ปกนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี

นิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแย่งชิง บางครั้งเรามักเข้าใจผิดว่า “พลัง” คือการได้ครอบครอง และ “ชัยชนะ” คือการเอาชนะผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว ศัตรูที่ร้ายที่สุดอาจอยู่ไม่ไกลไปกว่าหัวใจของเราเอง

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงชายผู้ละทางโลก กับกษัตริย์ผู้มีอำนาจ เมื่อเส้นทางของทั้งสองมาบรรจบกัน ความจริงบางอย่างได้ถูกเปิดเผย… ความจริงที่ไม่ใช่เพียงคำสอน แต่เป็นบททดสอบของจิตใจ กับนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายผู้หนึ่งละทางโลก ทั้งที่เกิดในตระกูลมั่งคั่ง ได้รับการศึกษาดี และมีโอกาสจะมีชีวิตที่เพียบพร้อม แต่เขากลับเห็นว่าทรัพย์สิน ชื่อเสียง และความสุขทางโลกเป็นของไม่จีรัง เขาเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่คนทั่วไปใฝ่หา

คืนหนึ่ง ขณะดวงจันทร์ส่องแสงลงมากลางลานกว้าง เขานั่งสงบเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใจของเขามั่นแล้วว่า โลกนี้ไม่ใช่ที่พักพิงของจิตใจ เขาจึงละทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง และหันหน้าเข้าสู่ป่า เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น

หญิงผู้เป็นภรรยา เมื่อรู้ความตั้งใจของเขา กลับไม่เสียใจ เธอยินดีจะละวางชีวิตทางโลกเช่นกัน

“หากทางข้างหน้านั้นจะสงบ ไม่ว่ายากเท่าใด ข้าก็จะก้าวไปด้วย”

ทั้งสองจึงออกเดินทางสู่ป่าลึก ใช้ชีวิตเรียบง่ายในกระท่อมเล็ก ๆ ข้างลำธาร ดื่มน้ำจากแหล่งธรรมชาติ หาอาหารจากผลไม้ ใบไม้ และฝึกใจให้สงบ พวกเขาใช้วันเวลาเงียบงันในการเพาะเมล็ดแห่งเมตตาและสติให้เติบโตในใจของตน

วันหนึ่ง มีขบวนเสด็จของพระราชาผ่านมาทางป่า เมื่อมาถึงบริเวณกระท่อมที่ชายและหญิงคู่นั้นอาศัยอยู่ พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงผู้เป็นภรรยา ใบหน้าของนางสงบ ดวงตาสะอาดสะอ้าน และท่าทีเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างลึกซึ้ง

พระราชาเกิดความปรารถนาในใจอย่างแรงกล้า พระองค์ไม่เข้าใจว่าหญิงผู้เปี่ยมด้วยสง่าราศีเช่นนี้ เหตุใดจึงยอมอยู่ในป่ากับฤๅษี

“หากนางอยู่กับเราในวัง จะงดงามเพียงใด” พระองค์คิดในใจ

ด้วยความอยากได้ พระราชาจึงวางแผนจะพานางกลับไปยังราชฐาน แต่เพื่อความแน่ใจ พระองค์จึงเข้าไปถามฤๅษีผู้นั้นก่อน “หากภรรยาของท่านถูกสัตว์ร้ายหรือโจรทำร้าย ท่านจะทำเช่นไร?”

ฤๅษีผู้นั้นยังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าสงบและไม่แสดงอารมณ์ใด เขาตอบเพียงว่า “ข้าจะไม่ปล่อยเขา”

พระราชาได้ฟังดังนั้น ก็นึกเยาะเย้ยในใจ คิดว่าฤๅษีผู้นี้ไร้เรี่ยวแรงและไม่มีพลังใดจะขัดขวางตนได้ จึงเดินเข้าไปกระชากแขนหญิงนั้นอย่างรวดเร็ว และพยายามพานางขึ้นรถเสลี่ยง โดยไม่แม้แต่จะมองกลับมาหาฤๅษีผู้นั้นอีก

หญิงนั้นไม่ดิ้นรน ไม่ร้องไห้ แต่กลับหันไปมองสามีของตนด้วยแววตาสงบ… และเงียบ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี 2

เมื่อพระราชากระชากแขนหญิงนั้นเพื่อพาขึ้นรถเสลี่ยง ชายผู้เป็นฤๅษียังคงนั่งนิ่งใต้ต้นไม้ ท่ามกลางแสงแดดยามสาย ใบหน้าเขาสงบ ไม่แสดงความหวั่นไหวใด ๆ

กระนั้น คำพูดก่อนหน้าก็ยังค้างอยู่ในใจของพระราชา

“ข้าจะไม่ปล่อยเขา…”

เสียงนั้นดังกลับมาในความคิดของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดพระราชาก็หยุดก้าวเท้า หันกลับไปถามอย่างหงุดหงิดปนสงสัย

“เมื่อครู่ เจ้าพูดว่าจะไม่ปล่อย ‘เขา’… เจ้าหมายถึงใคร?”

ฤๅษีผู้นั้นเปิดตาขึ้นช้า ๆ สายตานิ่งและมั่นคง “เขา… ที่ข้าพูดถึง คือความโกรธ”

พระราชาชะงัก ราวกับถูกกระแทกด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น

“เมื่อใดที่ความโกรธเข้าสู่ใจ มันจะเผาผลาญสติ ทำให้ผู้มีอำนาจกลายเป็นผู้โง่เขลา ทำให้ผู้มีบุญกลายเป็นผู้ขาดเมตตา”

เสียงของฤๅษีไม่ดัง แต่แฝงด้วยพลังที่หยั่งลึกถึงใจ

ความเงียบปกคลุมทั้งบริเวณ ไม่มีเสียงจากนก ไม่มีเสียงลม เหมือนธรรมชาติเองก็กำลังฟังคำตอบของพระราชา

พระราชายืนอยู่นิ่ง ๆ มือที่จับแขนหญิงนั้นเริ่มสั่น ความรู้สึกผิดซึมซาบเข้ามาทีละน้อยเหมือนหมอกเช้า แล้วเขาก็คลายมือลงอย่างช้า ๆ

พระราชาก้าวกลับมาหาฤๅษีผู้นั้น และน้อมศีรษะลงต่ำ “ข้าหลงผิด… เพราะปล่อยให้ความอยากและความโกรธเข้าครอบงำ ขอท่านฤๅษีผู้สงบให้อภัย”

ฤาษีผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อย ไม่แสดงความยินดีหรือเยาะหยัน “ผู้ใดชนะศัตรูพันคนพันครั้ง ยังไม่ประเสริฐเท่าผู้ที่ชนะตนเองเพียงครั้งเดียว”

พระราชาฟังแล้วนิ่งอยู่นาน แววตาเปลี่ยนไปจากตอนที่มา ในใจของเขาเกิดช่องว่างใหม่ ช่องว่างที่ไม่เคยมีมาก่อน… ช่องว่างให้ความสำนึกและปัญญาได้เติบโต

พระองค์คืนหญิงนั้นให้ฤๅษีโดยไม่ลังเล และเสด็จกลับวังโดยไม่เหลียวหลัง

นับแต่นั้น พระราชาเปลี่ยนวิธีปกครอง หันมาใช้เมตตาและสติเป็นหลัก ส่วนชายและหญิงผู้เลือกทางธรรม ยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายในป่าใหญ่ สงบ เงียบ และไม่เคยปล่อยให้ ‘เขา’ ได้มีที่ยืนในใจอีกเลย

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความมั่นคงในใจตนเอง คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้เดินทางสายธรรม แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลง แม้ความยากลำบากจะถาโถม หรือแม้จะถูกล่อลวงด้วยความปรารถนาอันละเอียดอ่อน ผู้ที่มีใจแน่วแน่ย่อมไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเหล่านั้น

ฤๅษีผู้อดทน ไม่ได้เป็นผู้วิเศษเพราะมีอำนาจเหนือคนอื่น แต่เพราะเขารู้จักควบคุมตนเอง ไม่แสวงหาความยิ่งใหญ่จากภายนอก แต่กลับขอเพียงพรเพื่อรักษาความดีในจิตใจให้มั่นคงไปตลอดชีวิต การเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน และการทำดีโดยไม่ต้องการรางวัล คือคุณธรรมอันสูงส่งที่แม้แต่เทพเจ้าก็ยังต้องยอมรับ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องกษัตริย์กับฤๅษี (อังกฤษ: The King and the Ascetic) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ สะท้อนถึงการฝึกฝนตนเองด้วยสติและการเอาชนะอารมณ์ภายใน โดยเฉพาะความโกรธซึ่งเป็นกิเลสที่รุนแรงและทำลายทั้งผู้มีอำนาจและผู้มีปัญญาได้หากไม่ระวัง

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นในคราวที่มีภิกษุบางรูปเกิดความโกรธและไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองได้เมื่อถูกรบกวนขณะปฏิบัติธรรม จิตใจถูกครอบงำด้วยความไม่พอใจ จนกระทบต่อการดำรงธรรมและความสัมพันธ์ในหมู่คณะ

พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เมื่อยังเป็นฤๅษี ผู้เผชิญกับเหตุการณ์อันท้าทายต่อจิตใจอย่างยิ่ง เมื่อพระราชาผู้มีอำนาจคิดลักพาภรรยาของตนไป แต่ฤๅษีกลับสามารถระงับความโกรธไว้ได้ ไม่ปล่อยให้ความพยาบาทเข้าครอบงำ และยังสอนพระราชาด้วยเมตตาและปัญญา จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางใจในพระราชาอย่างลึกซึ้ง

ชาดกเรื่องนี้จึงสอนให้เห็นว่าการระงับโทสะไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือพลังของผู้รู้ ผู้ฝึกฝน และผู้เข้าใจธรรมอย่างแท้จริง เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการชนะศัตรูภายนอก เพราะเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นในใจตนเอง

คติธรรม: “ผู้ใดชนะคนทั้งแผ่นดิน ยังไม่ประเสริฐเท่าผู้ที่ชนะโทสะในใจตนได้เพียงครั้งเดียว”


by