ในอาณาจักรที่ความมั่งคั่งประดับอยู่บนต้นไม้ และสัตว์ป่าสามารถเอ่ยคำเตือนด้วยปัญญา มีการเดินทางที่ยิ่งใหญ่เพื่อแสวงหาความงามที่หายากที่สุด
มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงน้องชายผู้ซื่อสัตย์ที่ได้รับพรจากสหายผู้ลึกลับ แต่เขากลับต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบความเชื่อฟังและความโลภถึงสามครั้ง ซึ่งนำพาเขาไปพบกับสมบัติวิเศษและการทรยศหักหลังก่อนที่ความจริงจะปรากฏ กับนิทานกริมม์เรื่องนกสีทอง

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องนกสีทอง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ แคว้นแห่งหนึ่ง ทุก ๆ ปี ต้นแอปเปิลทองคำของกษัตริย์จะถูกขโมยไปในตอนกลางคืน พระองค์เรียกบุตรชายของคนสวนในปราสาททั้งสามมาสั่งการ “ผู้ใดที่สามารถจับขโมยแอปเปิลได้ ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอันยิ่งใหญ่”
พี่ชายคนโตและคนที่สองเฝ้ายาม แต่ก็หลับไปตามคาด ถึงคิวของน้องชายคนสุดท้อง เขานั่งเฝ้าอย่างใจจดใจจ่อ และในเวลาเที่ยงคืน เขาก็เห็นนกสีทอง บินลงมาจิกผลแอปเปิล เขาพยายามยิงธนูใส่ นกนั้นหนีไปได้ แต่ทิ้งขนนกสีทอง ที่ส่องประกายไว้
น้องชายนำขนนกไปถวายกษัตริย์
“ขนนกนี้ล้ำค่ามาก! ถ้าขนนกเพียงเส้นเดียวมีค่าถึงเพียงนี้ ข้าต้องได้นกสีทองทั้งตัวมาครอบครองให้ได้! พวกเจ้าสามคน จงออกเดินทางไปตามหานกนั้นเดี๋ยวนี้!” กษัตริย์ตรัส
บุตรชายคนสวนทั้งสามจึงออกเดินทางตามหานกสีทอง
ระหว่างทาง พี่ชายคนโตได้พบกับสุนัขจิ้งจอกพูดได้ มันพูดเตือนว่า “ฟังข้าให้ดี เจ้าจงเลือกพักในโรงเตี๊ยมที่เก่าโทรมและอับเฉา อย่าได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่อยู่ทางขวามือเป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าจะล้มเหลวในภารกิจ”
พี่ชายทั้งพลันตอบ “เจ้าจิ้งจอกโง่! ข้าเป็นคนรวยแล้วทำไมต้องไปนอนในที่ซอมซ่อด้วย?”
พี่ชายคนโตทั้งสองเลือกพักในโรงเตี๊ยมหรูหรา และใช้ชีวิตสนุกสนานจนลืมเรื่องนกสีทองไป พี่ชายคนที่สองก็พบสุนัขจิ้งจอกและได้รับคำแนะนำเดียวกัน แต่เขาก็เลือกเส้นทางเดียวกันกับพี่ชาย จนล้มเลิกภารกิจ
น้องชายคนสุดท้องเดินทางต่ออย่างเดียวดาย เขาพบสุนัขจิ้งจอก และได้รับคำแนะนำแบบเดียวกัน แต่เขาเลือกที่จะเชื่อฟังและพักในโรงเตี๊ยมเก่าโทรม
สุนัขจิ้งจอกจึงปรากฏตัวอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำได้ดี! ทีนี้ฟังข้าให้ดี เมื่อเจ้าไปถึงปราสาทที่นกสีทองอยู่ เจ้าจะต้องเอานกในกรงไม้ธรรมดา ที่เก่า ๆ เท่านั้นห้ามใส่ในกรงทองคำ ที่วางอยู่ข้างกันโดยเด็ดขาด เพราะนั่นคือกับดักและสัญญาณเตือนภัย”
น้องชายคนสุดท้องมาถึงปราสาทของอีกแคว้น เห็นนกสีทองแสนสวยนั่งอยู่ในกรงไม้ข้างกรงทองคำที่วาววับความรู้สึกอยากได้อยากมีเข้าครอบงำจิตใจของเขา เขารำพึงกับตนเอง “นกที่งดงามเช่นนี้ ไม่ควรอยู่ในกรงไม้เก่า ๆ ข้าจะใส่มันในกรงทองคำเพื่อเป็นเกียรติแก่ความงามของมัน!”
ทันใดนั้น กรงทองคำก็ส่งเสียงเตือนภัย ดังลั่น เขาก็ถูกทหารจับตัวได้ ขุนนางของปราสาทเห็นความมุ่งมั่นของเขาจึงเสนอข้อแลกเปลี่ยน “เราจะไว้ชีวิตเจ้า และให้นกสีทอง หากเจ้าสามารถนำม้าสีทอง มาให้เราได้” ขุนนางกล่าว
น้องชายจำใจออกเดินทางต่อและพบสุนัขจิ้งจอกที่รออยู่ด้วยความผิดหวัง
สุนัขจิ้งจอกถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าไม่เชื่อฟังข้าเลย! แต่ข้าจะช่วยเจ้าอีกครั้ง เจ้าจงหาม้าสีทองมาให้ได้ แต่เมื่อนำม้ามา จงใช้เพียงอานหนังสีเทาเข้มที่อยู่ใกล้ ๆ ห้ามแตะต้องอานทองคำเป็นอันขาด”
แต่เมื่อน้องชายเห็นม้าสีทองอันสง่างาม ก็เกิดความคิดว่าต้องทำให้ม้าดูดีที่สุด เขาจึงละเลยคำเตือนของสุนัขจิ้งจอก และใส่อานทองคำให้ม้า ทำให้เขาถูกจับตัวได้อีกครั้งในปราสาทที่สอง ขุนนางก็เสนอทางรอดเช่นกัน
“เราจะให้ม้าสีทองแก่เจ้า หากเจ้าสามารถนำเจ้าหญิง จากปราสาททองคำมาให้เราได้” ขุนนางกล่าว
สุนัขจิ้งจอกปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ปราสาทสุดท้าย “เจ้าใกล้จะสำเร็จแล้ว จงเชื่อข้า! เมื่อเจ้าพบเจ้าหญิงแล้วห้ามยอมให้นางร่ำลาบิดามารดาของนางเด็ดขาด”
เขาพาสาวงามออกมาได้ แต่เมื่อนางขอโอกาสสุดท้ายในการกล่าวอำลา หัวใจของชายหนุ่มก็อ่อนยวบ น้องชายคนสุดท้องคิดในใจ “นางช่างงดงามและอ่อนโยนนัก ข้าจะปฏิเสธคำขอของนางได้อย่างไร?”
เขาอนุญาตให้เจ้าหญิงเข้ากล่าวลาบิดาของนางทันที และบิดาของเจ้าหญิงก็จับตัวเขาไว้ พร้อมสั่งให้เขากำจัดเนินเขาลูกใหญ่นี้ภายในแปดวัน เป็นค่าไถ่ชีวิตของเขา

น้องชายคนสุดท้องรู้สึกสิ้นหวังเมื่อถูกกักขังและถูกบังคับให้กำจัดเนินเขาลูกมหึมาภายในแปดวัน เขาคร่ำครวญถึงความผิดพลาดที่ไม่ได้เชื่อฟังเพื่อนผู้มีพระคุณ
ทันใดนั้น สุนัขจิ้งจอกก็มาถึง มันมองชายหนุ่มอย่างรู้ทันแล้วกล่าวอย่างอ่อนใจ “เจ้าทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้ายังคงเป็นสหายของเจ้า จงนอนพักผ่อนเสียเถิด ข้าจะช่วยเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”
สุนัขจิ้งจอกใช้มนตร์กำจัดเนินเขาทั้งลูกให้หมดไปภายในเวลาที่กำหนด เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น และพวกเขาพร้อมจะเดินทาง
สุนัขจิ้งจอกก็ขอร้องให้ชายหนุ่มทำในสิ่งที่ยากที่สุด “บัดนี้เจ้ามีทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนาแล้ว จงจดจำคำของข้าให้แม่น! ห้ามซื้อเนื้อจากตะแลงแกงและห้ามนั่งบนขอบแม่น้ำ เป็นอันขาด และสุดท้าย เพื่อปลดปล่อยข้า จงแสดงความกล้าหาญครั้งสุดท้ายจงยิงและตัดศีรษะข้าเสีย”
น้องชายคนสุดท้องตกใจและปฏิเสธคำขออันโหดร้ายนั้นอย่างเด็ดขาด “ไม่! ข้าไม่อาจทำร้ายผู้มีพระคุณเช่นท่านได้เป็นอันขาด! ท่านคือสหายของข้า!”
เขาเดินทางกลับไปพร้อมกับเจ้าหญิง ม้าสีทอง และนกสีทอง แต่ในระหว่างทาง เขาก็พบภาพที่น่าสะเทือนใจ นั่นคือพี่ชายทั้งสองของเขากำลังจะถูกแขวนคออยู่บนตะแลงแกง
“น้องชายของข้า! ได้โปรดเมตตาเถิด! ช่วยชีวิตเราไว้ด้วย! เรากำลังจะตายอยู่แล้ว!” พี่ชายคนโตและพี่คนรองกล่าวด้วยความดีใจ
น้องชายคนสุดท้องเกิดความเมตตาจนลืมคำเตือนของสุนัขจิ้งจอก เขาใช้เงินทั้งหมดซื้ออิสรภาพให้พี่ชายทั้งสอง พี่ชายทั้งสองสังเกตเห็นสมบัติล้ำค่าที่น้องชายครอบครอง แต่ด้วยความโลภและริษยาที่ฝังลึก จึงวางแผนชั่วร้าย
ขณะที่พวกเขานั่งพักผ่อนอยู่ริมขอบแม่น้ำ ตามคำชวนของพี่ชายทั้งสอง “น้องชาย เจ้าดูเหนื่อยล้ามาก นั่งพักให้สบายตรงขอบน้ำนี้สิ”
ขณะที่เขาเผลอ พี่ชายทั้งสองก็ผลักเขาตกลงไปในน้ำ แล้วรีบชิงเอานกสีทอง ม้าสีทอง และเจ้าหญิง มุ่งหน้ากลับไปยังปราสาทของกษัตริย์ ณ แควันของตน
พี่ชายทั้งสองนำสมบัติที่ขโมยมาไปถวายกษัตริย์ แต่แม้ปราสาทจะเต็มไปด้วยความโอ่อ่า ทว่าความสุขกลับไม่ปรากฏ เจ้าหญิงไม่ยอมยิ้มแย้ม ม้าสีทองไม่ยอมส่งเสียงร้องอย่างสง่างาม และนกสีทองก็ไม่ยอมขับขานเพลงอันไพเราะเลย
ในที่สุด สุนัขจิ้งจอกก็ได้ช่วยชีวิตน้องชายคนสุดท้องจากแม่น้ำอย่างลับ ๆ และมอบเสื้อคลุมขอทานเก่า ๆ ให้เขาเพื่อปกปิดตัวตน “จงไปยังปราสาทของบิดาเจ้าในชุดนี้ ความซื่อสัตย์ของสิ่งวิเศษเหล่านี้จะพิสูจน์ความจริงเอง”
น้องชายคนสุดท้องเดินทางกลับไปในชุดของขอทาน เมื่อเขาเดินผ่านคอกม้า ม้าสีทองก็ส่งเสียงร้องคำรามด้วยความยินดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ทุกคนในปราสาทประหลาดใจ
“นั่นคือเจ้านายที่แท้จริงของข้า! เขากลับมาแล้ว!” ม้าสีทองกล่าว
เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านกรงนก นกสีทองก็เริ่มขับขานบทเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่กษัตริย์เคยได้ยินมา “ผู้ชนะที่แท้จริงกลับมาแล้ว! ขอให้ความสุขและความจริงจงปรากฏ!” นกสีทองกล่าว
กษัตริย์ทรงสงสัย จึงเรียกขอทานผู้นั้นเข้ามา และเมื่อเจ้าหญิงได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น นางก็จำเขาได้ทันที นางโผเข้ากอดเขาด้วยความยินดี และน้ำตาแห่งความทุกข์ระทมที่สะสมมานานก็ไหลอาบแก้ม “ท่านมาแล้ว! ข้าต้องทนทุกข์เพราะคำโกหกของพี่ชายท่านมานานแค่ไหนแล้ว!”
ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย กษัตริย์ทรงพระพิโรธอย่างยิ่งต่อการทรยศและความโลภของบุตรชายคนโตทั้งสองพวกเขาทั้งสองถูกลงโทษอย่างสาสม ตามความยุติธรรมที่สมควรได้รับ และน้องชายคนสุดท้องก็ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง
ในวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังสำราญกับความสุข เขาคิดถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับสหายผู้มีพระคุณ จึงออกไปพบสุนัขจิ้งจอกด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “ท่านสหายผู้ซื่อสัตย์ ข้าต้องทำตามคำขอของท่านแล้ว”
เขาใช้ดาบตัดศีรษะสุนัขจิ้งจอก ด้วยความเศร้าโศก ทันใดนั้นร่างของสุนัขจิ้งจอกก็หายไป และแทนที่ด้วยชายหนุ่มรูปงาม ผู้สวมใส่เสื้อผ้าของเชื้อพระวงศ์
ชายหนุ่มผู้นั้นคือ พี่ชายของเจ้าหญิงที่หายสาบสูญไปนานหลายปี และถูกแม่มดร่ายมนตร์ให้กลายเป็นสุนัขจิ้งจอก เมื่อมนตร์ถูกทำลายด้วยความซื่อสัตย์ของชายหนุ่ม ทั้งสองอาณาจักรจึงรวมเป็นหนึ่ง ความสุขและความยุติธรรมจึงบังเกิดขึ้นในอาณาจักรนั้นอย่างสมบูรณ์ชั่วนิรันดร์

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การเชื่อฟังคำแนะนำของผู้มีปัญญา แม้ว่าคำแนะนำนั้นจะดูไร้เหตุผลหรือขัดต่อความรู้สึกอยากได้อยากมี (ความโลภ) เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จสูงสุด
เรื่องราวนี้เน้นย้ำถึงอันตรายของความโลภ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มผู้กล้าหาญต้องทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการทดสอบของกรงทองคำและอานทองคำ ความผิดพลาดเหล่านี้สอนว่า การเลือกสิ่งที่ดูหรูหรากว่าไม่ได้นำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่าเสมอไป
นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นถึงอันตรายของความเมตตาที่ไร้สติ การให้อภัยและการช่วยเหลือพี่ชายที่ชั่วร้ายโดยไม่ฟังคำเตือน นำมาซึ่งการทรยศหักหลัง และเกือบจะทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่ง การถูกทรยศในครั้งนี้ตอกย้ำว่าความชั่วร้ายมักไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และการเชื่อมั่นในความดีงามของผู้อื่นโดยไม่มีขอบเขต อาจทำให้เกิดภัยพิบัติได้
ท้ายที่สุดความซื่อสัตย์ของชายหนุ่มต่อสหายผู้มีพระคุณ (สุนัขจิ้งจอก) และการตัดสินใจทำตามคำมั่นสัญญาในวาระสุดท้าย เป็นการทำลายมนตร์ร้ายและนำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งพิสูจน์ว่าความกล้าหาญที่แท้จริงคือการทำตามคำมั่นสัญญา แม้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดและความยุติธรรมจะกลับคืนมาเสมอเมื่อความจริงถูกเปิดเผย
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานกริมม์อ่านสนุกเพลิดเพลิน อ่านได้ทุกวัยที่นี่ taleZZZ.com
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องนกสีทอง (อังกฤษ: The Golden Bird) นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลกชันนิทานของพี่น้องกริมม์ (Grimm’s Fairy Tales) อยู่ในลำดับที่ 057 KHM
โครงเรื่องจัดอยู่ในกลุ่มนิทานประเภท “การผจญภัยเพื่อตามหาสมบัติวิเศษ” (Quest for Magic Items) โดยมีองค์ประกอบของการทดสอบซ้ำ ๆ ซึ่งตัวละครหลักจะล้มเหลวสามครั้งก่อนจะทำสำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณ
นิทานนี้มีความโดดเด่นที่บทบาทของสุนัขจิ้งจอกผู้ช่วย ซึ่งเป็นตัวแทนของสติปัญญาและความเชื่อฟัง และการคลี่คลายเรื่องราวแบบการทำลายมนตร์ (Disenchantment) ที่ต้องอาศัยการเสียสละ เพื่อปลดปล่อยผู้ที่ถูกสาปให้กลับสู่ร่างเดิมในตอนท้ายที่สุด
คติธรรม: “จงเชื่อฟังคำแนะนำที่เปี่ยมด้วยปัญญา แม้ว่าทองคำจะยั่วยวนก็ตาม เพราะความเชื่อฟังคือนำทางไปสู่โชคลาภที่ยั่งยืน ส่วนความโลภนั้นนำไปสู่กับดักเสมอ”

