ปกนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง

นิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง

ในโลกนี้ มีหลายสิ่งที่ล้ำค่าเกินกว่าจะตีราคาได้ บางครั้ง ความปรารถนาดีจากใจบริสุทธิ์ก็เป็นของขวัญที่ประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติใด ๆ แต่หากใจคนถูกความโลภบดบัง สิ่งล้ำค่าก็อาจสูญสลายไปอย่างน่าเสียดาย

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงการให้ด้วยความเมตตา และผลลัพธ์ของการไม่รู้จักพอ ซึ่งสอนให้เราตระหนักว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น เกิดจากการรู้จักพอใจในสิ่งที่มี และเคารพในน้ำใจของผู้อื่นอย่างแท้จริง กับนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ริมสระน้ำกลางป่าอันเงียบสงบ มีห่านตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันมิใช่ห่านธรรมดา หากแต่เป็นห่านผู้มีขนทองอร่ามระยิบระยับงดงามยิ่งนัก

ขณะที่สายน้ำไหลเอื่อยและสายลมหอบกลิ่นดอกไม้บางเบามาแตะปลายปีก ห่านขนทองนั่งทอดสายตามองไปยังบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งซึ่งปลูกอยู่ไม่ไกลนัก

ในบ้านหลังนั้น มีหญิงชรายากจนกับบุตรสาวสองคนอาศัยอยู่ ห่านขนทองเห็นความลำบากของแม่ลูกก็เกิดความสงสารยิ่งนัก มันคิดในใจว่า “หากเรานำขนทองของเราไปให้พวกเขา พวกเขาคงมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้”

ด้วยใจเปี่ยมเมตตา ห่านขนทองจึงบินไปหาหญิงชรา แล้วกล่าวขึ้นอย่างนุ่มนวล “แม่หญิงเอ๋ย ข้าคือห่านผู้มีขนทอง ข้าประสงค์จะช่วยท่านกับลูก ๆ ด้วยการมอบขนทองให้ทีละเส้น”

หญิงชราน้ำตาซึมด้วยความปลาบปลื้ม น้อมรับความเมตตานั้นด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ห่านขนทองก็บินมาหาหญิงชราเป็นประจำทุกวัน และจะมอบขนทองเส้นหนึ่งในแต่ละครั้ง หญิงชรานำขนทองไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน แล้วนำมาใช้จ่ายซื้ออาหารและของจำเป็นเพื่อบุตรสาวทั้งสอง

ชีวิตของแม่ลูกเปลี่ยนจากความยากจนมาเป็นความอบอุ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกครั้งที่ห่านขนทองบินมามอบขนเส้นใหม่ แม่ลูกก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้มและความขอบคุณ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสบายที่ได้รับก็ค่อย ๆ ก่อเกิดความโลภในใจของหญิงชรา ความคิดชั่ววูบหนึ่งแวบขึ้นในหัวนางว่า “หากเราดึงขนทองออกทีเดียวทั้งหมด เราก็คงร่ำรวยในทันที ไม่ต้องรออีกต่อไป”

ความคิดนั้นเหมือนเงามืดที่เริ่มก่อตัวในใจโดยที่หญิงชราเองก็ไม่ทันรู้ตัว

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง 2

วันหนึ่ง ขณะที่ห่านขนทองบินมาเยือนเช่นทุกครา หญิงชรากลับมิได้ต้อนรับด้วยรอยยิ้มดังเดิม นางรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวห่านเอาไว้แน่น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเร่งเร้า “วันนี้ ข้าขอรับขนทองทั้งหมดในคราวเดียวเถิด”

ห่านขนทองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด หญิงชราก็เริ่มถอนขนทีละเส้น ๆ อย่างไร้เมตตา

ทว่า… ขณะที่ขนทองอันงามระยับหลุดออกจากตัวห่าน มันกลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพียงขนห่านธรรมดา สีหม่นหมอง ไร้แววประกายดั่งเดิม

หญิงชราตกตะลึงจนมือสั่น นางจ้องมองกองขนที่ไม่ต่างจากขนนกทั่วไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสับสนและเสียใจ

ห่านขนทอง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นห่านธรรมดาแล้ว ค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้น พลางเอ่ยด้วยเสียงเศร้า “ข้าปรารถนาจะช่วยท่านด้วยใจบริสุทธิ์ แต่ท่านกลับเลือกความโลภจนทำลายทุกสิ่งด้วยมือตนเอง”

ห่านขนทองสยายปีกอย่างเชื่องช้า ร่างกายอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ใจยังเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี มันบินจากไปอย่างสงบ ปล่อยให้หญิงชราและบุตรสาวทั้งสองยืนมองตามด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเสียใจ

หญิงชราทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม นางร่ำไห้พลางกล่าวขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าห่านผู้ใจดี โปรดยกโทษให้ข้าเถิด ข้าสำนึกผิดแล้ว…”

แต่เสียงสะท้อนแห่งความเสียใจไร้ผู้ตอบ ห่านขนทองลับหายไปในแสงทองของยามเช้า ทิ้งเพียงบทเรียนสำคัญไว้เบื้องหลัง

จากวันนั้น หญิงชราและบุตรสาวต่างหมั่นเตือนตนเองเสมอว่า ความโลภนำมาซึ่งความสูญเสีย และไม่มีสิ่งใดทดแทนความเมตตาที่แท้จริงได้

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความโลภเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญคุณงามความดีและพรอันประเสริฐที่ได้รับมาโดยไม่รู้ตัว ผู้ที่ไม่รู้จักพอ ย่อมทำลายสิ่งดีงามด้วยน้ำมือของตนเอง แต่ผู้ที่รู้จักประมาณตน ย่อมรักษาความสุขและความเจริญให้อยู่คู่ชีวิตได้อย่างยั่งยืน

ห่านขนทองมอบพรแห่งความอุดมสมบูรณ์ให้หญิงชราและลูกด้วยใจเปี่ยมเมตตา แต่ความโลภที่บังตาทำให้นางสูญเสียทั้งขนทองและโอกาสแห่งความสุขอันแท้จริง บทเรียนนี้จึงสอนเราว่า การรู้จักพอเพียงและเคารพในสิ่งที่ได้รับ คือหนทางสู่ความสุขที่ยั่งยืนและไม่สิ้นสุด

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องห่านขนทอง (อังกฤษ: The Goose with Golden Feathers) จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพื่อสั่งสมบารมีด้านเมตตา การเสียสละ และการรู้จักประมาณในชีวิต

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เพื่อสอนภิกษุและชาวเมืองที่ถูกครอบงำด้วยความโลภและความทะยานอยากโดยไม่รู้จักพอ ทรงชี้ให้เห็นว่า ความโลภไม่เพียงแต่ทำลายโอกาสแห่งความสุข แต่ยังทำให้สูญเสียสิ่งล้ำค่าที่มีอยู่แล้วโดยไม่อาจหวนคืน

ชาดกเรื่องนี้จึงสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การรู้จักพอ รู้จักประมาณ และการมีใจบริสุทธิ์ต่อสิ่งที่ได้รับ เป็นหนทางที่นำไปสู่ความสุขอันแท้จริงและยั่งยืนในชีวิต

“ผู้ที่รู้จักพอ ย่อมรักษาความสุขที่มีอยู่ได้ แต่ผู้ที่ปล่อยใจให้โลภ ย่อมสูญเสียแม้สิ่งที่ควรได้”


by