ความรักเมื่อขาดสติ อาจเปลี่ยนเป็นพันธนาการที่ทำร้ายคนที่เรารักที่สุดโดยไม่รู้ตัว แต่ในเงาของอำนาจและความกลัว ยังมีพื้นที่เล็ก ๆ ให้ความเมตตาได้งอกงาม
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงการตัดสินใจของผู้หนึ่งซึ่งเลือกไม่เชื่อฟังคำสั่งที่ไร้เมตตา และด้วยการไม่ทำในสิ่งที่ผิด ชีวิตหนึ่งจึงได้อยู่รอด เพื่อสอนโลกถึงพลังของความกรุณา กับนิทานชาดกเรื่องการกระทำที่เปี่ยมด้วยความเมตตา

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องการกระทำที่เปี่ยมด้วยความเมตตา
ในอดีตกาล มีกษัตริย์องค์หนึ่งผู้หลงรักพระมเหสีของตนอย่างลึกซึ้ง ความรักของพระองค์นั้นมากเสียจนแปรเปลี่ยนเป็นความหวงแหน จนไม่อยากให้ผู้ใดเข้าใกล้แม้แต่น้อย
เมื่อกาลผ่านไป พระมเหสีทรงมีโอรสรูปงามเกิดขึ้น เด็กชายมีหน้าตาเปล่งประกายดั่งเทพจากฟากฟ้า พระมเหสีทรงรักลูกเป็นอย่างยิ่ง และใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลโอรสไม่ห่าง
กษัตริย์เริ่มสังเกตว่าความสนใจของพระนางเปลี่ยนไป พระองค์เฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เสด็จเข้าไปหา แต่พระมเหสีมัวแต่เล่นกับลูก ไม่แม้แต่จะหันมามอง
หัวใจของพระองค์รู้สึกแปลบขึ้นทันที “หากปล่อยไว้อย่างนี้ นางจะลืมข้าในที่สุด”
พระองค์ครุ่นคิด พลางบีบมือแน่น “ข้าจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
กษัตริย์มิได้กล่าวอะไรออกมาในวันนั้น แต่ในใจกลับถูกครอบงำด้วยความริษยาอย่างรุนแรง พระองค์เรียกเพชฌฆาตเข้ามาเงียบ ๆ แล้วกระซิบคำสั่งที่ทำให้ชายผู้นั้นหน้าถอดสี
“พาลูกของข้าไป… แล้วจงจบชีวิตเขาซะ” เสียงของพระองค์เย็นชา แต่ชัดเจน
เมื่อพระมเหสีทราบเรื่องก็ทรงร่ำไห้ ทูลขอชีวิตลูกด้วยเสียงสะอื้น “เขาคือลูกของท่าน ท่านจะใจร้ายกับเลือดเนื้อของตนเองได้อย่างไร ขอได้โปรด…” แต่คำวิงวอนมิอาจเข้าถึงใจของกษัตริย์ที่เต็มไปด้วยความหลงผิด
เพชฌฆาตจำต้องรับคำสั่ง เขาอุ้มเด็กออกจากวังโดยไม่มีใครตามมา เขาเดินลึกเข้าไปในป่า ลึกพอที่จะไม่มีใครพบเห็น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยที่กำลังหลับสนิทบนแขน ความไร้เดียงสานั้นก็สะเทือนใจเกินกว่าจะสังหารได้
เขาจึงตัดสินใจพาเด็กไปฝากไว้ยังสำนักฤาษี ณ ป่าลึก แล้วเดินจากมาโดยไม่หันกลับไป

เพชฌฆาตกลับเข้าสู่เมืองโดยไร้ร่องรอยของทารก เขาไม่กล่าวสิ่งใดต่อกษัตริย์นอกจากพยักหน้าช้า ๆ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่ง
ไม่กี่วันต่อมา เขากลับไปที่วังอีกครั้ง แสร้งพูดเบา ๆ ว่า “มีบางสิ่งที่พระมเหสีควรเห็นก่อนจากเมือง” กษัตริย์ลังเลเล็กน้อย แต่อนุญาตให้พระนางตามเขาไป
เมื่อถึงสำนักฤาษี พระมเหสีทอดพระเนตรเห็นลูกชายของตนยังมีชีวิตอยู่และยืนอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ ทรงร้องไห้ออกมาโดยไม่สามารถกล่าวอะไรได้เลย
เพชฌฆาตมิได้อธิบาย เขาเพียงกล่าวว่า “แม้ผู้มีหน้าที่ลงมือ ก็ยังอาจเปลี่ยนใจได้ เมื่อรู้ว่าชีวิตหนึ่งไม่มีความผิดใด”
พระมเหสีไม่เสด็จกลับพระราชวังอีกต่อไป พระนางเลือกที่จะอยู่ในสำนักฤาษี ทรงละชีวิตหรูหรา เพื่ออยู่กับโอรสท่ามกลางธรรมชาติและสันโดษ
ข่าวนี้ถึงหูกษัตริย์ในไม่ช้า พระองค์ไม่ได้ตรัสสิ่งใดออกมา เพียงนั่งเงียบอยู่บนบัลลังก์ ยาวนานกว่าที่ใครเคยเห็น น้ำตาไม่ไหลออกมา หากแต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
ท่ามกลางป่าลึก แม่ลูกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แม้ปราศจากอำนาจและความยิ่งใหญ่ แต่กลับอบอวลด้วยสิ่งที่วังไม่อาจให้ได้ ความสงบ ความรัก และการให้อภัย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความรักที่ไร้ความเข้าใจ ย่อมนำไปสู่การครอบครองและทำลาย แต่ความเมตตาและการให้อภัย แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจเปลี่ยนปลายทางของโทสะให้กลายเป็นสันติได้
เมื่อคนหนึ่งเลือกไม่ฆ่า แม้ได้รับคำสั่งให้ฆ่า ชีวิตของผู้บริสุทธิ์จึงยังอยู่ และผู้เป็นแม่ก็ได้กลับมาพบกับสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของตนเอง โดยไม่ต้องผ่านการแก้แค้นหรือความเกลียดชังใด ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องการกระทำที่เปี่ยมด้วยความเมตตา (อังกฤษ: The Kind Deed) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ เน้นแสดงให้เห็นถึงความเมตตา ความเสียสละ และการยืนหยัดในความดี แม้จะอยู่ท่ามกลางอำนาจ ความกลัว หรือคำสั่งที่ขัดต่อจิตสำนึก
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ ว่าควรทำอย่างไรหากสิ่งนั้นขัดต่อศีลธรรมและความเมตตาในใจ
พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เอง เมื่อครั้งเกิดเป็นผู้ใกล้ชิดกษัตริย์ และถูกสั่งให้ลงมือฆ่าเด็กผู้บริสุทธิ์ ทว่าด้วยจิตอันอ่อนโยนและความกล้ายึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์จึงเลือกจะไม่ทำลายชีวิต และพาเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยแทน
ชาดกเรื่องนี้จึงชี้ให้เห็นว่า ในบางครั้ง “การไม่ทำ” อาจเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้มีธรรมในใจ
คติธรรม: “ความเมตตาแม้เพียงครั้งเดียว อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตของผู้อื่น และปลดปล่อยหัวใจของตนจากพันธนาการแห่งความกลัวและอำนาจ”