การช่วยเหลือใครสักคน ไม่ได้แปลว่าผู้นั้นจะจดจำหรือสำนึกในบุญคุณเสมอไป แต่ผู้ที่มีธรรมอยู่ในใจ มักไม่ปล่อยให้การทรยศกลายเป็นเหตุให้ตนละทิ้งความดี
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงวานรผู้ช่วยมนุษย์จากความตาย แต่กลับถูกคิดร้ายตอบแทน ทว่าสิ่งที่วานรเลือกจะทำหลังจากนั้น คือสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังถูกเล่าต่อมาจนถึงวันนี้ กับนิทานชาดกเรื่องวานรผู้มีเมตตา

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องวานรผู้มีเมตตา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกแห่งหนึ่ง มีวานรตัวหนึ่งอาศัยอยู่อย่างสงบสุข มันไม่ได้เพียงแข็งแรงและฉลาด แต่ยังมีจิตใจเปี่ยมเมตตา ชอบช่วยเหลือสัตว์อื่นที่เดือดร้อน และไม่เคยรังแกใคร
วันหนึ่ง ชายผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่งพลัดหลงเข้าไปในป่า เขาตามหาเส้นทางกลับหมู่บ้านอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเผลอก้าวพลาดตกลงไปในหลุมลึก เขาร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงที่สิ้นหวัง
วานรผู้มีเมตตาได้ยินเสียงนั้นจึงรีบปีนต้นไม้แล้วกระโจนลงมา มันไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบคว้ากิ่งไม้ยื่นลงไปให้ชายคนนั้นจับ แล้วใช้แรงทั้งหมดฉุดรั้งขึ้นจากหลุม
เมื่อชายผู้เลี้ยงแกะขึ้นจากหลุมได้แล้ว เขาหันไปมองวานรที่ช่วยชีวิตตนเอง มันนอนหอบอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเซียวจากความเหน็ดเหนื่อย
ชายคนนั้นเหลือบมองผิววานรและเกิดความคิดชั่ววูบ “หนังของมันดูดีนัก ข้าจะฆ่ามันแล้วเอาหนังไปขาย ย่อมได้ราคาดีแน่” เขามองซ้ายขวา แล้วค่อย ๆ หยิบก้อนหินใหญ่ขึ้นมาถือไว้ในมือ
เขาก้าวเข้าหาวานรเงียบ ๆ แล้วยกก้อนหินขึ้นเหนือหัว เตรียมจะทุ่มใส่ศีรษะของมัน
แต่ก้อนหินกลับพลาดหล่นลงข้างตัว วานรตกใจลืมตาขึ้น มันเห็นภาพทั้งหมดตรงหน้า รู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

วานรไม่ลุกขึ้นหนี ไม่กรีดร้อง ไม่แม้แต่จะสบถ มันเพียงลุกขึ้นช้า ๆ มองชายตรงหน้าแล้วกล่าวด้วยเสียงเรียบและสงบว่า “ข้าเหนื่อยเพราะช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกฆ่าข้า”
มันไม่ได้พูดต่อทันที ดวงตายังคงจ้องชายผู้นั้นโดยไม่แสดงความโกรธ มีเพียงความเสียใจในแววตา “เจ้าต้องการหนังของข้า แลกกับชีวิตที่ข้าช่วยไว้ นี่หรือคือการตอบแทนของมนุษย์?”
ชายผู้เลี้ยงแกะยืนนิ่ง ก้อนหินร่วงจากมือ ใบหน้าซีดเผือด เขาเริ่มสั่นเล็กน้อย และเมื่อสบตากับวานรอีกครั้ง ก็หลุบตามองพื้นอย่างคนไร้ข้อแก้ตัว
“ข้าขอโทษ” เขาพูดในที่สุด เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ข้าโลภ… และข้าก็ผิด”
วานรพยักหน้าเบา ๆ มันหันหลังแล้วเดินไปช้า ๆ ก่อนจะหยุดแล้วกล่าว “เจ้าไม่สมควรตายเพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว หากเจ้ายังรู้จักสำนึก ข้าจะยังพาเจ้ากลับบ้านของเจ้า”
ชายผู้เลี้ยงแกะเงยหน้าขึ้นอย่างไม่คาดคิด เขาไม่กล้าพูดอะไรนอกจากพนมมือไว้แนบอก แล้วเดินตามวานรไปเงียบ ๆ
ตลอดทาง ไม่มีคำพูด ไม่มีคำขอบคุณ มีเพียงความเงียบระหว่างสัตว์ผู้มีเมตตากับมนุษย์ผู้เคยหันหลังให้ความดี
วานรพาเขาออกจากป่า ส่งถึงขอบหมู่บ้าน แล้วหายลับเข้าไปในเงาไม้ ไม่ทวงบุญคุณ ไม่เรียกร้องสิ่งใด

ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องวานรผู้มีเมตตา (อังกฤษ: The Kind Ape) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งมักสะท้อนคุณธรรมขั้นสูงผ่านสัญชาตญาณแห่งความเมตตาและความเสียสละ โดยไม่ยึดถืออัตตา
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อภิกษุรูปหนึ่งถูกกล่าวหาว่าตอบแทนบุญคุณด้วยการหลอกลวง พระองค์จึงตรัสเล่าเรื่องวานรในอดีต ที่แม้จะถูกมนุษย์คิดทรยศ ทั้งที่ตนเพิ่งช่วยชีวิตไว้ ก็ยังสามารถให้อภัยและนำทางเขากลับสู่ที่ปลอดภัย โดยไม่เอ่ยถึงบุญคุณแม้เพียงคำเดียว
ชาดกเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ความเมตตาที่แท้จริงไม่ขึ้นอยู่กับผู้รับ แต่ตั้งอยู่บนใจของผู้ให้ ผู้ที่มีธรรมอยู่ในใจ ย่อมรักษาความดีงามของตนไว้ได้เสมอ แม้ต้องเผชิญกับการทรยศหรืออกตัญญู
คติธรรม: “เมตตาที่แท้ ไม่หวังผลตอบแทน และไม่เปลี่ยนแปลงแม้ต้องถูกหักหลัง”