นิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ

ปกนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ

ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอิสระ ม้าตัวหนึ่งใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มันภูมิใจในเสรีภาพที่ไม่มีใครมาบังคับหรือควบคุม แต่วันหนึ่ง การเผชิญหน้ากับกวางที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของมัน กลับทำให้ม้าต้องตัดสินใจทำบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของมันไปตลอดกาล

เรื่องราวนี้จะเผยถึงผลลัพธ์ของการเลือกที่ขาดความรอบคอบ และบทเรียนที่ไม่มีวันลืมเกี่ยวกับคุณค่าของอิสระ กับนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีม้าตัวหนึ่งอาศัยอยู่อย่างอิสระ มันใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กินหญ้า วิ่งเล่น และพักผ่อนตามใจชอบ ชีวิตของมันไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางเสรีภาพ และมันภาคภูมิใจในชีวิตที่เป็นของตัวเอง

วันหนึ่ง กวางตัวหนึ่งเดินเข้ามาในทุ่งหญ้าเดียวกัน มันดูสง่างามและมั่นใจ กวางเริ่มกินหญ้าด้วยท่าทีเหมือนเป็นเจ้าของพื้นที่นั้น ม้ามองกวางด้วยความไม่พอใจ “นี่เป็นทุ่งหญ้าของข้า เจ้ากวาง! เจ้ากำลังก้าวก่ายสิทธิ์ของข้า” ม้ากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

กวางไม่ได้ตอบอะไร มันยังคงกินหญ้าต่อไปอย่างไม่สนใจ ม้าพยายามวิ่งเข้าไปขับไล่ แต่มันไม่สามารถวิ่งเร็วพอที่จะไล่กวางออกไปได้ ม้ารู้สึกโกรธและอับอาย “ข้าต้องหาทางกำจัดกวางตัวนี้ให้ได้!” ม้าพูดกับตัวเอง

ในที่สุด ม้าก็คิดได้ว่ามันต้องการความช่วยเหลือ มันจึงไปหามนุษย์ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ มนุษย์ผู้นั้นเป็นนักล่าที่เชี่ยวชาญ ม้ากล่าวว่า “มนุษย์ ข้าขอร้องให้เจ้าช่วยขับไล่กวางที่บุกรุกทุ่งหญ้าของข้า หากเจ้าช่วยข้า ข้าจะยอมทำอะไรก็ได้”

มนุษย์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา “ข้าช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าต้องยอมให้ข้าขึ้นขี่หลัง และใส่บังเหียนเพื่อควบคุมเจ้า เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?” มนุษย์ถาม

ม้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันไม่เคยให้ใครมาควบคุมหรือขึ้นขี่บนหลังมาก่อน แต่มันคิดว่าการกำจัดกวางเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า “ตกลง ข้ายอมให้เจ้าทำตามที่เจ้าต้องการ” ม้าตอบ

มนุษย์นำบังเหียนมาสวมบนหัวของม้าและขึ้นขี่หลังมัน จากนั้นมนุษย์ก็ถือธนูไว้ในมือและออกเดินทางไปยังทุ่งหญ้าพร้อมกับม้า เมื่อไปถึง มนุษย์ใช้ธนูยิงไปทางกวางจนมันตกใจและวิ่งหนีไป ม้ารู้สึกพอใจและโล่งใจที่กวางหายไปจากทุ่งหญ้าของมันในที่สุด

“ตอนนี้ข้าจะได้กลับไปใช้ชีวิตอิสระของข้าแล้ว” ม้าคิด

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ 2

แต่ทันทีที่มันพยายามสลัดบังเหียน มนุษย์กลับยึดไว้แน่น “เจ้าจะไปไหน?” มนุษย์ถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ตอนนี้เจ้ามีประโยชน์สำหรับข้า ข้าจะใช้เจ้าเพื่อขนของและเดินทางจากนี้ไป”

ม้ารู้สึกตกใจและเสียใจ “แต่เราตกลงกันเพียงให้ข้าช่วยขับไล่กวางเท่านั้น! ข้าคิดว่าข้าจะได้กลับไปใช้ชีวิตของข้า” ม้าร้องออกมา

มนุษย์หัวเราะ “เจ้าเลือกที่จะให้ข้าควบคุมเอง เจ้าไม่มีสิทธิ์จะบอกปัดอีกแล้ว เจ้าคือทรัพย์สินของข้า!”

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ม้าต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ มันสูญเสียอิสระที่เคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถวิ่งเล่นหรือพักผ่อนตามใจชอบได้อีกต่อไป ทุกวัน ม้าต้องแบกสัมภาระหนักและทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย

วันหนึ่งขณะม้ายืนพักอยู่ริมทาง มันมองไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มันเคยเป็นเจ้าของ “ข้าทำอะไรลงไป…” ม้าพูดกับตัวเองด้วยเสียงเศร้าสร้อย “ข้าสูญเสียทุกสิ่งเพียงเพราะความโกรธและความดื้อรั้นในวันนั้น”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การตัดสินใจพึ่งพาผู้อื่นโดยไม่คิดให้รอบคอบ อาจทำให้เราต้องสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต ความปรารถนาที่จะเอาชนะหรือแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายในระยะยาว เราควรใช้ปัญญาและความรอบคอบก่อนที่จะยอมสละสิ่งที่มีค่า เพื่อแลกกับสิ่งที่อาจไม่คุ้มค่าในที่สุด

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องม้าผู้สูญเสียอิสรภาพ (อังกฤษ: The Horse that Lost its Liberty) โดยม้าต้องของต้องการแก้ไขความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ มีอยู่สองเวอร์ชัน โดยกล่าวถึงกวางหรือหมูป่าเป็นคู่กรณี ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 269 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) ในบริบททางการเมือง นิทานนี้เตือนถึงการแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ส่วนในบริบทเศรษฐกิจ นิทานสอนว่าความเป็นอิสระมีค่ามากกว่าความมั่งคั่งที่ต้องแลกด้วยการสูญเสียเสรีภาพ

เนื้อเรื่องเล่าว่า ม้าตัวหนึ่งทะเลาะกับกวางเรื่องการครอบครองทุ่งหญ้า แต่ม้าไม่สามารถขับไล่กวางออกไปได้ด้วยกำลัง จึงขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ มนุษย์จึงใส่บังเหียนให้ม้าและขี่หลังของมัน แต่เมื่อเห็นว่าม้าเป็นประโยชน์เพียงใด มนุษย์จึงปฏิเสธที่จะถอดบังเหียนออกในภายหลัง

นิทานนี้ถูกใช้เป็นตัวอย่างในงานเขียนเกี่ยวกับวาทศิลป์ของอริสโตเติล (Aristotle) โดยระบุว่ากวีสเตสิคอรัส (Stesichorus) เป็นผู้เล่าเรื่องนี้ อีกทั้งกวีโรมันโฮเรซ (Horace) ยังเล่านิทานนี้เพื่อขยายความสำคัญ โดยใช้เป็นตัวอย่างที่เตือนให้พึงพอใจกับสิ่งเล็กน้อย แทนที่จะสูญเสียเสรีภาพส่วนตัวเพื่อแสวงหาสิ่งที่มากกว่า

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com