ในโลกที่ผู้คนต่างไขว่คว้าชื่อเสียง เกียรติยศ และความโดดเด่น หลายครั้งเรากลับลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ความสมบูรณ์มิได้อยู่ที่การโอ้อวดหรือแข่งขัน แต่ซ่อนอยู่ในความถ่อมตน ความสงบ และการไม่ยึดติด นี่คือหนทางที่เล่าจื๊อชี้ให้เห็นว่า การไม่ยกตนข่มผู้อื่น กลับทำให้คนผู้นั้นสูงส่งยิ่งกว่าใคร
มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ถ่ายทอดคำสอนนี้ไว้อย่างลึกซึ้ง ผ่านการเดินทางของเล่าจื๊อ ผู้ได้พบเจอผู้คนมากมาย และได้เรียนรู้จากชายผู้หนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่กลับทิ้งมรดกแห่งความงามและความเคารพไว้ตราบชั่วกาลนิรันดร์ กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความอิ่มเอิบจากความถ่อมตน

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความอิ่มเอิบจากความถ่อมตน
กาลหนึ่ง ณ ค่ำวันหนึ่ง ข้าเดินทางมาถึงเมืองเล็ก ๆ ริมหุบเขา สายลมหนาวพัดพาเสียงโต้เถียงและหัวเราะดังก้องไปทั่วลานกลางเมือง
ที่นั่นเต็มไปด้วยผู้คนกำลังแข่งขันโอ้อวดสิ่งที่ตนมี บ้างยกย่องตนเองว่ามีบรรพบุรุษเป็นขุนนาง บ้างคุยโตว่าได้สะสมทองคำและผ้าไหมมากมาย พ่อค้าเดินอวดสินค้าที่ตนขายได้ดี ขุนนางท้องถิ่นก็อวดว่าตนมีอำนาจเหนือผู้คน
ข้ายืนมองเหตุการณ์เหล่านี้โดยมิได้เอ่ยถ้อยคำใด ข้าเห็นสีหน้าแห่งความกระหายของพวกเขา แต่ขณะเดียวกันในมุมหนึ่งของลาน กลับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเงียบขรึม ไม่แต่งกายหรูหรา ไม่พูดแสดงตน แต่คนรอบข้างกลับเคารพนับถือ ก้มหัวให้เขาอย่างเงียบ ๆ ราวกับเป็นผู้นำที่ไม่ต้องประกาศตน
ในใจของข้าจึงเกิดความคิดว่า “ผู้ที่ยกตนสูง กลับกลายเป็นเล็กลง ผู้ที่ก้มต่ำ กลับสูงส่งโดยไม่ตั้งใจ”
รุ่งเช้าวันต่อมา ข้าเดินเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยผ่านไปมา กลิ่นไม้สดและเสียงแกะสลักเบา ๆ ดึงดูดให้ข้าแวะเข้าไป
ที่นั่น ข้าพบชายชราร่างผอมเกร็ง นั่งอยู่ท่ามกลางเศษไม้และเครื่องมือเก่า เขากำลังใช้มีดเล็ก ๆ แกะสลักรูปสัตว์จากท่อนไม้ธรรมดา ๆ เมื่อชิ้นงานเสร็จ มันกลับดูมีชีวิตชีวา ราวกับสัตว์นั้นกำลังจะก้าวออกมาจากแผ่นไม้
ข้าสังเกตว่า เขาทำงานอย่างเงียบงัน ไม่มีป้าย ไม่มีผู้คนมาชม ไม่มีเสียงปรบมือ ข้าอดไม่ได้จึงเอ่ยถามว่า
“ท่านมีฝีมือสูงส่งปานนี้ เหตุใดไม่แสดงผลงานให้ผู้คนรู้จักเล่า? หากท่านเผยแพร่ คงจะมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแผ่นดิน”
ชายชราหัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงหรือรางวัลใด ๆ งานของข้าเป็นเพียงการเดินตามลมหายใจและจังหวะของธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญที่สุดจะปรากฏเอง โดยไม่ต้องบังคับ”
ถ้อยคำนั้นทำให้หัวใจข้าสั่นสะเทือน ข้าพนมมือแล้วตอบเขาว่า “นี่คือวิถีของเต๋า ข้าเห็นแล้วว่า การถ่อมตนและความว่างเปล่าในความคิด คือความสมบูรณ์ที่แท้จริง”

หลายวันต่อมา ข้ายังคงพำนักอยู่ในเมืองชายขอบนั้น และได้กลับไปเยือนห้องทำงานเล็ก ๆ ของชายชราผู้นั้นบ่อยครั้ง
ครั้งหนึ่ง ข้าเห็นเขาสร้างโต๊ะไม้ธรรมดา แต่เมื่อเสร็จสิ้นกลับงดงามยิ่งนัก ไม่เพียงแข็งแรงมั่นคง หากยังมีความสง่างามที่แฝงความเรียบง่าย ราวกับธรรมชาติสร้างเอง ผู้คนที่บังเอิญผ่านมาเห็นต่างตะลึงงัน เสียงเล่าลือจึงเริ่มแผ่ขยายไปเรื่อย ๆ
ไม่นาน ข่าวฝีมือของเขาก็ล่วงไปถึงหูขุนนาง และท้ายที่สุดก็ดังไปถึงวังหลวง เมื่อฮ่องเต้ทรงสดับถึงความสามารถของช่างฝีมือผู้ถ่อมตน จึงรับสั่งให้นำผลงานไปถวาย
เมื่อผลงานไม้ชิ้นหนึ่งถูกนำเข้าสู่ท้องพระโรง ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอยู่นาน แล้วตรัสขึ้นว่า
“สิ่งนี้มิใช่เพียงโต๊ะไม้ แต่เป็นศิลปะที่สะท้อนวิถีแห่งฟ้าและดิน”
แต่เมื่อทรงสอบถามว่าใครคือผู้สร้าง ชายชรากลับมิได้มากราบทูลด้วยตนเอง เขายังคงนั่งอยู่ในเวิร์กช็อปเล็ก ๆ เช่นเดิม ไม่ปรารถนาจะเข้าใกล้อำนาจหรือเกียรติยศใด ๆ
เวลาผ่านไป ชายชรานั้นลาลับจากโลกไปอย่างสงบ ไม่มีงานพิธีใหญ่ ไม่มีเสียงประโคม เพียงแต่เหลือผลงานมากมายที่ยังอยู่ท่ามกลางผู้คน
ฮ่องเต้เมื่อทรงทราบข่าวการจากไป ทรงทอดพระเนตรผลงานที่เก็บรักษาไว้ แล้วมีพระราชโองการว่า
“แม้ชีวิตของเขาจะดับสูญ แต่คุณค่าของฝีมือจะคงอยู่ตราบนานเท่านาน ข้าขอแต่งตั้งเขาเป็นช่างฝีมือแห่งแผ่นดิน ผลงานของเขาจะถือเป็นศิลปะอันคู่ควรต่อฟ้าและดิน และสมควรเป็นแบบอย่างให้ชนรุ่นหลัง”
เมื่อข้าได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ข้าพนมมือแล้วพึมพำกับตนเองว่า “แท้จริงแล้ว ผู้ที่มิแสวงหากลับได้รับ ผู้ที่ถ่อมตนกลับยิ่งใหญ่ ผู้ที่ไม่โอ้อวดกลับกลายเป็นอมตะ”
ในความเงียบสงัดของค่ำคืน ข้ารู้ชัดว่า หลักคำสอนในบทนี้มิได้เป็นเพียงถ้อยคำ หากแต่มีชีวิตอยู่ในวิถีของช่างฝีมือผู้ถ่อมตน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความสมบูรณ์แท้จริงมิได้มาจากการโอ้อวด แข่งขัน หรือไขว่คว้า แต่เกิดจากความถ่อมตน ความเรียบง่าย และการปล่อยวาง เมื่อผู้คนลดความอยากและไม่แสวงหาเกียรติยศ สิ่งดีงามจะปรากฏขึ้นเองโดยธรรมชาติ นี่คือความอิ่มเอิบจากความถ่อมตนที่แท้จริง
เล่าจื๊อเห็นผู้คนต่างแข่งขันโอ้อวดเพื่อแสวงหาชื่อเสียง แต่กลับพบว่าผู้ที่เงียบถ่อมตนกลับได้รับความเคารพโดยไม่ตั้งใจ จนได้พบช่างฝีมือชราผู้สร้างงานศิลป์งดงามโดยไม่แสวงหาคำชม แม้เขาจากไปแล้ว ฮ่องเต้ยังแต่งตั้งให้เป็น ช่างฝีมือแห่งแผ่นดิน ผลงานของเขากลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าคู่แผ่นดิน แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ถ่อมตนและไม่ไขว่คว้า กลับเป็นผู้ที่ได้รับความสมบูรณ์ยิ่งใหญ่ที่สุด
อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสอดแทรกปรัชญาชีวิตแห่งวิถีเต๋าในรูปแบบนิทานอ่านง่าย ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องความอิ่มเอิบจากความถ่อมตน (อังกฤษ: The Increase Granted to Humility) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิง บทที่ 22 ซึ่งเล่าจื๊อกล่าวว่า “สิ่งที่บิดเบี้ยวย่อมกลับตรง สิ่งที่พร่องย่อมกลับเต็ม สิ่งที่ถ่อมตนย่อมกลับสมบูรณ์” เป็นถ้อยคำที่สอนว่า ความสมบูรณ์แท้จริงมิได้เกิดจากการยกตนหรือแสวงหา แต่เกิดจากการว่างและการถ่อมตน เมื่อใดที่มนุษย์ปล่อยวางตนเอง ไม่โอ้อวด ไม่แข่งขัน เมื่อนั้นความสมบูรณ์อันแท้จริงก็จะปรากฏขึ้นเองโดยไม่ต้องแสวงหา เล่าจื๊อได้บันทึกเอาไว้ว่า:
ความเจริญงอกงามเกิดจากความถ่อมตน
สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ก็กลายเป็นสมบูรณ์
สิ่งที่คดก็กลับตรง
สิ่งที่ว่างก็เต็ม
สิ่งที่สึกกร่อนไปก็ใหม่ขึ้น
ผู้ที่ปรารถนาน้อยจะได้สิ่งนั้น
ผู้ที่ปรารถนามากกลับหลงทางเพราะฉะนั้น ปราชญ์จึงยึดถือความถ่อมตนเป็นหนึ่งเดียว
และแสดงมันแก่โลกทั้งมวล
เขาไร้การอวดตัว จึงเปล่งประกาย
ไร้การยืนยันตน จึงโดดเด่น
ไร้การโอ้อวด จึงคุณงามความดีได้รับการยอมรับ
ไร้ความพอใจตนเอง จึงได้ความเหนือกว่าเพราะเขาปราศจากการแสวงหาแข่งขัน
จึงไม่มีใครในโลกสามารถแข่งขันกับเขาได้คำกล่าวของบรรพชนที่ว่า
“สิ่งที่ไม่สมบูรณ์กลายเป็นสมบูรณ์”
มิใช่คำพูดเปล่า
เพราะความสมบูรณ์แท้จริงทั้งปวงล้วนรวมอยู่ในนั้น
เล่าจื๊อได้ชี้ว่า ผู้ที่ลดความอยากและไม่แสวงหาชื่อเสียงย่อมมีคุณธรรมสูงสุด เปล่งประกายโดยไม่ต้องโอ้อวด โดดเด่นโดยไม่ต้องแข่งขัน และได้รับการยอมรับโดยธรรมชาติ เพราะเขาไม่ขัดขืนกับเต๋า หากผสานตนเข้ากับสรรพสิ่งราวกับสายน้ำที่ไหลไปสู่ที่ต่ำอย่างถ่อมตน และด้วยความถ่อมนี้เองจึงทำให้ไม่มีผู้ใดในโลกสามารถโต้แข้งหรือเอาชนะได้
นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนดังกล่าว ผ่านเรื่องราวของเล่าจื๊อผู้พบช่างฝีมือชราที่ทำงานอย่างเงียบงาม ไม่แสวงหาคำชม แม้จะจากโลกไปแล้ว ฮ่องเต้ยังแต่งตั้งให้เป็น ช่างฝีมือแห่งแผ่นดิน ผลงานของเขากลายเป็นศิลปะคู่แผ่นดิน เรื่องนี้จึงยืนยันแก่นแท้ของบทที่ 22 ว่าความสมบูรณ์อันยิ่งใหญ่มาจากความถ่อมตน มิใช่การยกตน
คติธรรม: “ผู้ที่ใจว่างและถ่อมตน คือผู้ที่เต็มเปี่ยมและสมบูรณ์ที่สุด”