ในโลกที่เต็มไปด้วยความอยากได้ อยากมี และความโลภ มนุษย์ต่างเผชิญกับการทดสอบทั้งจากโชคชะตาและการกระทำของผู้อื่น การรักษาความบริสุทธิ์ของใจและความอดทนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้นไปได้
มีเรื่องเล่านิทานกริมม์เรื่องหนึ่ง เล่าถึงเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายแต่ใจดี แม้ต้องเผชิญความทุกข์และการถูกกลั่นแกล้ง แต่ด้วยความเพียรและความดีของเธอ ชีวิตก็กลับคืนสู่ความสุขและความยุติธรรมในที่สุด กับนิทานกริมม์เรื่องเด็กหญิงไร้มือ

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องเด็กหญิงไร้มือ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวโรงสีคนหนึ่งยากจนจนแทบไม่มีอะไรจะกิน วันหนึ่งมีชายประหลาดในชุดดำ เดินเข้ามาในลานโรงสี กลิ่นแปลก ๆ ลอยมากับลม และดวงตาของเขาเป็นสีแดงวาวราวถ่านไฟ
ชายแปลกหน้าพูดว่า “อยากรวยไหม? ข้าจะให้เจ้าได้ทุกอย่าง… แลกกับสิ่งที่อยู่หลังโรงสีของเจ้าในตอนนี้”
ชาวโรงสีไม่ลังเลเลย เพราะคิดว่า “หลังโรงสีมีแต่ต้นแอปเปิลเก่า ๆ” จึงตอบตกลงทันที
แต่พอชายชุดดำหายไป เขาเดินไปด้านหลังโรงสี ก็พบว่าลูกสาวคนเดียวของเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้น รอเรียกพ่อกลับไปกินข้าว
หัวใจของชาวโรงสีแทบหยุดเต้น… เขารู้ทันทีว่าตนได้ทำ “ข้อตกลงกับปีศาจ”
สามปีผ่านไป ปีศาจกลับมาตามสัญญา ทว่าเมื่อมันจะคว้าตัวเด็กหญิง แขนของมันกลับสะดุ้งเหมือนถูกไฟลวก เพราะเธอ “สะอาดบริสุทธิ์ ไร้บาป”
ปีศาจร้องด้วยความโกรธว่า “มือของนางสะอาดเกินไป ข้าแตะไม่ได้!”
มันจึงขู่พ่อของเธอว่า “ถ้าเจ้าไม่ทำให้มือนางไม่สะอาด… ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าแทน!”
ชาวโรงสีตัวสั่นงันงก ไม่กล้าต่อรองอะไรเลย เด็กหญิงเองก็รู้ว่าหากไม่ทำอะไร พ่อจะต้องตาย นางจึงกัดฟันยอมรับชะตากรรมที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
เธอถูกตัดมือทั้งสองข้าง
แต่ปีศาจกลับเจ็บใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเด็กหญิงร้องไห้ น้ำตาที่บริสุทธิ์ไหลรินลงบนปลายแขน และเพียงน้ำตาที่สะอาดนั้น ก็ทำให้มัน “บริสุทธิ์” อีกครั้ง
ปีศาจยังเข้าใกล้ไม่ได้อยู่ดี มันโกรธจนควันดำฟุ้งออกจากร่าง ก่อนจะคำรามแล้วหายวับไป
เด็กหญิงได้รับอิสรภาพ… แต่เธอไม่มีทั้งมือ และไม่มีบ้านที่ปลอดภัยอีกต่อไป
เธอจึงตัดสินใจจากบ้านไปตามลำพัง ก้าวเข้าสู่โลกกว้างด้วยหัวใจที่ยังงดงาม แม้ชีวิตถูกพรากไปมากแค่ไหนก็ตาม
เด็กหญิงเดินเรื่อย ๆ ผ่านป่า ผ่านทุ่ง ผ่านแม่น้ำ วันแล้ววันเล่า แม้ไม่มีมือ แต่ก็ไม่เคยบ่นกระทั่งถึงสวนหลวง ที่มีลูกแพร์สุกงอมเรียงรายเต็มต้น เธอเดินจนแทบหมดแรงและหิวจนท้องร้อง แต่ประตูสวนถูกปิดด้วยกำแพงสูง
เธอจึงยืนพนมแขนที่ไร้มือเข้าหากัน และกล่าวอธิษฐานว่า “หากพระเจ้าทรงเมตตา โปรดให้ข้าได้กินผลแพร์สักลูกเถิด…”
ทันใดนั้น มีเทพยืนอยู่ข้างหน้า แสงนุ่มนวลล้อมรอบร่าง ทูตสวรรค์เลื่อนไม้กั้นสวนออก เปิดทางให้เธอเข้าไปได้
เด็กหญิงกินแพร์เพียงลูกเดียว จากนั้นก็หลับข้างต้นไม้ด้วยความเหนื่อยล้า
รุ่งเช้า พระราชาเดินตรวจสวน และพบว่าแพร์หายไปหนึ่งลูก คนสวนบอกว่าเมื่อคืนเห็น “ร่างคล้ายวิญญาณ” เรืองแสงเดินเข้าไปในสวน
พระราชาจึงเฝ้ารอ และเมื่อเด็กหญิงปรากฏตัวพร้อมกับเทพที่คอยคุ้มครอง ท่านก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นมนุษย์ที่ถูกทอดทิ้ง
“เจ้าเป็นใครกัน?” พระราชาถาม
เด็กหญิงตอบอย่างเรียบง่าย “ข้าถูกทุกคนทอดทิ้ง แต่พระเจ้ายังอยู่กับข้า”
พระราชามองความบริสุทธิ์ในดวงตาของเธอ และกล่าวอย่างใจจริงว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งเจ้า”
ไม่นาน ทั้งสองก็แต่งงานกัน พระราชาสั่งให้สร้าง “มือเงิน” ให้เธอ เพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น
หนึ่งปีผ่านไป ราชินีไร้มือให้กำเนิดลูกชาย
พระราชาที่กำลังไปรบอยู่ ท่านก็ได้รับการส่งสารเพื่อรับข่าวดี แต่จดหมายนั้นถูกปีศาจดักสลับให้เป็นข้อความว่า “ราชินีให้กำเนิดเด็กปีศาจ”
แต่พระราชายังเมตตา ตอบกลับว่า “ไม่ว่ายังไงก็เลี้ยงดูเด็กน้อยไว้เถิด”
ปีศาจยิ่งไม่พอใจ จึงสลับจดหมายอีกครั้งให้เป็นข้อความว่า “จงประหารแม่และเด็กทันที และส่งหัวใจมาให้ข้าพิสูจน์!”
และนี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมครั้งใหม่…

เมื่อแม่พระราชินี ผู้ไร้มือ ได้รับจดหมายปลอมที่ว่า “ให้ประหารนางและลูกทันที”
แม่ชีในวังถึงกับหน้าซีด ตัวสั่น เพราะรู้ว่าพระราชาไม่มีวันสั่งอย่างนั้นแน่ ๆ
แม่ชีเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าเด็ดขาด! หนีไปเถอะลูกเอ๋ย ข้าเชื่อว่าฟ้าจะคุ้มครองเจ้า”
แม่พระราชินีกอดลูกน้อยไว้ในอ้อมแขน แม้ไม่มีมือจริง แต่ก็โอบลูกแน่นด้วยแขนที่อบอุ่นที่สุดในโลก
จากนั้นนางก็ออกเดินทางเข้าสู่ป่าลึกที่หนาทึบที่สุด เทวดาที่เคยช่วยเหลือนางก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
“อย่ากลัวเลยลูกเอ๋ย” เทวดาบอก
“เราจะดูแลเจ้าและเด็กน้อยเอง”
ในป่ามีเสียงน้ำไหล เสียงใบไม้ไหว และแสงแดดลอดผ่านกิ่งอย่างอ่อนโยน
เทวดาพานางไปยังบ้านเล็ก ๆ ขาวสะอาดหลังหนึ่ง อยู่กลางป่าเหมือนถูกซ่อนจากโลกทั้งใบ
“เจ้าจะอยู่ที่นี่” เทวดากล่าว
“และอย่ากังวลสิ่งใดเลย”
วันคืนผ่านไปหลายปี ราชินีใช้แขนไร้มืออุ้มลูก เล่นกับลูก และลูกชายก็รักแม่มากจนไม่เคยสนใจว่ามือแม่เป็นเงินหรือเป็นเนื้อ เขาเห็นเพียงแม่ที่อ่อนโยนที่สุดบนโลกใบนี้
แต่สิ่งน่าอัศจรรย์กว่านั้นคือ… มือของราชินีเริ่มงอกใหม่ทีละน้อย แผลที่เคยเจ็บปวดกลับค่อย ๆ ฟื้นคืนราวปาฏิหาริย์ เพราะหัวใจของนางไม่เคยเกลียด ไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลย
หลังสงครามยาวนาน พระราชากลับมาพร้อมหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึง เขาตรงไปหาเมียและลูกทันที แต่เมื่อถึงวัง เขากลับได้ยินเรื่อง “คำสั่งประหาร” ที่เขาไม่เคยออก!!
พระราชาถึงกับล้มลงคุกเข่า ร้องว่า “โอ้… ข้าถูกหลอก ข้าทอดทิ้งเมียและลูกด้วยไม่รู้ตัว!”
พระราชาจึงออกตามหานางทั่วแผ่นดิน เดินไปตามป่า ภูเขา หมู่บ้าน ถามทุกคนที่พบว่า “เห็นหญิงไร้มืออุ้มเด็กหรือไม่”
หลายปีผ่านไป เขามาถึงป่าลึกจนแทบหมดแรง ทันใดนั้น เทวดาที่เคยช่วยราชินีก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
“ตามข้ามาเถิด พระราชา ความจริงรอท่านอยู่”
พระราชาเดินตามแสงสว่างไปจนถึงบ้านเล็กกลางป่า และเมื่อประตูเปิดออก…
เขาเห็นหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นกับลูกชาย มือทั้งสองของนาง… เป็นมือใหม่ที่งอกขึ้นอย่างสมบูรณ์
พระราชาตะลึง ก่อนจะค่อย ๆ พูดด้วยเสียงสั่น “เป็นเจ้าจริงหรือ… ราชินีของข้า?”
นางหันมามอง ดวงตาอบอุ่นเหมือนเดิม “เพคะ ข้าไม่โกรธ ไม่เคืองท่านเลย พระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองเรา”
พระราชาถึงกับหลั่งน้ำตา โอบกอดภรรยาและลูกแน่น ๆ ราวกับไม่อยากปล่อยอีกแล้ว
ปีศาจซึ่งเคยหลอกลวง เริ่มเข้ามาใกล้ หวังจะขัดขวางความสุขนี้อีกครั้ง แต่เมื่อมันเข้าใกล้ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักบริสุทธิ์… มันกลับถูกแสงสว่างกลืนไปอย่างรวดเร็ว ราวกับควันดำที่ถูกลมพัดหาย
มันไม่มีพลังใด ๆ เหลืออีกต่อไป
พระราชาจึงพาครอบครัวกลับวังอย่างสง่างาม และตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข อย่างแท้จริง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… เมื่อเรายืนหยัดอยู่กับความดี แม้โลกจะโหดร้ายเพียงใด ความดีนั้นจะเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแรงที่สุด เหมือนกับเด็กหญิงที่แม้จะถูกปีศาจหลอก ถูกพ่อบีบบังคับให้ยอมเจ็บปวด และถูกใส่ร้ายจนต้องหนีเข้าป่า เธอก็ไม่เคยคิดร้ายต่อใคร ไม่โกรธ ไม่แค้น และยังเชื่อมั่นในความเมตตาและพลังของสิ่งดีงาม
นิทานยังสะท้อนว่าความรักแท้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค เหมือนกษัตริย์ผู้ตามหาภรรยาและลูกนานถึงเจ็ดปี แม้จะถูกหลอกด้วยจดหมายปลอม แต่เมื่อความจริงเปิดเผย เขาก็ยังเลือกให้อภัยและรับครอบครัวกลับมาอย่างเต็มหัวใจ
แม้ชีวิตจะพาเราไปผ่านบาดแผลและความสูญเสียมากมาย แต่ความหวังและศรัทธาจะนำพาให้เรากลับมามีชีวิตที่สมบูรณ์ได้อีกครั้ง เหมือนมือของราชินีที่ถูกฟื้นคืน และครอบครัวที่กลับมารวมกันอย่างอบอุ่นในที่สุด
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานโด่งดังจากยุโรปนิทานกริมม์อ่านสนุกได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องเด็กหญิงไร้มือ (อังกฤษ: The Girl Without Hands) เป็นนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ของยุโรปกลาง โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งเล่าต่อกันมาหลายร้อยปี ก่อนที่พี่น้องกริมม์จะบันทึกไว้ในชุดนิทานฉบับเก็บรวบรวมลำดับที่ 031 KHM
เนื้อเรื่องมีเค้าความเชื่อทางศาสนาและความเชื่อพื้นบ้านผสมกัน เช่น การทดลองศรัทธา ความบริสุทธิ์ที่ปกป้องจากปีศาจ และการช่วยเหลือจากทูตสวรรค์ สะท้อนค่านิยมของยุโรปยุคกลางเกี่ยวกับคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และการปกป้องครอบครัว
ต้นกำเนิดของเรื่องมีหลายเวอร์ชันในหลายประเทศ แต่ประเด็นหลักยังคงคล้ายกัน คือหญิงสาวผู้เผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย แต่ยังคงความดีงามไว้จนได้รับปาฏิหาริย์ตอบแทน ทั้งหมดนี้สะท้อนรากวัฒนธรรมที่เชื่อว่า “ความดี แม้ถูกทดสอบหนักเพียงใด ก็จะนำไปสู่ปลายทางที่งดงามเสมอ
คติธรรม: “แม้โลกจะเอาทุกสิ่งไปจากเราได้ แต่ไม่อาจ夺ความบริสุทธิ์ในใจเราได้เลย”

