ในโลกนี้ มนุษย์หลายคนมักมองว่าความสำเร็จหรือความมั่งคั่งคือเป้าหมายสูงสุด แต่เต๋าสอนว่า การยึดติดกับความทะเยอทะยานและความปรารถนามากเกินไป จะนำมาซึ่งทุกข์และความวุ่นวายภายในใจ
มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง เล่าจื๊ออธิบายผ่านเรื่องราวนักรบผู้เคยรุ่งเรืองและตกต่ำสุดขั้ว จนเรียนรู้ความสงบและความพอเพียงจากการปล่อยวาง กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความปรารถนาและความทะเยอทะยาน

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความปรารถนาและความทะเยอทะยาน
กาลหนึ่ง ข้ารู้จักนักรบผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเคยรุ่งเรืองและมีเกวียนทองคำไว้เก็บทรัพย์สมบัติและเครื่องประดับล้ำค่า เกวียนนั้นตั้งอยู่กลางห้องกว้างภายในปราสาท ตรงกลางห้องปูพื้นไม้ขัดเงา ส่องประกายสะท้อนแสงตะเกียงเล็ก ๆ นักรบมักนั่งเงียบ มองเกวียนทองด้วยสายตาครุ่นคิด
แม้จะเป็นเพียงเกวียนเดียว แต่หัวใจเขาเต็มไปด้วยความกังวลทุกค่ำคืน “ทุกสิ่งนี้…มันคุ้มค่ากับชีวิตข้าหรือไม่? ข้าต้องแลกด้วยอะไรบ้างเพื่อรักษาไว้?” เสียงนั้นดังขึ้นในความคิดของเขา ขณะมือของเขาลูบทองบนเกวียน ความเย็นของทองสัมผัสมือทำให้ใจสั่นอย่างแปลกประหลาด
เขาเคยเป็นนักรบผู้เข้มแข็งและเก่งกาจในสนามรบ ทุกการต่อสู้ทำให้เขาได้รับเกียรติและทรัพย์สมบัติ ในทุกค่ำคืน เขาต้องคอยระวังภัยและโจรผู้คิดร้าย เหมือนมีเงาครอบอยู่เหนือหัวใจ
“ข้าต้องปกป้องมัน…ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ข้าจะไม่ยอมเสียไป!” เขาพึมพำกับตัวเอง มือกำแน่นจนขาวซีด สายตาจับจ้องทองที่อยู่ตรงหน้าอย่างหมกมุ่น
ทุกย่างก้าวในชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยความกังวล ความทะเยอทะยานคอยดึงดันให้เขาไม่สามารถพักผ่อนได้เลย เขาไม่ได้เพลิดเพลินกับความงดงามของค่ำคืน ไม่ได้สนุกกับสายลมที่พัดผ่าน เขาแทบลืมรสชาติของชีวิตที่สงบ เพราะหัวใจติดกับทองและตำแหน่งที่มี
วันแล้ววันเล่า นักรบคอยตรวจสอบเกวียนทอง เปิดปิดประตู ซ่อนและเคลื่อนย้ายทรัพย์สมบัติ ตรวจตราผู้คนรอบตัวและทหารรักษา การโลภและความทะเยอทะยานพันธนาการใจเขาไว้ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“หากข้าพลาด…ทุกอย่างจะสูญไป ข้าจะสูญเสียทุกอย่างไปจริง ๆ!” เสียงคิดในใจเขาดังก้องเหมือนกลองใหญ่ สายฝนโปรยปรายจากหน้าต่างสูง ทำให้บรรยากาศห้องมืดลง ความเย็นของค่ำคืนปะทะกับความร้อนในอกของเขา
แม้จะมีทรัพย์สมบัติในเกวียนทองคำของเขา เขากลับไม่เคยรู้สึกสงบ ยิ่งเขาพยายามปกป้องมากเท่าไหร่ ใจเขาก็ยิ่งหนัก ความเหน็ดเหนื่อยสะสมและทุกข์ใจเริ่มกัดกินชีวิต
เขาต้องตื่นตั้งแต่รุ่งสาง ตรวจสอบทุกสิ่ง ซ่อมแซมทุกจุดที่อาจเกิดความเสียหาย และแม้กลางคืนเขาจะพยายามหลับตา แต่ภาพทองและการป้องกันเกวียนยังวนเวียนอยู่ในจิตใจ
“ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งใดขโมยไป ข้าจะรักษาไว้…แม้ว่าร่างกายจะอ่อนล้าและจิตใจสับสน” เขาพูดกับตัวเองเสียงเบา ราวกับคำพูดนั้นช่วยยึดเขาไว้ในความหวาดกลัวและความโลภ
ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยความกังวล ความทะเยอทะยานไม่เคยปล่อยเขาเป็นอิสระ และทุกค่ำคืนกลายเป็นเวียนวนของความเหนื่อยล้าและความวิตกกังวล แม้เพียงเกวียนทองก็สามารถคุมชีวิตเขาได้ทุกย่างก้าว

คืนหนึ่งพายุฝนกระหน่ำหนัก เกวียนทองของเขาถูกโจรพยายามขโมย นักรบวิ่งไล่ตามกลางความมืด ฟ้าร้องและฟ้าผ่า เสียงสายฟ้าเหมือนดังก้องในอกของเขา
เขาลื่นไถลลงหลุมโคลน ขาข้างหนึ่งหัก แขนข้างหนึ่งถูกฟันขาด ร่างกายเจ็บปวดเกินบรรยาย เกวียนทองเพียงอันเดียวแตกเสียหาย เขาถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษ ไล่ออกจากตำแหน่ง สูญเสียเกียรติยศและทรัพย์สมบัติ
นักรบคร่ำครวญกลางพายุ น้ำตาไหลพราก “ทุกสิ่ง…ทุกสิ่งของข้า…ทำไมมันต้องมาถึงขนาดนี้! ข้าต้องแลกด้วยเลือด เหงื่อ และชีวิตเพื่ออะไร!” เขากอดเกวียนทองที่แตกเป็นชิ้น ๆ ร่างกายเจ็บปวดและหัวใจแทบแตกสลาย
เสียงลมพัดโหมกระหน่ำ สายฟ้าแลบสาดแสงเข้ามาในดวงตาที่พร่าเลือน เขารู้สึกถึงความว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยยึดถือ กลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวของชีวิต เหตุการณ์นี้บีบคั้นจนเขาเริ่มเข้าใจว่าการยึดติดและความทะเยอทะยานมีราคาที่ต้องจ่าย
เหตุการณ์ผ่านไป นักรบถูกทิ้งไว้กลางความว่างเปล่า ร่างกายเจ็บปวด แขนและขาที่บาดเจ็บยังคงช้ำเกือบทุกวัน เขาไม่สามารถกลับไปต่อสู้ หรือปกป้องเกวียนทองได้อีก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเงียบ
แต่ในความเงียบนี้ เขาเริ่มสังเกตถึงสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว เขาเห็นสายลมพัดใบไม้ เขาได้ยินเสียงนกร้อง และรู้สึกถึงความอบอุ่นของดวงอาทิตย์บนผิวกาย แม้ร่างกายจะพิการ แต่จิตใจเริ่มสงบลงทีละน้อย
“ข้าคิดว่าการถือครองทรัพย์สมบัติและตำแหน่งจะนำความสงบมาให้ แต่แท้จริง… สิ่งนั้นไม่เคยสงบใจ ข้าที่แท้จริงคือใจของข้าเอง” นักรบพูดกับตัวเองเสียงเบา น้ำตาไหลพรากเพราะความตระหนักในความผิดพลาดที่ผ่านมา
ข้าเห็นนักรบค่อย ๆ ใช้ชีวิตเรียบง่าย เขาหยิบไม้กวาดและรดน้ำต้นไม้เล็ก ๆ รอบบ้าน ทำความสะอาดพื้นที่เล็ก ๆ ที่เขายังสามารถดูแลได้ ทุกวันเขาทำงานอย่างสม่ำเสมอ รดน้ำต้นไม้ พรวนดิน ดูแลสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่รอบบ้าน การกระทำเล็ก ๆ เหล่านี้สอนเขาถึงคุณค่าของความสม่ำเสมอและความพอเพียง
เขาไม่ได้สนใจทองคำ ทรัพย์สินหรือเกียรติยศอีกต่อไป แต่กลับพบความสงบและความเต็มใจในสิ่งที่ทำ “ข้าได้เรียนรู้ว่าการไม่ปล่อยใจไปกับความทะเยอทะยาน ความโลภ หรือความยึดติด… คือความมั่นคงและอิสระที่แท้จริง”
เวลาผ่านไป ร่างกายที่เคยอ่อนแอกลับมีชีวิตชีวา แม้ไม่สมบูรณ์ แต่จิตใจแข็งแรงและสงบ เขาได้เรียนรู้ว่าความทะเยอทะยานและการยึดติดนำมาซึ่งความทุกข์ และว่าความพอเพียง ความสงบ และการกระทำอย่างสม่ำเสมอ คือสิ่งที่จะคงอยู่ยาวนานกว่าเกียรติยศหรือทรัพย์สมบัติ
“นี่คือบทเรียนที่ข้าได้เรียนรู้ด้วยร่างกายและหัวใจ ข้าไม่โกรธ ไม่เสียใจต่อสิ่งที่สูญเสียอีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าเข้าใจวิถีเต๋า ข้าเข้าใจว่าการพอเพียงและการระงับความทะเยอทะยาน… คือชีวิตที่แท้จริง” นักรบกล่าว
ชายผู้เคยรุ่งเรืองและตกต่ำสุดขั้วนี้ จบชีวิตอย่างสงบ และกลายเป็นตัวอย่างแห่งปรมาจารย์ผู้เข้าใจความหมายของชีวิตและวิถีเต๋าอย่างแท้จริง นี่คือแก่นของนิทานเรื่องนี้ความพอเพียงและการระงับความทะเยอทะยานนำมาซึ่งชีวิตที่สงบและยั่งยืน
ข้าพเจ้ามองเขาและพูดกับตนเองในใจว่า ชายผู้นี้ได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญที่สุดของชีวิต สิ่งใดที่เก็บไว้เพราะโลภหรือทะเยอทะยาน มักพังทลาย แต่สิ่งใดที่รู้จักพอใจและสงบอยู่กับธรรมชาติ ย่อมคงอยู่ยาวนาน
เวลาผ่านไป นักรบกลายเป็นปรมาจารย์ผู้รู้จักพอ เขารดน้ำใจและสอนวิถีเต๋าให้ผู้มาเยือน แม้ร่างกายยังพิการ แต่จิตใจแข็งแรงและสงบดุจน้ำล้นที่ไม่เคยเหือดแห้ง ความพอเพียงและการระงับความทะเยอทะยานนำมาซึ่งชีวิตที่สงบและยั่งยืน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ใดรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี และไม่ยึดติดกับความทะเยอทะยานหรือความโลภ ย่อมพบความสงบและความมั่นคงในชีวิต ชายผู้เคยรุ่งเรืองและตกต่ำสุดขั้วเรียนรู้ว่าการปล่อยวางและการพอเพียงนำมาซึ่งความสงบที่แท้จริง นี่แหละคือการการระงับกิเลสหรือความทะเยอทะยาน
เรื่องราวของนักรบผู้สูญเสียเกียรติยศและทรัพย์สมบัติแต่กลับพบใจสงบสอนให้เราเข้าใจว่าความโลภและความทะเยอทะยานเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ การใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำสิ่งที่ทำได้อย่างสม่ำเสมอ และรู้จักพอใจในสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว คือหนทางสู่ชีวิตที่ยืนยาวและสงบสุข
อ่านต่อ: เรียนรู้ปรัชญาสุดลึกซึ้งแห่งวิถีเต๋าผ่านนิทานเต้าเต๋อจิง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความปรารถนาและความทะเยอทะยาน (อังกฤษ: The Moderating of Desire or Ambition) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 46 ซึ่งกล่าวถึงการ “ระงับกิเลสและความทะเยอทะยาน” อันเป็นแก่นแท้ของวิถีเต๋า คำสอนนี้เตือนให้มนุษย์รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ไม่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง หรือความปรารถนาเกินตัว เพราะทุกสิ่งที่มากเกินไปย่อมนำมาซึ่งทุกข์และความวุ่นวาย การระงับความทะเยอทะยานจึงเปรียบเหมือนการสร้างเกราะป้องกันใจให้มั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:
การควบคุมความปรารถนาและความทะเยอทะยาน
เมื่อโลกอยู่ในทางของเต๋า ผู้คนจะไม่เร่งรีบแข่งขัน ม้าเร็วก็ถูกส่งกลับไปทำงานเรียบง่าย (สะท้อนถึงความสงบ)
แต่เมื่อโลกละทิ้งเต๋า ม้าสงครามก็เกิดขึ้นตามชายแดน (สะท้อนความขัดแย้งและความรุนแรง)ไม่มีบาปใดใหญ่ไปกว่าการสนับสนุนความทะเยอทะยาน
ไม่มีภัยใดใหญ่ไปกว่าการไม่พอใจกับส่วนที่ตนมี
ไม่มีความผิดใดใหญ่ไปกว่าความปรารถนาที่จะได้มาเพราะฉะนั้น ความพอเพียงและความพอใจในสิ่งที่มี คือความพอเพียงที่ยั่งยืนและไม่เปลี่ยนแปลง
เล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าใจถึงหลักการนี้ย่อมสามารถดำรงชีวิตอย่างสงบ ไม่ถูกความโลภหรือความอยากครอบงำ และไม่ต้องกลัวการสูญเสียใด ๆ เพราะใจที่สงบและพอเพียงอยู่เหนือความแปรปรวนของโลก ชีวิตที่สงบนี้ไม่ขึ้นอยู่กับความมั่งคั่งหรือสถานะทางสังคม แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในตัวเองและความพอใจในสิ่งที่มี การกระทำที่เรียบง่ายและสม่ำเสมอเป็นเครื่องมือฝึกใจให้มั่นคง
นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนดังกล่าว ผ่านเรื่องราวนักรบผู้เคยรุ่งเรืองและตกต่ำสุดขั้ว ชายผู้นี้ต้องแลกทุกสิ่งเพื่อเรียนรู้บทเรียนชีวิต แต่กลับพบว่าความสงบที่แท้จริงไม่ได้มาจากทรัพย์สมบัติหรือเกียรติยศ แต่เกิดจากใจที่พอเพียงและการระงับความทะเยอทะยาน นี่คือแก่นแท้ของวิถีเต๋า ที่เล่าจื๊ออยากให้ผู้คนได้ตระหนักและเรียนรู้
คติธรรม: “ผู้ที่รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ย่อมสงบอยู่เหนือความโลภและความทะเยอทะยาน ความพอเพียงคือเกราะป้องกันใจที่มั่นคงที่สุด”

