ปกนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย

นิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย

ความดีบางอย่างไม่อาจชั่งด้วยน้ำหนัก หรือวัดด้วยสายตา เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อาจอยู่ในหัวใจของผู้ที่ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความตั้งใจแท้

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงกระต่ายตัวเล็กที่ไม่มีอาหารหรือทรัพย์สินใดจะมอบให้แก่ผู้ยากไร้ แต่กลับเลือกเสียสละตนเองด้วยใจบริสุทธิ์ จนกลายเป็นเงาที่โลกไม่เคยลืมบนผืนจันทร์ในค่ำคืนเพ็ญ กับนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าแห่งหนึ่งที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และสายน้ำใสไหลเอื่อย มีสัตว์สี่ตัวอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ได้แก่ ลิง นาก หมาใน และกระต่าย พวกมันเป็นเพื่อนกันมานาน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แบ่งปันผลไม้และอาหารซึ่งกันและกันเสมอ

วันหนึ่ง กระต่ายน้อยนั่งเงียบ ๆ อยู่ใต้ต้นไทร มองดวงจันทร์ที่ยังคงสลัวในยามรุ่งเช้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เพื่อน ๆ เรามีชีวิตที่สงบสุข ได้กิน ได้อยู่ ไม่เดือดร้อน ข้าคิดว่าเราควรทำความดีตอบแทนโลกนี้บ้าง”

ลิงกระโดดลงมานั่งข้าง ๆ แล้วถามอย่างสนใจ “เจ้าหมายถึงอะไรล่ะ?”

“เราควรทำทาน ให้สิ่งที่เรามีแก่ผู้ที่ต้องการ หากเราทำด้วยใจบริสุทธิ์ พรย่อมตามมาเอง” กระต่ายตอบด้วยแววตามุ่งมั่น

สัตว์ทั้งสามต่างพยักหน้าเห็นด้วย “จริงของเจ้า เราจะแบ่งอาหารที่หาได้ให้แก่ผู้ผ่านทาง ไม่ว่าเขาเป็นใคร” พวกมันต่างแยกย้ายกันไปหาอาหารด้วยจิตใจเบิกบาน

ลิงปีนต้นไม้หาผลไม้อย่างคล่องแคล่ว นากมุดเข้าลำธารจับปลา และหมาในวิ่งหาของตกค้างจากหมู่บ้านใกล้ป่า พวกมันรวบรวมอาหารใส่กองไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยความภาคภูมิใจ

ขณะที่เพื่อน ๆ กลับมาพร้อมสิ่งของมากมาย กระต่ายยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรอยู่ข้างกาย ลิงเอียงคอถาม “เจ้าไม่ออกไปหาอาหารหรือ?”

กระต่ายยิ้มบาง ๆ แล้วตอบเบา ๆ “ข้าออกไปแล้ว แต่ข้าไม่มีมือที่จะจับปลา ไม่มีเขี้ยวจะล่า ไม่มีปีนไม้สูง ๆ ได้ สิ่งเดียวที่ข้ามี คือร่างกายนี้ ที่ยังหายใจ”

เพื่อน ๆ เงียบลงเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ต่างมองกระต่ายอย่างเข้าใจ มันไม่ใช่เพราะไม่พยายาม แต่เพราะธรรมชาติของกระต่ายไม่เอื้อต่อการหาอาหารเช่นสัตว์อื่น ๆ

“ถ้ามีใครมาขอ ข้ายินดีจะมอบตนเองเป็นอาหาร หากนั่นคือหนทางของการให้ที่แท้จริง” กระต่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่น

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย 2

เมื่อกระต่ายเปล่งถ้อยคำนั้นออกไป แสงอาทิตย์ก็เริ่มส่องผ่านยอดไม้ ราวกับสวรรค์กำลังฟังอยู่ ณ ที่นั้นเอง เทพเจ้าบนชั้นฟ้าได้ยินถ้อยคำบริสุทธิ์ของสัตว์ตัวเล็ก ๆ จึงปรารถนาจะทดสอบความตั้งใจจริงของมัน

เทพเจ้าจำแลงกายลงมาในร่างของฤๅษีผู้ชรา มือถือไม้เท้าและเดินเข้ามาอย่างอ่อนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น และเสื้อผ้าก็เก่าโทรม เขาหยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วเปล่งเสียงเบา ๆ “ข้าเดินทางมาไกลนัก เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ไม่มีอาหารใดตกถึงท้องมาเป็นวัน ๆ”

สัตว์ทั้งสามรีบวิ่งนำสิ่งของของตนมาเสนอ ลิงยื่นผลไม้ นากวางปลาสด และหมาในก็วางซากสัตว์ไว้ตรงหน้า แต่ฤๅษีกลับหันไปหากระต่าย แล้วถามด้วยเสียงที่อ่อนแรง “แล้วเจ้ามีอะไรให้ข้าบ้างหรือ?”

กระต่ายเงยหน้าขึ้นสบตาฤๅษิ ด้วยสายตาแน่วแน่ “ข้าไม่มีสิ่งใดให้ นอกจากร่างกายนี้ ถ้าท่านยินดี ข้ายินดีจะเป็นอาหารแก่ท่าน ด้วยใจบริสุทธิ์”

เมื่อพูดจบ กระต่ายจึงขุดหลุมตื้น ๆ ด้วยเท้าหน้า เก็บใบไม้แห้งมากองรวมกัน แล้วใช้กิ่งไม้เสียดให้เกิดไฟ มันไม่ลังเล ไม่หวาดหวั่นต่อเปลวเพลิงแม้แต่น้อย

มันเอ่ยเพียงเบา ๆ ว่า “จงรับข้าเถิด ด้วยความเมตตา และอย่าให้การให้ของข้าไร้ความหมาย” จากนั้นกระต่ายก็กระโดดเข้าสู่เปลวไฟด้วยใจมั่นคง

แต่เพลิงนั้น… กลับไม่อาจเผาไหม้ได้เลย เทพเจ้าผู้จำแลงกายเป็นฤๅษี ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วยื่นมือโอบกระต่ายออกจากกองไฟ

แสงเรืองรองเปล่งออกจากกายของเขา เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงอันเปี่ยมด้วยอำนาจ เทพเจ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เจ้ามีจิตใจที่สูงส่งยิ่งนัก การให้ของเจ้าไม่มีสิ่งใดเทียบเท่า”

กระต่ายยืนนิ่ง ไม่แสดงความภูมิใจหรือเรียกร้องสิ่งตอบแทน มันเพียงพยักหน้ารับฟังด้วยความสงบ เทพเจ้าจึงกล่าวต่อ “เพื่อให้โลกจดจำความดีของเจ้าไปตราบนานเท่านาน ข้าจะบันทึกเจ้าไว้บนท้องฟ้า”

เมื่อสิ้นคำกล่าว เทพเจ้าก็ยกมือขึ้น บันดาลแสงสว่างส่องสู่ฟากฟ้า และวาดเงาของกระต่ายไว้บนพื้นผิวของดวงจันทร์ เงานั้นปรากฏขึ้นเด่นชัด เป็นรูปกระต่ายหมอบอยู่กลางแสงจันทร์

สัตว์ทั้งสามมองฟ้าด้วยความตื้นตัน ขณะที่กระต่ายเพียงหลับตาลง แล้วกล่าวเบา ๆ “หากการให้ของข้าทำให้ผู้อื่นระลึกถึงความดี ความดีนั้นก็ยังไม่สูญเปล่า”

และนับแต่นั้น ทุกครั้งที่ผู้คนแหงนมองฟ้าในคืนพระจันทร์เต็มดวง พวกเขาจะเห็นกระต่ายผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่กลางแสงเย็นนั้น ราวกับจะเตือนใจว่า การเสียสละแม้เพียงเล็กน้อย หากมาจากใจจริง ย่อมสว่างไสวเหนือฟ้า

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้อยู่ที่สิ่งของมีค่า แต่อยู่ที่ใจที่พร้อมเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ความดีที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจ แม้ไม่มีผู้รับรู้ในขณะนั้น แต่ย่อมส่งผลสะเทือนกาลเวลา

กระต่ายตัวเล็กที่ไม่มีสิ่งใดในครอบครอง กลับเลือกจะมอบชีวิตของตนเองเป็นทาน แสดงให้เห็นว่าผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง ไม่ว่าสัตว์เล็กหรือคนใหญ่ ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาแห่งธรรม

อ่านต่อ: นิทานชาดกที่เต็มไปด้วยบทเรียนและข้อคิดจากอดีตชาติของพระพุทธเจ้า

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องการเสียสละของกระต่าย (อังกฤษ: The Hare’s Sacrifice) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเสียสละขั้นสูงสุดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นตัวอย่างของจิตใจที่บริสุทธิ์และความเมตตาอย่างแท้จริง

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุผู้หนึ่งกล่าวถึงการทำทานว่าควรทำเฉพาะเมื่อมีสิ่งของหรือทรัพย์มากพอเท่านั้น พระองค์จึงตรัสเล่าถึงกระต่ายตัวหนึ่งในอดีตชาติของพระองค์เอง ซึ่งแม้ไม่มีสิ่งใดจะให้แก่ผู้ขอ แต่ก็ยินดีจะสละชีวิตของตนเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น

ชาดกเรื่องนี้สอนให้เห็นว่า การให้ที่มาจากใจ ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ก็ย่อมเป็นทานอันประเสริฐ และผู้ที่ยึดมั่นในความเมตตาอย่างไม่หวั่นไหว ย่อมได้รับการยกย่องแม้ในโลกฟากฟ้า

คติธรรม: “การให้ด้วยใจบริสุทธิ์ แม้ไร้ทรัพย์ ย่อมสูงค่ากว่าการให้ใด ๆ ที่แลกด้วยเงื่อนไข”


by