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่าน
ชายผู้อ้างตนว่าเป็นฤๅษี ยืนนิ่งราวรูปปั้น ดวงตาสั่นไหวไปมา ระหว่างไม้ในมือกับฝูงนกที่ล้อมรอบ
“พวกมันรู้… ข้าถูกเปิดโปงแล้ว” เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
ด้วยความตกใจ และเกรงกลัวว่าเรื่องจะลุกลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง เขารีบเก็บสัมภาระเล็กน้อยแล้ววิ่งหนีไปจากอาศรม โดยไม่แม้แต่จะดับไฟใต้หม้อที่ยังควันกรุ่น
ฝูงนกพิราบบินลดระดับลง และโอบล้อมพระราชาของตนไว้ด้วยความเคารพ
“ท่านรู้ได้อย่างไร?” พิราบตัวหนึ่งถามเบา ๆ
พระราชานกพิราบตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง “ธรรมะที่แท้ ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศ… มีแต่กลิ่นแห่งเมตตา และความว่าง”
ตั้งแต่นั้นมา อาศรมหลังนั้นก็ถูกทิ้งร้างอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ด้วยความเศร้า หากด้วยความเข้าใจว่าธรรมที่แท้ ไม่อยู่ที่ร่างของผู้สอน แต่อยู่ที่เจตนาของผู้ฟัง
และฝูงพิราบก็บินกลับไปยังต้นไทรเดิม พร้อมบทเรียนที่พวกเขาจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์โดยแฝงตัวในคราบของธรรมะ ย่อมถูกเปิดโปงด้วยสติของผู้ไม่หลงตามเปลือกนอก
ในนิทาน ชายผู้แสร้งเป็นฤๅษีใช้กลิ่นหอมของอาหารเพื่อหลอกล่อนกพิราบ แต่กลับถูกเปิดโปงโดยพระราชานกพิราบที่มีปัญญา ไม่หลงไปกับกลิ่นเครื่องเทศ หรือภาพลวงตาของศีลธรรมจอมปลอม ความศรัทธาที่แท้ต้องตั้งอยู่บนปัญญา ไม่ใช่เพียงความคุ้นชินหรือความเชื่อในรูปลักษณ์ ผู้มีสติ ย่อมมองเห็นภัย แม้มันจะแฝงมากับคำสวดหรือกลิ่นหอมที่ชวนให้น่าไว้ใจที่สุดก็ตาม
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นกพิราบกับฤๅษีปลอม (อังกฤษ: The Pigeons and the Fake Hermit) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก ซึ่งเล่าเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ในชาติที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เดรัจฉาน โดยสะท้อนคุณธรรมของสัตว์ผู้มีปัญญา รู้เท่าทันความหลอกลวง และไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้แอบอ้างศีลธรรม
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุบางรูปตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดบางคนที่ดูน่าเคารพในภายนอก กลับประพฤติผิดศีลในภายใน พระองค์จึงตรัสเล่าชาติหนึ่งที่พระองค์เคยเสวยชาติเป็นพระราชานกพิราบ ผู้ใฝ่ในธรรม และรู้จักใช้สติพิจารณาแท้เท็จจากเจตนา มิใช่จากรูปลักษณ์ภายนอก
ชาดกเรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่า “ธรรมะมิใช่สิ่งที่ใครจะอ้างได้ด้วยวัตรหรือเครื่องแต่งกาย หากแต่อยู่ที่การกระทำ และจิตที่บริสุทธิ์จริง”
คติธรรม: “ศีลธรรมมิได้อยู่ที่รูปลักษณ์ แต่อยู่ที่ความจริงใจในจิตใจและการกระทำ”