ปกนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์

นิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์

ในโลกนี้ ความรักและความเข้าใจมักเดินเคียงกัน แต่เมื่อใดที่ใจถูกเงาของความน้อยใจบดบัง ความรักอาจแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นได้โดยไม่รู้ตัว และเมื่อความแค้นฝังลึกข้ามภพข้ามชาติ สิ่งที่ถูกมองว่าเล็กน้อยในวันหนึ่ง อาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมในอีกวันหนึ่ง

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงช้างผู้มีศักดิ์สง่าสูงส่ง งดงามทั้งกายและใจ แต่กลับต้องเผชิญกับผลแห่งความเข้าใจผิดที่ย้อนมาจากอดีตชาติ เรื่องนี้จะพาเราไปรู้จักพลังของการให้อภัย ที่ยิ่งใหญ่กว่าพละกำลังหรือการล้างแค้นใด ๆ ในโลกนี้ กับนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าหิมพานต์อันเงียบสงบ มีช้างเผือกผู้หนึ่งครองตำแหน่งราชาแห่งฝูงช้าง เขามีนามว่าจุลวลาหะ แตกต่างจากช้างทั้งหลายด้วยกายสีขาวนวลบริสุทธิ์ และมีงาทั้งหก งาแต่ละข้างแยกเป็นสามแฉก สมบูรณ์ดั่งงานแกะสลักจากสวรรค์

เขามีมเหสีสองนาง นางหนึ่งมีใจอ่อนโยน ชอบอยู่ใกล้ดอกไม้ อีกนางหนึ่งเข้มแข็งและเงียบขรึม

วันหนึ่ง ขณะราชาช้างกำลังเดินเล่นในป่ากับมเหสีทั้งสอง เขาใช้งวงผลักต้นไม้ใหญ่เพื่อเก็บผลไม้ตามธรรมเนียม แต่บังเอิญแรงที่ใช้มากไป ทำให้กิ่งไม้กระเทือน

กลีบดอกไม้สีชมพูโปรยลงมาระยิบระยับ เหนือหัวของมเหสีองค์แรก ขณะเดียวกัน มดแดงซึ่งอยู่บนกิ่งไม้ตกลงมาบนหลังของมเหสีองค์ที่สอง

นางสะดุ้งและรีบปัดตัวมดออก ก่อนจะหันมามองสามีด้วยแววตาสั่นไหว “เหตุใดดอกไม้จึงโปรยให้นางอื่น แต่มดแดงกลับตกใส่ข้า”

ราชาช้างหัวเราะเบาๆ โดยไม่เอะใจ “โอ มเหสีเอ๋ย… เรื่องนี้เป็นเพียงเหตุบังเอิญจากธรรมชาติ”

แต่นางมเหสีองค์ที่สองไม่คิดเช่นนั้น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความน้อยใจ และในค่ำคืนนั้น นางได้จากไปโดยไม่กล่าวลา

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน นางเมเหสีช้างที่จากไป ได้ตายลงและถือกำเนิดใหม่ในโลกมนุษย์ เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ และเมื่อวัยเจริญขึ้น นางก็กลายเป็นราชินีแห่งเมืองใหญ่ นางงามสง่า ฉลาด และเป็นที่รักของพระราชา

แต่ในใจลึก ๆ ของนาง ยังไม่ลืมภาพวันนั้น วันที่กลีบดอกไม้โปรยลงบนผู้อื่น และมดแดงกัดเจ็บร้าวในใจของตน

วันหนึ่ง ขณะที่ราชาเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู “เจ้าปรารถนาสิ่งใดในชีวิตที่ข้ายังไม่เคยมอบให้”

นางตอบเสียงเรียบแต่นิ่ง “ข้าอยากได้งาช้างหกแฉก งาดั่งหิมะ งาที่ไม่มีผู้ใดมีในโลก”

พระราชาชะงักไปชั่วครู่ แล้วรับสั่งให้ออกตามหาช้างวิเศษที่มีลักษณะเช่นนั้น

ไม่ช้านัก นักล่าสัตว์ผู้ชำนาญทางในป่าหิมพานต์ได้รับหน้าที่ เขาเดินทางลึกเข้าไปในผืนป่า จนกระทั่งได้พบกับราชาช้าง… ผู้ยังคงปกครองฝูงช้างด้วยเมตตา สง่างาม ไม่เปลี่ยนแปลง

นักล่ารู้ทันทีว่านี่คือเป้าหมาย เขาจึงเตรียมอาวุธอย่างเงียบเชียบ และซุ่มอยู่ในเงาไม้ รอเวลาเผด็จศึก

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์ 2

แสงแดดอ่อนในยามเช้าสาดผ่านยอดไม้ นักล่าซุ่มอยู่เงียบ ๆ เบื้องหลังพุ่มไม้ มือกำหอกแน่น เขารู้ดีว่าเพียงการโจมตีครั้งเดียวอาจหมายถึงความสำเร็จหรือความตาย

เมื่อพระช้างเจ้าจุลวลาหะก้าวเข้ามาในแนวสายตา นักล่าพุ่งหอกออกไปทันที หอกพุ่งทะลุลำตัวช้างเจ้าด้วยแรงมหาศาล ร่างอันสง่างามทรุดลงเล็กน้อย เลือดสีแดงฉานหยดลงบนผืนดิน

แต่ราชาช้างยังคงยืนหยัด ดวงตาแน่วแน่แม้เจ็บปวด “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้”

นักล่ามองร่างช้างผู้ไม่ยอมล้มอย่างตกตะลึง ในดวงตาของเขาไม่ได้เห็นความโกรธ หากเป็นความสงบ อดทน และสง่างามเกินสัตว์ทั้งปวง

นักล่าจึงเอ่ยเสียงสั่น “ข้าทำไปตามรับสั่งจากพระราชินี… นางอยากได้งาของท่าน งาหกแฉกที่งามดั่งหิมะ”

เมื่อพระช้างเจ้าฟังจบ ดวงตาของพระองค์นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะหลุบลงต่ำด้วยความเข้าใจ “นาง… กลับมาอีกครั้ง”

พระองค์เงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าขอมอบงาเหล่านี้ให้… ไม่ใช่เพราะความพ่ายแพ้ แต่เพื่อยุติความแค้นที่ไม่ควรมีต่อไป”

จากนั้น ราชาช้างก็ใช้ลำตัวเบียดงาทั้งหกให้หลุดออกจากโคนอย่างสงบ แม้เลือดไหลนองพื้น แต่พระองค์มิได้แสดงความทุกข์

นักล่ายืนอึ้ง ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ เขารับงาไว้ด้วยใจหนักอึ้งที่สุดในชีวิต

เมื่อกลับถึงวัง นักล่าทูลมอบงาช้างทั้งหกให้นางราชินี พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมด

“ราชาช้างรู้ว่าท่านคือมเหสีของเขาในชาติปางก่อน… และยังคงให้อภัยแม้ท่านคิดล้างแค้น”

คำพูดนั้นแทงทะลุใจของราชินี ความแค้นที่ฝังแน่นมาหลายภพชาติ พังทลายลงในชั่วพริบตา

นางทรุดตัวลงพร้อมกับงาช้างในอ้อมแขน น้ำตาไหลรินราวกับชำระใจ “ข้าเข้าใจแล้ว… สิ่งที่ข้าเรียกว่าความยุติธรรม แท้จริงคือความหลงผิด”

ไม่นานนัก นางก็ตายลงด้วยความเสียใจอย่างสุดหัวใจ

และในกาลต่อมา ผู้คนเล่าขานถึงช้างผู้สูงศักดิ์ ผู้ไม่เพียงมีงางามที่สุดในโลก แต่ยังมีจิตใจสูงส่ง ยิ่งกว่าผู้ใดในป่าและในเมือง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องช้างผู้สูงศักดิ์ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การให้อภัยคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการล้างแค้น เพราะผู้ที่สามารถให้อภัยได้อย่างแท้จริง ย่อมยืนอยู่เหนือความโกรธ ความเจ็บ และความหลงในอดีต การยึดติดเพียงเพราะความเข้าใจผิด อาจนำความพินาศมาสู่ทั้งตนเองและผู้อื่น

ราชาช้างผู้มีงาหกแฉก มิได้ตอบโต้ด้วยโทสะ แม้รู้ว่าคนที่ต้องการเอาชีวิตตนเคยเป็นภรรยาในอดีตชาติ แต่กลับยอมมอบสิ่งล้ำค่าที่สุดเพื่อยุติความแค้น และเลือกตายด้วยศักดิ์ศรีแห่งเมตตา ท้ายที่สุด ความอ่อนโยนของพระองค์ ได้ปลุกสติให้ผู้ที่หลงผิดตื่นขึ้น แม้จะสายเกินแก้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ความเมตตาไม่เคยสูญเปล่า แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก (อังกฤษ: The Noble Elephant) หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ที่มักปรากฏในชาดกเพื่อสื่อถึงความหนักแน่น เมตตา และความเสียสละ อันเป็นคุณลักษณะของพระโพธิสัตว์ในช่วงก่อนตรัสรู้

ชาดกเรื่องนี้มีลักษณะคล้ายกับจุลหังสชาดก หรือบางฉบับเชื่อมโยงกับตำนานของช้างเอราวัณ ในคติอินเดียและพระพุทธศาสนา แต่โครงเรื่องที่นำเสนอในนิทานนี้เป็นแบบอุปมาอุปไมยเพื่อสื่อธรรมะเรื่องการให้อภัย และการปล่อยวางจากความแค้น

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งยังยึดติดในความเจ็บช้ำจากเหตุการณ์ในอดีต ไม่อาจให้อภัยผู้อื่นได้ พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นช้างเผือกผู้สูงศักดิ์ แม้ถูกทำร้ายโดยผู้เคยใกล้ชิด ก็ยังสามารถให้อภัยและยอมสละชีวิตเพื่อยุติความแค้น

ชาดกเรื่องนี้จึงสอนว่าการให้อภัยไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการยืนอยู่เหนือความเจ็บปวด และผู้ที่ปล่อยวางได้ย่อมเข้าถึงความสงบอันแท้จริง

คติธรรม: “การให้อภัย ไม่ได้ลดคุณค่าของผู้ให้ แต่ยกจิตให้สูงกว่าความเจ็บแค้น”


by