ในโลกนี้ หลายคนมักเชื่อว่าความมั่นคงและความสูงส่งเกิดจากการโอ้อวดหรือแสดงตน แต่คำสอนของเต๋ากลับชี้ว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงเกิดจากรากฐานที่เงียบสงบและเรียบง่าย มากกว่าการสะท้อนความงดงามภายนอก
มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อสอนผ่านฟ้า ดิน น้ำ และสิ่งรอบตัว เพื่อให้เห็นว่าความสูงส่งและกฎเกณฑ์ของโลก กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องแหล่งกำเนิดแห่งกฏ

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องแหล่งกำเนิดแห่งกฏ
กาลครั้งหนึ่ง ในยุคที่โลกยังไม่มีตัวหนังสือ ไม่มีใครรู้จักคำว่ากฎหมายหรือคำสอน ทุกสิ่งยังคงเดินไปตามครรลองของธรรมชาติ ท่านเล่าจื๊อมักจะพาศิษย์น้อยเดินเลียบทุ่งนาและหุบเขา เพื่อชี้ให้พวกเขาเห็นความจริงอันเร้นลับ
“ดูฟ้าเถิด” ท่านเอ่ยเสียงเบา พลางชี้ไปยังเวิ้งกว้างที่ครามสดใส “ฟ้ามิได้สว่างเพราะมันอยากส่องแสงเอง ฟ้าสว่างได้ก็เพราะอาศัยเต๋า”
ศิษย์น้อยทั้งหลายแหงนคอมองท้องฟ้า บางคนกระพริบตาสู้แสงอาทิตย์ไม่ไหว เล่าจื๊อหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะชี้ลงสู่พื้น “และดินใต้เท้าเรานี้ มั่นคงได้ก็เพราะมีเต๋าค้ำยัน หากไร้เต๋า ดินย่อมแตกร้าว ฟ้าย่อมฉีกขาด โลกทั้งโลกคงจะพังพินาศไป”
เขาเดินต่อไปที่ริมลำธารในหุบเขา น้ำใสเย็นไหลรินไม่ขาดสาย “เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดน้ำในหุบเขาจึงไม่เหือดแห้ง?” ศิษย์บางคนเดาเอาว่าเพราะหิมะละลายจากภูเขาสูง อีกคนว่าเพราะมีสายฝนหล่อเลี้ยง
เล่าจื๊อส่ายหัวเบา ๆ “สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงผล แต่รากแท้จริงคือเต๋า หากไม่มีเต๋าเป็นฐาน น้ำจักแห้ง หุบเขาจักร้าง ความชุ่มชื้นจักหายไป”
ท่านทอดสายตามองไปรอบ ๆ “แม้แต่พวกเจ้า… มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งปวง ล้วนหายใจได้เพราะมีเต๋าเป็นราก หากไม่มีมัน ไม่มีใครจะคงอยู่ได้แม้ชั่วอึดใจ”
ศิษย์น้อยฟังแล้วต่างเงียบงัน รู้สึกทั้งเล็กน้อยและยิ่งใหญ่ไปพร้อมกัน
วันหนึ่ง เล่าจื๊อพาศิษย์ไปยังเมืองใหญ่ เห็นเจ้านายและขุนนางแต่งกายหรูหรา นั่งบนรถม้าตกแต่งงดงาม ศิษย์บางคนแอบเอ่ยว่า “อาจารย์ ขุนนางเหล่านี้ช่างสูงศักดิ์นัก ใคร ๆ ต่างยำเกรง”
เล่าจื๊อยิ้มจาง ๆ แล้วชี้ไปที่ล้อเกวียน “เจ้าลองมองให้ดี รถม้านี้แล่นไปได้เพราะอะไร”
ศิษย์รีบตอบ “เพราะม้าแข็งแรงสิขอรับ” อีกคนว่า “เพราะไม้ทำล้อใหญ่โตแข็งแรง”
เล่าจื๊อส่ายหน้า “ม้าจะวิ่งก็จริง ล้อจะหมุนก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็น รถ หาใช่สิ่งที่เจ้ามองเห็น มันคือแกนกลางที่ซ่อนอยู่หากไร้แกน แม้มีล้อใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจหมุนไปได้”
เขาหันไปมองเจ้านายบนรถม้า “ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่สูงศักดิ์ก็ย่อมมีรากจากสิ่งต่ำ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ก็ย่อมตั้งอยู่บนความถ่อมตน หากผู้เป็นใหญ่ลืมรากฐาน เห็นแต่ความหรูหรา วันหนึ่งเกียรติยศก็จักพังลงเหมือนรถไร้แกน”
เล่าจื๊อหยิบก้อนหินจากข้างทาง ยกขึ้นเทียบกับหยกที่พ่อค้าเร่ขายอยู่ “หยกงามเจิดจ้า ผู้คนต่างหลงใหล แต่หินหยาบที่ดูไม่งดงาม กลับเป็นสิ่งที่สร้างภูผาได้ หากผู้เป็นใหญ่แสวงหาความเจิดจ้าเพื่อให้คนสรรเสริญ วันหนึ่งก็จักแตกหักเหมือนหยกที่เปราะ แต่ถ้ายอมวางตนเหมือนหินหยาบ ก็จะค้ำจุนโลกได้โดยไม่พร่อง”
ศิษย์ทั้งหลายฟังแล้วก้มศีรษะ ต่างเข้าใจว่าแท้จริง ความสูงส่งเกิดจากการยอมเป็นสิ่งต่ำ รากฐานคือสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น แต่หากไร้ราก สรรพสิ่งก็ไม่อาจยืนอยู่ได้

วันหนึ่ง ท่านเล่าจื๊อพาศิษย์ไปยืน ณ ยอดเนินสูง มองไปยังภูเขาสูงใหญ่
“เจ้าดูภูเขานี้สิ” ท่านเอ่ย “ภูเขาสูงที่สุดนี้ ยืนหยัดอยู่ได้เพราะฐานที่มั่นคงด้านล่าง หากฐานไม่กว้างหรือไม่มั่นคง ยอดเขาจะถล่มลงทันที”
ศิษย์น้อยถาม “อาจารย์ ความสูงส่งก็เหมือนภูเขาหรือครับ?”
ท่านพยักหน้า “ใช่แล้ว… สิ่งที่สูงส่งทั้งหลาย ทั้งฟ้า แผ่นดิน สิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่ผู้ที่มีอำนาจ ย่อมต้องมีรากฐานที่มั่นคง หากไม่ถ่อมตนและรู้จักรากฐาน ความยิ่งใหญ่ก็จักพังลงเหมือนภูเขาที่ไร้ฐาน”
เล่าจื๊อชี้ไปที่ก้อนหินและเศษดินที่อยู่รอบเนิน “สิ่งต่ำต้อยและเรียบง่ายนี่แหละ คือรากของความสูงส่ง สิ่งใหญ่ย่อมเติบโตจากสิ่งเล็ก สิ่งสง่างามต้องอาศัยสิ่งธรรมดาเป็นฐาน หากผู้ใดลืมรากและแสวงหาแต่ความโดดเด่นภายนอก วันหนึ่งก็จะล้มละลาย”
ศิษย์ฟังแล้วคิดตาม ทราบแล้วว่าความถ่อมตนมิใช่ความอ่อนแอ แต่คือรากแท้ของความยิ่งใหญ่
ท่านเล่าจื๊อพาศิษย์ไปยังลำธารเล็ก ๆ และหยิบก้อนหินหยาบขึ้นมาเทียบกับหยกงามที่พ่อค้าเพิ่งวางขาย “ดูสิ เจ้าหยกงามนี้ส่องแสงดึงดูดสายตาผู้คน แต่แตกหักง่ายและทำอะไรไม่ได้จริง ส่วนก้อนหินหยาบนี้แม้ไม่สวย แต่สามารถสร้างสะพานและบ้านมั่นคงได้”
ศิษย์ถาม “อาจารย์ แล้วสิ่งใดคือคุณค่าจริง ๆ ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่?”
ท่านยิ้ม “ความมั่นคงและความเรียบง่ายต่างหาก ความดีแท้ไม่จำเป็นต้องอวดตัว ไม่ต้องสวยหรู สิ่งที่ค้ำจุนโลกอยู่จริง ๆ มักอยู่เงียบ ๆ เหมือนก้อนหินหยาบ”
ท่านชี้ไปที่หุบเขา สายน้ำ และสิ่งมีชีวิตรอบตัว “เจ้าจงจำไว้… เต๋าเป็นรากฐานของทุกสิ่ง สิ่งสูงส่งต้องมีรากต่ำ สิ่งงามเพียงเปลือกนอกไม่ค้ำโลกอยู่ได้ ความมั่นคงและความเรียบง่ายเท่านั้นคือแก่นแท้ของสรรพสิ่ง”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ท่านเล่าจื๊อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองศิษย์และพูดว่า “ฟ้าดินยังต้องอาศัยเต๋า แล้วมนุษย์เล่าจะอยู่ได้อย่างไร หากไม่รู้จักหนทางนี้”
ศิษย์ทั้งหลายก้มศีรษะเงียบ ต่างซาบซึ้งและเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว สิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายไม่ได้อยู่ที่การอวดตัว แต่เกิดจากความเงียบและความมั่นคงของรากฐาน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. สิ่งที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงเกิดจากรากฐานที่มั่นคงและความถ่อมตน แท้จริงแล้วความสูงส่งไม่ได้อยู่ที่ความงามภายนอกหรือการโอ้อวด แต่เกิดจากความเรียบง่ายและเงียบสงบ
ท่านเล่าจื๊อใช้ฟ้า ดิน หุบเขา น้ำ สิ่งมีชีวิต และสิ่งรอบตัวสอนศิษย์ว่า ทุกสิ่งดำรงอยู่ได้เพราะมีสิ่งที่ค้ำจุนอยู่เบื้องหลังเหมือนรากไม้หรือเสาหลัก หากสิ่งสูงต้องการจะมั่นคงก็ต้องมีรากจากสิ่งต่ำ ผู้ที่แสวงหาเพียงความงามหรือความโดดเด่นภายนอกโดยไม่รู้จักรากฐาน วันหนึ่งก็จะล้ม ในทางกลับกัน ความมั่นคง เงียบสงบ และเรียบง่าย คือสิ่งที่ทำให้สิ่งสูงส่งดำรงอยู่ได้อย่างแท้จริง
อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงแฝงข้อคิดดี ๆ และปรัชญาชีวิตสุดลึกซึ้งในวิถีเต๋าจากเล่าจื๊อ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องแหล่งกำเนิดแห่งกฏ (อังกฤษ: The Origin of The Law) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 39 ซึ่งกล่าวถึง “ที่มาของกฎเกณฑ์และระเบียบของสรรพสิ่ง” โดยชี้ให้เห็นว่า เต๋าเป็นบ่อเกิดของฟ้า ดิน วิญญาณ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทุกสิ่งดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยหลักการลี้ลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนี้ แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เต๋าก็เป็นจุดเริ่มต้นและรากฐานของกฎทุกอย่าง เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:
แหล่งกำเนิดแห่งกฎ
ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ ได้รับ “หนึ่งเดียว” คือเต๋าเป็นรากฐาน
สวรรค์จึงสว่างใสและบริสุทธิ์
แผ่นดินจึงมั่นคงและหนักแน่น
วิญญาณจึงมีพลัง
หุบเขาจึงเต็มแม้ว่างเปล่า
สรรพชีวิตจึงดำรงอยู่ได้
เจ้าแผ่นดินและกษัตริย์จึงเป็นแบบอย่างแก่ราษฎร
ทั้งหมดนี้เป็นผลของเต๋าเพียงหนึ่งเดียวถ้าสวรรค์ไม่บริสุทธิ์ มันก็ย่อมเสื่อม
ถ้าแผ่นดินไม่มั่นคง ก็ย่อมแตกพัง
ถ้าวิญญาณไร้พลัง ก็เสื่อมสลาย
ถ้าหุบเขาไม่เต็ม ก็แห้งแล้ง
ถ้าสรรพชีวิตไร้ชีวา ก็สูญสิ้น
ถ้าเจ้าแผ่นดินไร้คุณธรรม แม้สูงศักดิ์ก็ย่อมเสื่อมดังนั้น ความสูงส่งจึงเกิดจากความต่ำต้อย
ความยิ่งใหญ่จึงตั้งมั่นได้ด้วยความถ่อมตน
กษัตริย์จึงเรียกตนว่า “ลูกกำพร้า” หรือ “ผู้มีคุณธรรมน้อย”
มิใช่เพื่ออวด แต่เพื่อยอมรับว่าความถ่อมตนคือรากฐานแห่งความสูงศักดิ์เหมือนการนับชิ้นส่วนของเกวียน
เราอาจเห็นชิ้นสวยงาม แต่ไม่ได้บอกว่ามันทำงานได้
ดังนั้นเจ้าแผ่นดินจึงไม่ปรารถนาจะดูหรูเหมือนหยก
แต่เลือกเป็นธรรมดาเหมือนศิลา
โดยเล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าใจความลี้ลับของเต๋า จะไม่หลงไปกับความงามภายนอกหรือความโดดเด่นของสิ่งสูงส่ง แต่จะเห็นรากฐานและความมั่นคงที่แท้จริง สิ่งสูงส่งจึงเกิดจากสิ่งต่ำต้อย และสิ่งงามภายนอกจะไม่สำคัญเท่ากับความมั่นคงเงียบสงบ การเข้าใจเต๋าเช่นนี้ทำให้ผู้เรียนรู้สามารถอยู่ร่วมกับสรรพสิ่งอย่างสงบ ไม่พลาดพลั้งต่อความวุ่นวายภายนอก และสามารถดำรงตนในความมั่นคงของจักรวาล
นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนในบทดังกล่าว โดยเปรียบความสูงส่งของฟ้า แผ่นดิน และสิ่งมีชีวิตกับรากฐานที่มองไม่เห็น แม้สิ่งต่าง ๆ จะสวยงามหรือสง่างามเพียงใด หากขาดรากฐานและความมั่นคงแล้ว ย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้จริง นิทานจึงสื่อให้ผู้คนได้ตระหนักว่ารากฐานและความเรียบง่ายเงียบสงบ คือหัวใจของความมั่นคงและกฎเกณฑ์ของจักรวาล
คติธรรม: “สิ่งสูงส่งยืนอยู่ได้เพราะรากต่ำ สิ่งยิ่งใหญ่มั่นคงเพราะเรียบง่ายเงียบสงบ”

