ในชีวิตประจำวัน เรามักพบว่าการให้และการรับไม่เพียงแค่การแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือเงินทอง แต่ยังเกี่ยวข้องกับความคาดหวังบางอย่าง บางครั้งเราให้เพราะหวังว่าจะได้รับคำขอบคุณหรือสิ่งตอบแทน ในขณะที่การให้ที่แท้จริงในทางเซนคือการให้โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่คาดหวังสิ่งใดกลับมา
นิทานเซนเรื่องหนึ่งเล่าถึงการบริจาคของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่ให้เงินจำนวนมากแก่พระอาจารย์ เพื่อช่วยในการสร้างโรงเรียนใหม่ แต่เขากลับไม่ได้รับคำขอบคุณที่เขาคาดหวังจากอาจารย์ เซเซ็ตสึ การตอบสนองของอาจารย์กลับสอนให้เขาเข้าใจว่าผู้ให้ควรรู้คุณ กับนิทานเซนเรื่องผู้ให้ควรรู้คุณ

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องผู้ให้ควรรู้คุณ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมืองคานางาวะ ณ โรงเรียนเซนเงียบ ๆ ริมเขาติดทะเล เซเซ็ตสึ เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและสอนอยู่ที่โรงเรียนเอ็นกาคุ ในคามาคุระ
ซึ่งมีนักเรียนจำนวนมากจนห้องเรียนแออัดและไม่เพียงพอต่อการเรียนการสอน อาจารย์เซเซ็ตสึรู้สึกว่าควรจะสร้างที่เรียนใหม่ที่มีขนาดกว้างขวางและสะดวกสบายมากขึ้นเพื่อรองรับนักเรียนที่ต้องการเรียนรู้
อุเมะซะ เซเบอิ พ่อค้าร่ำรวยจากเมืองเอโดะทราบเรื่องนี้และตัดสินใจบริจาคเงินจำนวนห้าร้อยเรียว เพื่อช่วยในการก่อสร้างโรงเรียนใหม่ของอาจารย์เซเซ็ตสึ เขานำเงินจำนวนนี้ไปให้แก่ท่านอาจารย์โดยตรง
เมื่อพ่อค้าผู้นี้ยื่นกระสอบเงินให้กับอาจารย์ เซเซ็ตสึมองมันแล้วตอบว่า “ดีแล้ว ข้าจะรับมัน”
แม้ว่าพ่อค้าจะมีความตั้งใจดีและหวังที่จะได้รับคำขอบคุณ แต่เซเซ็ตสึกลับไม่ได้แสดงความขอบคุณใด ๆ ท่านเพียงแค่รับเงินไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
พ่อค้าผู้นี้รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเซเซ็ตสึไม่ได้ขอบคุณเขาสำหรับการบริจาคห้าร้อยเรียวที่เขาให้ไป เขาคิดในใจว่า “ห้าร้อยเรียวเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าผมจะเป็นพ่อค้าร่ำรวย แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันคือจำนวนมากพอที่จะทำให้ผมหวังได้รับคำขอบคุณ”
พ่อค้าจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ในกระสอบนั้นมีห้าร้อยเรียว”
เซเซ็ตสึที่ยังคงมีท่าทีสงบและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ตอบกลับไปว่า “ท่านบอกข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว”
พ่อค้ารู้สึกไม่พอใจยิ่งขึ้น จึงกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นพ่อค้าร่ำรวย แต่นี่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากมายพอสมควร ท่านควรจะขอบคุณข้าบ้าง”

พ่อค้าเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นไปอีก เขารู้สึกว่าความเอื้อเฟื้อของเขาควรได้รับการยอมรับมากกว่านี้ และคาดหวังที่จะได้ยินคำขอบคุณจากอาจารย์เซเซ็ตสึที่รับเงินของเขาไปอย่างไม่แสดงท่าทีใด ๆ เขาจึงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า
“แม้ข้าจะเป็นพ่อค้าร่ำรวย แต่นี่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากมายจริง ๆ ห้าร้อยเรียวไม่ได้เป็นจำนวนเล็ก ๆ ท่านควรจะขอบคุณข้า”
เซเซ็ตสึยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบไปอย่างสงบว่า “ท่านต้องการให้ข้าขอบคุณท่านหรือ?”
พ่อค้าตอบกลับอย่างมั่นใจว่า “ท่านควรขอบคุณข้าสำหรับการบริจาคนี้”
เซเซ็ตสึยังคงสงบและถามต่อด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า “ทำไมข้าจะต้องขอบคุณท่าน?”
คำถามของเซเซ็ตสึทำให้พ่อค้ารู้สึกสะท้อนใจและเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่ โดยเซเซ็ตสึอธิบายต่อไปว่า “ผู้ให้ควรจะรู้คุณ… การให้ของท่านนั้นไม่ใช่เพียงแค่เพื่อให้ข้าขอบคุณท่าน แต่ท่านควรจะรู้สึกขอบคุณที่ได้มีโอกาสให้สิ่งดี ๆ แก่ผู้อื่น ความจริงของการให้คือการไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนจากผู้รับ แต่ควรรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการให้ในตัวของมันเอง”
พ่อค้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเข้าใจในคำพูดของเซเซ็ตสึ เขารู้สึกได้ว่าแท้จริงแล้วการให้ไม่ควรมีเงื่อนไขและการคาดหวังใด ๆ การให้โดยไม่มีความหวังอะไรตอบแทนเป็นความหมายที่ลึกซึ้งของการแสดงความเมตตาและการช่วยเหลือผู้อื่น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การให้ที่แท้จริงไม่ใช่การคาดหวังคำขอบคุณหรือผลตอบแทนจากผู้รับ แต่คือการให้โดยไม่หวังสิ่งใดกลับมา การให้โดยไม่เงื่อนไขและรู้คุณค่าของการให้ในตัวเองคือการฝึกฝนเซนที่แท้จริง
เซเซ็ตสึสอนให้เข้าใจว่าผู้ให้ควรจะรู้คุณในสิ่งที่ตัวเองทำ โดยไม่ยึดติดกับการได้รับคำขอบคุณหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ ความจริงในเซนคือการให้ด้วยใจบริสุทธิ์และการตระหนักถึงคุณค่าในทุกการกระทำ
อ่านต่อ: เรียนรู้ชีวิต การปล่อยวาง และความสงบ ผ่านนิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ และเต็มไปด้วยข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องผู้ให้ควรรู้คุณ (อังกฤษ: The Giver Should Be Thankful) นิทานเรื่องนี้มาจากหลักคำสอนในพุทธศาสนาเซน ที่เน้นการฝึกฝนจิตใจให้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของการให้ การรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากผู้อื่นไม่ได้หมายถึงการคาดหวังคำขอบคุณหรือผลตอบแทนจากผู้รับ แต่คือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่มีเงื่อนไข
ในนิทานนี้อาจารย์เซเซ็ตสึ ได้สอนให้รู้ว่า แม้ผู้ให้จะบริจาคสิ่งของหรือเงินทอง แต่ผู้ให้ควรเข้าใจในคุณค่าของการให้แทนที่จะคาดหวังการขอบคุณหรือผลตอบแทนใด ๆ เช่นเดียวกับอุเมซา เซเบอิ ที่ได้บริจาคห้าร้อยเรียวให้แก่เซเซ็ตสึ เขาหวังว่าจะได้รับคำขอบคุณจากอาจารย์ แต่กลับได้รับคำตอบที่ทำให้เขาเข้าใจว่าการให้ ที่แท้จริงนั้นควรมาจากใจบริสุทธิ์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
นิทานนี้จึงสะท้อนหลักธรรมในเซนเกี่ยวกับการฝึกฝนให้เข้าใจในการให้และการรับ ที่ไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์ที่คาดหวัง แต่เป็นการทำความดีอย่างแท้จริงโดยไม่ยึดติดกับคำขอบคุณหรือสิ่งตอบแทนจากผู้รับ
คติธรรม: “การให้ที่แท้จริงคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน หรือคำขอบคุณ เพราะความดีที่ทำไปควรได้รับการทำด้วยใจบริสุทธิ์ โดยไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ใด ๆ”