ปกนิทานชาดกเรื่องของขวัญ

นิทานชาดกเรื่องของขวัญ

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนและของขวัญมากมาย สิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพย์สิน คือเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการให้และการรับ ความเข้าใจที่แท้จริงมิได้อยู่ที่สิ่งที่ปรากฏภายนอก แต่ซ่อนอยู่ในใจที่มองเห็นด้วยเมตตาและปัญญา

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงเหตุการณ์เรียบง่ายที่นำไปสู่บทเรียนสำคัญ ว่าความอิจฉาและการตัดสินโดยไม่รู้เหตุผลแท้จริง กับนิทานเรื่องของขวัญ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องของขวัญ

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องของขวัญ

กาลครั้งหนึ่งมาแล้ว มีพระภิกษุรูปหนึ่ง จำพรรษาอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในศีล สมาธิ และปัญญา

อีกทั้งยังออกแสดงธรรมโปรดชาวบ้านเป็นนิจ ผู้คนทั้งหลายต่างเลื่อมใสในธรรมะของท่านเป็นอย่างยิ่ง

วันหนึ่ง ขณะที่พระภิกษุกำลังแสดงธรรมแก่ชาวเมือง พระราชินีผู้ทรงสดับฟังอยู่ด้วยความปีติ เกิดความเลื่อมใสในจิตอันบริสุทธิ์และการเสียสละเพื่อผู้อื่นของพระภิกษุ

จึงทรงพระราชทานของขวัญล้ำค่าจำนวนมากแก่ท่าน เพื่อเป็นการสรรเสริญในคุณธรรม

พระภิกษุรับของขวัญเหล่านั้นด้วยใจสงบนิ่ง หาได้ยึดติดหรือหลงใหลในลาภสักการะแต่อย่างใด

ไม่นานหลังจากนั้น พระราชาเองก็ทรงทราบถึงความดีงามของพระภิกษุ จึงพระราชทานของขวัญเพิ่มเติมอีกชุดใหญ่ ท่ามกลางความชื่นชมของชาวเมือง

พระภิกษุครองตนอย่างมัธยัสถ์ ไม่ยึดติดในทรัพย์สินเหล่านั้น จึงตัดสินใจมอบของขวัญทั้งหมดที่ได้รับให้แก่สามเณรรูปหนึ่ง ผู้เคยถวายการดูแลปรนนิบัติท่านอย่างสม่ำเสมอในยามที่ท่านเจ็บไข้ได้ป่วย

สามเณรน้อยรับของขวัญด้วยใจนอบน้อม แล้วได้นำของทั้งหมดไปแจกจ่ายแก่พระภิกษุรูปอื่น ๆ ในสำนักสงฆ์ เพื่อแบ่งปันให้ทุกผู้ได้รับความสุขอย่างทั่วถึง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องของขวัญ 2

แต่การกระทำของสามเณรกลับสร้างความไม่พอใจในใจพระภิกษุหลายรูป บ้างกระซิบกระซาบ บ้างมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

และต่างพากันรู้สึกว่าเหตุใดพระภิกษุผู้ได้รับของขวัญจึงเลือกมอบให้เพียงสามเณรรูปเดียว ทั้งที่ตนเองก็สมควรได้รับการแบ่งปันไม่ต่างกัน

“ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” พระรูปหนึ่งบ่นพึมพำอย่างขัดเคือง ขณะที่อีกรูปหนึ่งพยักหน้าด้วยความเห็นพ้อง

ความไม่พอใจแผ่ซ่านไปทั่วสำนักสงฆ์ จนสุดท้าย พระภิกษุเหล่านั้นได้พร้อมใจกันไปกราบเรียนต่อพระอาจารย์ผู้เฒ่า เพื่อขอความยุติธรรมในเรื่องนี้

เมื่อพระอาจารย์ได้ฟังถ้อยคำของพระภิกษุทั้งหลาย ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “พวกท่านอย่าเพิ่งวินิจฉัยสิ่งใดเพียงเพราะมองเห็นแต่ภายนอก สามเณรรูปนี้มิใช่ว่าจะได้รับของขวัญโดยไร้เหตุผล เขาเคยเป็นผู้ดูแลรับใช้พระภิกษุรูปนั้นด้วยความเสียสละตลอดเวลาที่ท่านล้มป่วย เป็นทั้งผู้ปรนนิบัติ ทั้งผู้ช่วยเหลือไม่เคยห่าง”

พระภิกษุทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ต่างนิ่งอึ้งด้วยความละอายใจ รู้สึกสำนึกในความอิจฉาริษยาที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง

จากวันนั้น พวกเขาต่างตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่ตัดสินผู้อื่นเพียงด้วยสิ่งที่เห็นผิวเผินอีกต่อไป และหมั่นปลูกฝังเมตตาในใจให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องของขวัญ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การตัดสินผู้อื่นโดยไม่รู้เบื้องลึก ย่อมนำมาซึ่งความเขลาและความอับอาย ความอิจฉาริษยาเป็นเสมือนม่านหมอกที่บดบังใจให้มืดมัว แต่การรู้จักใคร่ครวญและแสวงหาความจริงอย่างสงบ จะทำให้จิตใจปลอดโปร่งและเบิกบานในธรรม

เช่นเดียวกับพระภิกษุผู้เรียนรู้ว่า ความดีงามมิอาจตัดสินได้ด้วยสายตา แต่ต้องอาศัยใจที่บริสุทธิ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องของขวัญ (อังกฤษ: The Gifts) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ ซึ่งแสดงถึงการสั่งสมบารมีผ่านการปลูกฝังความเมตตาและการรู้จักระงับจิตใจจากอำนาจของความริษยา

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งเกิดความไม่พอใจและอิจฉาต่อผู้อื่นโดยมิได้ทราบเบื้องหลังของการกระทำเหล่านั้น พระองค์จึงทรงแสดงชาดกนี้เพื่อสอนว่า ความริษยาทำให้จิตใจเศร้าหมอง แต่ความเข้าใจและการพินิจพิเคราะห์อย่างรอบคอบ ย่อมทำให้จิตใจสงบและดำรงอยู่ในทางธรรม

ชาดกเรื่องนี้จึงตอกย้ำให้เห็นว่า ความอดกลั้นต่ออารมณ์ลบ และการแสวงหาความจริงด้วยใจเป็นกลาง เป็นหนทางสู่ความเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม

“ผู้ตัดสินด้วยใจขุ่นมัว ย่อมเห็นผิดแม้ในสิ่งที่ถูก แต่ผู้ตัดสินด้วยใจสงบ ย่อมเห็นความจริงแม้ในสิ่งที่เร้นอยู่”


by