ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว การหาแหล่งน้ำกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสัตว์ป่าทุกตัว สิงโตผู้ยิ่งใหญ่และหมูป่าผู้ดุดันต่างมุ่งหน้าไปยังแหล่งน้ำเดียวกัน แต่เมื่อทั้งสองมาถึงพร้อมกัน ความกระหายและศักดิ์ศรีของพวกมันกลับกลายเป็นชนวนของความขัดแย้ง
เรื่องราวที่ตามมานี้จะเผยให้เห็นบทเรียนอันล้ำค่าเกี่ยวกับการประนีประนอมและผลลัพธ์ของความไม่ยั้งคิดกับนิทานอีสปเรื่องสิงโตกับหมูป่า
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสิงโตกับหมูป่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แหล่งน้ำกลางป่ากลายเป็นที่หมายของสัตว์หลายชนิด สิงโตผู้ยิ่งใหญ่เดินมุ่งหน้าไปยังแหล่งน้ำด้วยก้าวอันมั่นคง มันกระหายน้ำอย่างมากจากการเดินตรวจอาณาเขตตั้งแต่เช้า ขณะเดียวกัน หมูป่าตัวใหญ่ที่หิวน้ำเช่นกันก็เดินมาจากอีกฝั่ง ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทั้งสองมาถึงแหล่งน้ำในเวลาเดียวกัน
สิงโตหยุดยืนตรงริมแหล่งน้ำ มันมองหมูป่าที่เพิ่งมาถึงและคำรามเบา ๆ เพื่อแสดงความเหนือกว่า “เจ้าหมูป่า ข้าคือเจ้าป่าแห่งที่นี่ ข้าควรได้ดื่มน้ำก่อน”
หมูป่าไม่ถอย มันจ้องกลับไปด้วยดวงตาแข็งกร้าว “อย่าคิดว่าคำรามของเจ้าจะทำให้ข้าหวาดกลัว ข้าต้องเดินไกลกว่าจะมาถึงที่นี่ และข้าก็เหนื่อยไม่แพ้เจ้า ข้าจะไม่ยอมหลีกให้เจ้าดื่มก่อนแน่!”
สิงโตคำรามเสียงดังจนสะเทือนป่า “เจ้าอยากลองท้าทายข้าอย่างนั้นหรือ? ถ้าเจ้าไม่ถอย ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่ากรงเล็บของข้าคมแค่ไหน!”
“งั้นมาลองกันเลย!” หมูป่าคำรามตอบอย่างไม่เกรงกลัว
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว สิงโตใช้กรงเล็บตะปบหมูป่าอย่างแรง ขณะที่หมูป่าใช้เขาอันแหลมคมจู่โจมกลับ การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น เสียงคำรามและเสียงข่วนดังก้องไปทั่วบริเวณ น้ำที่เคยสงบนิ่งกระเซ็นจากแรงกระแทกของพวกมัน
เวลาผ่านไป การต่อสู้เริ่มยืดเยื้อ ทั้งสองต่างเหนื่อยล้าจากการปะทะ สิงโตหอบหนัก หายใจถี่ ส่วนหมูป่าก็ล้มตัวลงนอนพัก มันถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อย
“พอเถอะ” หมูป่าพูดเสียงแผ่ว “ข้าคิดว่าเราควรหยุดก่อน ข้าเหนื่อยเกินกว่าจะสู้ต่อ”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” สิงโตตอบพลางหอบ “แต่เจ้าต้องให้ข้าดื่มน้ำก่อน”
ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มโต้เถียงอีกครั้ง หมูป่าเหลือบเห็นบางสิ่งบนท้องฟ้า มันกระซิบเบา ๆ “ดูสิ สิงโต!”
สิงโตเงยหน้ามองและเห็นฝูงอีแร้งหลายตัวกำลังบินวนอยู่เหนือศีรษะ พวกมันจ้องมองลงมาด้วยสายตาโลภเหมือนรอคอยบางสิ่ง สิงโตหันกลับไปพูดกับหมูป่า “พวกมันคงรอให้เราล้มลงตายเพื่อจะได้มากินเราเป็นอาหาร”
หมูป่าพยักหน้า “เราโง่เขลานัก ที่มัวแต่ทะเลาะกันจนเกือบกลายเป็นเหยื่อของอีแร้ง ถ้าข้าล้ม เจ้าอาจเหลือรอด แต่ถ้าเจ้าล้ม ข้าก็คงไม่ต่างกัน”
สิงโตถอนหายใจ “จริงของเจ้า เราไม่ควรเสียพลังกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้”
ทั้งสองตกลงกันอย่างเงียบ ๆ สิงโตเดินไปดื่มน้ำก่อนอย่างสงบ หมูป่ารอจนกระทั่งสิงโตดื่มเสร็จ จึงเดินไปดื่มต่อ
หลังจากดื่มน้ำจนพอใจ พวกมันแยกย้ายกันกลับสู่ป่าของตนเอง ฝูงอีแร้งที่บินวนอยู่เมื่อเห็นว่าทั้งสองยังแข็งแรง ก็พากันบินจากไปด้วยความผิดหวัง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
การทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย อาจทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียพลังงานและเวลาโดยเปล่าประโยชน์ บางครั้งความขัดแย้งไม่ได้ทำให้ใครได้ประโยชน์ แต่อาจเปิดโอกาสให้อันตรายหรือความสูญเสียเข้ามาแทน การรู้จักประนีประนอมและหาทางออกร่วมกัน ไม่เพียงช่วยแก้ไขปัญหา แต่ยังช่วยรักษาสิ่งสำคัญในชีวิตได้
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องสิงโตกับหมูป่า (อังกฤษ: The Lion and the Boar) ถูกจัดอยู่ในนิทานอีสป และได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 338 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานนี้เตือนถึงการทะเลาะเบาะแว้งที่ผู้อื่นจะฉวยโอกาสได้ นิทานเรื่องนี้ยังคล้ายกับเรื่องสิงโตกับหมี
นิทานในแหล่งข้อมูลภาษากรีกเล่าว่า สิงโตและหมูป่าต่อสู้กันเพื่อแย่งกันเป็นผู้ได้ดื่มน้ำจากแหล่งน้ำก่อน ขณะต่อสู้ พวกมันสังเกตเห็นฝูงอีแร้งที่กำลังรอคอยจะกินผู้แพ้ สิงโตและหมูป่าจึงตัดสินใจว่า การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันย่อมดีกว่าการกลายเป็นเหยื่อของสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจเช่นนั้น
การละทิ้งความขัดแย้งและข้อพิพาทที่รุนแรงเป็นสิ่งที่ดี เพราะความขัดแย้งเหล่านี้อาจนำพาชีวิตของทุกคนไปสู่ความเสี่ยงและอันตรายได้
นิทานเรื่องนี้ไม่ค่อยปรากฏในคอลเลกชันนิทานหลัก แต่ได้รับความนิยมในยุคเรเนซองส์เมื่อ อันเดรีย อัลซิอาโต (Andrea Alciato) นำไปใส่ไว้ใน Emblems ภายใต้หัวข้อ “ความสูญเสียของคนหนึ่งคือกำไรของอีกคนหนึ่ง” (ex damno alterius, alterius utilitas) บทกลอนภาษาละตินสี่บรรทัดที่มาพร้อมภาพประกอบไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุของความขัดแย้ง แต่สรุปว่าความรุ่งโรจน์ของผู้ชนะจะตกเป็นของผู้ที่ได้ของรางวัลไปในที่สุด