กลางทุ่งออสเตรเลียที่แผดเผาด้วยแสงแดด สัตว์น้อยใหญ่ต่างอาศัยอยู่ท่ามกลางผืนดินแห้งแล้ง บางตัวอาศัยความเร็ว บางตัวใช้ปีกบินขึ้นฟ้า และบางตัวต้องพึ่งเกราะป้องกันตัวเองจากภัยรอบด้าน
ในหมู่สัตว์เหล่านั้น มีเรื่องเล่าขานนิทานพื้นบ้าน ณ ทวีปโอเชียเนียจากชนเผ่าพื้นเมืองอะบอริจิน ณ ดินแดนออสเตรเลียถึงสองสหายที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่เพียงเหตุการณ์เดียว กลับเปลี่ยนชะตากรรมของพวกมันไปตลอดกาล… กับนิทานพื้นบ้านออสเตรเลียเรื่องนกกาลาห์กับกิ้งก่าหนาม

เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านออสเตรเลียเรื่องนกกาลาห์กับกิ้งก่าหนาม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางทุ่งออสเตรเลียที่ร้อนระอุกิ้งก่าหนาม (Oolah เป็นชื่อที่มาจากภาษาพื้นเมืองของชาวอะบอริจิน (Aboriginal) ในออสเตรเลีย) เอนตัวทอดยาวบนหินอุ่น ๆ มันมักใช้เวลาทั้งวันอาบแดดและมองท้องฟ้าอย่างเบื่อหน่าย แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่น มันอยากหาความสนุกให้ตัวเองบ้าง
“ข้าจะเล่นบูมเมอแรงดีกว่า!” กิ้งก่าหนามพูดกับตัวเอง ก่อนจะหยิบบูมเมอแรงเวทย์ (bubberah) ที่มีลักษณะโค้งและเล็กกว่าบูมเมอแรงทั่วไป มันเป็นอาวุธพิเศษที่ถ้าขว้างอย่างถูกต้อง จะหมุนกลับมาหาผู้ขว้างได้
กิ้งก่าหนามยิ้มกว้าง เมื่อมันเหวี่ยงบูมเมอแรงออกไปสุดแรง “วิ้วววว!” เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ก่อนที่มันจะกลับมาสู่มือของมันอย่างแม่นยำ มันฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยท่าทางที่มั่นใจขึ้นทุกครั้ง
ขณะที่มันกำลังขว้างอย่างเพลิดเพลิน เงาสีชมพูสดใสก็บินมาปกคลุมอยู่เบื้องบน
“เจ้าทำอะไรอยู่หรือ?” เสียงสดใสเอ่ยถาม กิ้งก่าหนามเงยหน้าขึ้นมองนกกาลาห์ (Galah) นกกระตั้วสีชมพู-เทา ที่กำลังร่อนลงมา นางยืนจ้องบูมเมอแรงของมันด้วยความสนใจ
“ข้ากำลังแสดงฝีมือ ขว้างบูมเมอแรงเวทย์” กิ้งก่าหนามพูดด้วยความภาคภูมิใจ พลางเหวี่ยงบูมเมอแรงออกไปอีกครั้ง มันหมุนกลับมาในอากาศอย่างสมบูรณ์แบบ นกกาลาห์ปรบปีกเบา ๆ อย่างชื่นชม
“ยอดเยี่ยมจริง ๆ! ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
กิ้งก่าหนามได้ยินเช่นนั้น ก็ยืดตัวขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ มันอยากแสดงทักษะที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีก
“ดูนี่ให้ดีนะ ข้าจะขว้างให้ไกลที่สุดเท่าที่เคยทำมา!” มันประกาศ แล้วจับบูมเมอแรงแน่น ก่อนจะหมุนตัวและเหวี่ยงมันออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แต่ครั้งนี้… บางสิ่งผิดพลาดไป

นกกาลาห์ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น นางพุ่งตรงไปยังพุ่มไม้หนามที่กิ้งก่าหนามซ่อนตัวอยู่ แม้ร่างกายจะยังสั่นสะท้านจากบาดแผล แต่ดวงตาของนางลุกโชนด้วยเพลิงแห่งความแค้น
“เจ้าคิดว่าซ่อนตัวใต้พุ่มไม้แล้วข้าจะปล่อยไปงั้นหรือ!” นกกาลาห์ตะโกน ก่อนจะโฉบลงมาใช้จะงอยปากแข็งแรงจิกเข้าที่ลำตัวของกิ้งก่าหนาม ลากมันออกมาจากพุ่มไม้
“อ้ากกก! ปล่อยข้านะ!” กิ้งก่าหนามร้องลั่น พยายามดิ้นสุดแรง แต่นกกาลาห์กลับใช้ปีกกดมันไว้แน่น
“เจ้าเล่นสนุก โดยไม่แคร์ว่ามันจะทำร้ายใคร” นางพูดเสียงเย็นชา “งั้นข้าจะให้เจ้ารู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร!”
ทันใดนั้น นกกาลาห์ก็กลิ้งร่างของกิ้งก่าหนามลงไปบนพุ่มไม้หนาม หนามแหลมของมันทิ่มแทงทะลุผิวหนังของกิ้งก่าเป็นร้อย ๆ จุด!
“อ๊ากกกก! มันเจ็บ! หยุดเถอะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ!” กิ้งก่าหนามร้องเสียงสั่น แต่ไม่มีความเมตตาในสายตาของนกกาลาห์
นางใช้หัวที่เปื้อนเลือดของตัวเอง ถูไปบนตัวของกิ้งก่าหนาม พร้อมกล่าวเสียงเย็นเยียบ
“ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะต้องมีหนามทั่วตัว และตัวของเจ้าจะถูกย้อมด้วยสีเลือดของข้า… ตลอดกาล”
กิ้งก่าหนามตัวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดหนามแหลมเล็ก ๆ เริ่มงอกออกมาจากร่างกายของมันทันที ขณะที่สีผิวของมันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ราวกับถูกย้อมด้วยโลหิตของนกกาลาห์จริง ๆ
แต่แม้มันจะถูกลงโทษ กิ้งก่าหนามก็ไม่ยอมแพ้ มันแค่นเสียงออกมาทั้งที่ยังเจ็บแสบไปทั้งตัว
“หึ… งั้นเจ้าก็จะไม่ได้สิ่งที่เจ้าต้องการเหมือนกัน” มันพูดพลางกัดฟันแน่น “เจ้าจะต้องเป็นนกหัวล้านไปตลอดกาล ตราบเท่าที่ข้ายังมีหนามและตัวสีแดงนี้!”
“ให้มันเป็นเช่นนั้น!” นกกาลาห์แค่นเสียงตอบ “และให้มันเป็นเครื่องเตือนใจเจ้า ว่าอย่าทำร้ายผู้อื่นโดยไม่คิด!”
รุ่งเช้าของวันใหม่ ท้องฟ้าออสเตรเลียยังคงกว้างใหญ่สุดสายตา แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไปตลอดกาล
กิ้งก่าหนามเดินออกจากพุ่มไม้อย่างเชื่องช้าทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยหนามแหลม และเกล็ดของมันมีสีแดงเข้มราวกับร่างกายของมันยังคงเปื้อนเลือดอยู่เสมอ
“ข้าจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้” มันพึมพำกับตัวเอง พลางขดตัวลงบนก้อนหิน
บนกิ่งไม้ใกล้ ๆ กัน นกกาลาห์กำลังส่องเงาของตัวเองลงบนแอ่งน้ำ ใต้หงอนสีชมพูของนาง ปรากฏรอยหัวล้านที่ไม่มีขนขึ้นอีกเลย
“ข้าก็จะไม่มีวันลืมเช่นกัน” นางพึมพำ แล้วสะบัดปีกบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ตั้งแต่นั้นมา กิ้งก่าหนามทุกตัวจึงมีหนามแหลมปกคลุมทั่วร่าง และมีผิวสีแดงน้ำตาล ขณะที่ นกกาลาห์ทุกตัวจะมีหัวล้านอยู่ใต้หงอนของมัน
แม้เวลาจะผ่านไป แต่คำสาปของทั้งสองยังคงอยู่ เป็นเครื่องเตือนใจว่า การกระทำโดยไม่ไตร่ตรอง อาจนำมาซึ่งผลที่ไม่มีวันย้อนคืนได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… “การกระทำโดยไม่คิด อาจนำไปสู่ผลที่ไม่มีวันย้อนคืน และความแค้นที่ตอบโต้กัน มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล”
กิ้งก่าหนามเล่นสนุกโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ จนทำร้ายนกกาลาห์โดยไม่ตั้งใจ แม้มันจะเสียใจ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นกกาลาห์เลือกใช้ความแค้นตอบโต้ ทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องแบกรับคำสาปไปชั่วชีวิต สุดท้ายไม่มีใครเป็นผู้ชนะ มีเพียงร่องรอยของความผิดพลาดที่ติดตัวไปตลอดกาล
อ่านต่อ: อ่านเพลิน ๆ กับนิทานพื้นบ้านที่คนทั่วโลกหลงรัก
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานพื้นบ้านออสเตรเลียเรื่องนกกาลาห์กับกิ้งก่าหนาม (อังกฤษ: The Galah, and Oolah the lizard) นิทานเรื่องนี้เป็นหนึ่งในตำนานพื้นบ้านของชาวอะบอริจิน (Aboriginal) แห่งออสเตรเลีย ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่มีวัฒนธรรมการเล่าเรื่องสืบทอดกันมายาวนาน พวกเขาใช้เรื่องเล่าเหล่านี้เพื่ออธิบายลักษณะของสัตว์ต่าง ๆ และสอนบทเรียนชีวิตให้กับคนรุ่นหลัง
เรื่องราวของกิ้งก่าหนามและนกกาลาห์ เป็นนิทานที่อธิบายว่าทำไมกิ้งก่าหนาม (Thorny Devil) จึงมีหนามแหลมและตัวสีแดง และทำไมนกกาลาห์ (Galah) ถึงมีหัวล้านใต้หงอน โดยแฝงข้อคิดเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการกระทำที่ขาดความรอบคอบ และการแก้แค้นที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครได้ประโยชน์
นิทานพื้นบ้านลักษณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ดรีมไทม์ (Dreamtime)” ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างโลกและธรรมชาติของชาวอะบอริจิน เรื่องราวเหล่านี้ยังคงถูกเล่าขานและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมออสเตรเลียมาจนถึงปัจจุบัน
“ความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาที อาจเปลี่ยนโชคชะตาไปชั่วชีวิต และความแค้นที่ถูกตอบโต้ จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่พันธนาการทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำไว้ตลอดกาล”