ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ ความอยากรู้อยากเห็นและความโลภมักเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราลองทำสิ่งใหม่ ๆ แต่หากปราศจากความระมัดระวังและการไตร่ตรองให้รอบคอบ
ความอยากนั้นอาจนำไปสู่หายนะที่เราไม่ทันคาดคิด เช่นเดียวกับเรื่องราวของหนูผู้หนึ่งที่ความอยากรู้อยากลองพาให้พบกับบทเรียนอันขมขื่นใน กับนิทานอีสปเรื่องหอยนางรม
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องหนูกับหอยนางรม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสและสายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ หนูตัวหนึ่งเดินทางมาถึงชายฝั่งทะเลโดยบังเอิญ มันไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนในชีวิต เสียงคลื่นที่กระทบฝั่งและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น
“โอ้โห นี่มันคือที่ไหนกันนะ?” หนูพูดกับตัวเองขณะวิ่งสำรวจชายหาด มันมองไปยังทรายละเอียดและเปลือกหอยที่กระจัดกระจายอยู่ตามชายฝั่ง
ในระหว่างที่หนูกำลังเดินไปเรื่อย ๆ สายตาของมันก็สะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่ดูแปลกตา มันคือหอยนางรมตัวหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่บนทราย เปลือกของมันเปิดแง้มเล็กน้อย เผยให้เห็นเนื้อในที่ดูนุ่มนวลและมันวาว
“นี่อะไรน่ะ? ดูน่าสนใจจริง ๆ” หนูพูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้ มันจ้องมองหอยนางรมด้วยความสงสัย “นี่คงเป็นอาหารอะไรสักอย่างแน่ ๆ”
หอยนางรมนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการตอบสนองใด ๆ หนูจึงยิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นอีก มันเริ่มได้กลิ่นหอมบาง ๆ ที่ออกมาจากเนื้อในของหอยนางรม
“กลิ่นแบบนี้… น่ากินชะมัด!” หนูพูดกับตัวเองพลางเลียปากด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะลองชิมดูสักหน่อยดีไหมนะ?”
หนูเริ่มยื่นหัวเข้าไปใกล้ ๆ กับเนื้อในของหอยนางรม มันลองกัดเบา ๆ เพื่อดูว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เปลือกของหอยนางรมก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย! เจ็บ! เกิดอะไรขึ้นนี่!” หนูร้องลั่น หอยนางรมหนีบหัวของมันแน่นด้วยเปลือกแข็ง หนูพยายามดึงตัวออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มันมี แต่มันกลับพบว่าตัวเองไม่มีทางหลุดออกมาได้
“ปล่อยข้าไป! ข้าแค่อยากลองชิมนิดเดียวเอง!” หนูร้องพลางดิ้นสุดชีวิต แต่หอยนางรมยังคงปิดเปลือกไว้แน่น
หอยนางรมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ากัดกินข้าโดยง่ายอย่างนั้นหรือ? ความอยากรู้อยากเห็นและความโลภของเจ้านำพาเจ้ามาที่นี่เอง ข้าคงต้องสอนบทเรียนให้เจ้าเสียหน่อย”
“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก! ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!” หนูอ้อนวอน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัว
แต่หอยนางรมไม่ฟัง มันปิดเปลือกแน่นกว่าเดิม หนูตัวนั้นดิ้นรนจนหมดแรง สุดท้ายมันก็ถูกขังอยู่ในเปลือกของหอยนางรม ทำให้มันติดอยู่ในคุกโดยไม่มีความหวังที่จะหนีออกไปได้และไม่มีใครมาช่วยได้
ทะเลยังคงสงบเหมือนเดิม คลื่นยังคงซัดเข้าฝั่ง แต่สำหรับหนูตัวนั้น ความอยากรู้อยากเห็นและความโลภได้กลายเป็นบทเรียนอันขมขื่น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความอยากรู้อยากเห็นหรือความโลภที่เกินพอดี อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายและสร้างปัญหาให้กับตัวเราเอง การทำสิ่งใดโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบหรือเพียงเพราะความต้องการชั่ววูบ อาจทำให้เราต้องเผชิญกับผลเสียที่ไม่สามารถแก้ไขได้ การมีสติและรู้จักยับยั้งชั่งใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเลี่ยงความผิดพลาดในชีวิต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องหนูกับหอยนางรม (อังกฤษ: The Mouse and the Oyster) เป็นนิทานสอนใจที่ไม่ค่อยถูกกล่าวถึงในวรรณกรรมยุคคลาสสิก แต่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนิทานอีสป นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 454 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานนี้มีการตีความหลากหลาย บางเวอร์ชันถือเป็นคำเตือนเกี่ยวกับความตะกละ ขณะที่บางเวอร์ชันมองว่าเป็นการเตือนให้ระวังการกระทำโดยไม่ไตร่ตรองหรือระวังตัว
การกล่าวถึงนิทานเรื่องนี้ครั้งแรกปรากฏในบทกวีใน Greek Anthology ช่วงศตวรรษที่ 1 ซีอี โดย แอนทิฟิลัสแห่งไบแซนเทียม (Antiphilus of Byzantium) เล่าเรื่องถึงหนูบ้านตัวหนึ่งที่พบหอยนางรมและพยายามกินมัน แต่เปลือกหอยกลับปิดลงทันที ทำให้มันต้องพบกับความตายและหลุมศพในคราวเดียวกัน
ความโลภและความประมาทอาจนำไปสู่ความพินาศได้
ในศตวรรษถัดมาอีเลียส อริสไตเดส (Aelius Aristides) นักวาทศิลป์ได้ให้การตีความนิทานในเชิงการเมือง โดยใช้เป็นคำเตือนเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการตกหลุมพรางในสถานการณ์ที่อันตราย