ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยเสียงของสัตว์และธรรมชาติ มีสัตว์หลายชนิดที่มักจะพูดถึงตัวเองในแง่ดีเสมอ บางครั้งพวกมันก็อ้างถึงความสามารถพิเศษที่มีหรือความรู้ที่พวกมันคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน แต่การโอ้อวดเกินจริงอาจนำมาซึ่งการเปิดเผยความจริงที่ไม่น่าคาดคิด
นิทานเรื่องนี้จะพาเราไปพบกับกบตัวหนึ่งที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคของสัตว์ต่าง ๆ ด้วยสมุนไพร แต่เมื่อจิ้งจอกสังเกตและตั้งคำถาม ก็เกิดเรื่องที่น่าสนใจขึ้นจนทำให้เราตระหนักถึงข้อผิดพลาดในการโอ้อวด กับนิทานอีสปเรื่อกบกับจิ้งจอก
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องกบกับจิ้งจอก
ในป่าลึกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสัตว์หลากหลายชนิด มีกบตัวหนึ่งที่มักจะเดินไปตามทางเดินในป่าและอ้างตัวเองว่าเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในการใช้พืชสมุนไพร ทุกครั้งที่พบสัตว์อื่น ๆ มันจะบอกว่ามันสามารถรักษาโรคของสัตว์ทุกตัวในป่าได้ด้วยสมุนไพรที่มันรู้จักดี มันพูดถึงสมุนไพรที่หาได้ตามป่าและอ้างว่ามีความรู้มากมายเกี่ยวกับการรักษาโรคที่ไม่มีใครรู้
วันหนึ่ง กบพบกับสุนัขจิ้งจอกในป่า จิ้งจอกกำลังเดินตามทางของมันด้วยท่าทางที่สงบและมั่นใจ เมื่อมันเห็นกบ มันก็ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยการโอ้อวดจากกบที่บอกว่า “ข้าคือหมอที่ไม่มีใครเทียบได้! ข้ารู้จักสมุนไพรทุกชนิดในโลก สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ของสัตว์ในป่าได้ทั้งหมด!”
จิ้งจอกที่ได้ยินก็รู้สึกสงสัยและไม่เชื่อในคำพูดของกบ มันจึงหยุดเดินและถามขึ้นว่า “เจ้าพูดอย่างนั้นจริงหรือ? ถ้าเจ้าสามารถรักษาโรคได้ดีขนาดนั้น ทำไมเจ้าถึงมีผิวพรรณที่ดูอ่อนแอและไม่แข็งแรงล่ะ? เจ้าก็ยังดูเหมือนว่าตัวเองก็ต้องการการรักษาเสียมากกว่าข้าเสียอีก”
กบถูกคำถามนี้สะกิดเข้าไปที่ใจ มันไม่คิดมาก่อนว่าคำถามนี้จะมีความหมายลึกซึ้งขนาดนั้น มันพยายามจะหาเหตุผลมาตอบ แต่มันก็ยังรู้ดีว่า สีผิวของมันนั้นดูซีดและอ่อนแอ
“เอ่อ… ข้าคงต้องบอกว่า… ข้าเพิ่งจะป่วยไปไม่นานนี้เอง” กบพูดออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก “แต่ข้าเคยรักษาให้กับสัตว์ตัวอื่น ๆ ได้ดีเสมอ และข้าก็มีความรู้ในการใช้สมุนไพรที่ดี”
จิ้งจอกยิ้มเล็กน้อย และหันไปมองที่ผิวของกบที่ดูอ่อนแอ “เจ้าบอกว่ารักษาโรคของผู้อื่นได้ แต่ทำไมเจ้าถึงไม่สามารถรักษาตัวเองได้? เจ้าบอกว่าเจ้ามีความรู้ในการรักษาโรค แต่ในตัวของเจ้ากลับมีสัญญาณของความเจ็บป่วยอย่างชัดเจน” มันกล่าว
กบเริ่มรู้สึกอายอย่างมาก มันไม่สามารถอธิบายได้ดีเท่าที่มันคิดไว้ ในขณะที่จิ้งจอกพูดถึงเรื่องนี้ มันก็เริ่มสังเกตเห็นถึงการขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างชัดเจน
“การรักษาโรคของผู้อื่นจะมีความหมายอะไร หากเจ้าหาทางรักษาตัวเองไม่ได้ก่อนล่ะ?” จิ้งจอกถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฉลาด
กบรู้สึกอับอายจนไม่สามารถหาคำพูดตอบได้ มันรู้สึกว่าแผนการที่มันเคยโอ้อวดไปนั้นเริ่มจะถูกเปิดเผย ความจริงที่มันไม่สามารถปกปิดได้ก็เริ่มปรากฏออกมา
“การโอ้อวดมักจะจบลงด้วยการเปิดเผยตัวเอง” จิ้งจอกกล่าวต่อด้วยเสียงที่หนักแน่น “เจ้าบอกว่าตัวเองรักษาคนอื่นได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่สามารถรักษาตัวเองได้แม้แต่นิดเดียว นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้คำพูดของเจ้าไม่น่าเชื่อถือ”
กบได้ยินคำพูดของจิ้งจอกและรู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง มันไม่สามารถหาคำพูดมาป้องกันตัวเองได้ในตอนนี้ มันคิดว่า “ทำไมข้าถึงไม่ได้ระวังเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้?”
จิ้งจอกมองกบด้วยสายตาที่ไม่แสดงความรังเกียจ แต่พูดอย่างมีเหตุผล “ข้าไม่เคยบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง และข้าไม่เคยโอ้อวดว่าข้าเก่งที่สุด แต่ข้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ และข้ารู้ว่าข้าจะทำอะไรได้ดีเมื่อเวลามาถึง และการโอ้อวดของเจ้าในวันนี้ก็ทำให้ตัวเจ้าเองถูกเปิดเผย”
กบได้ยินคำพูดของจิ้งจอกแล้วก็สงบลง มันรู้สึกถึงความอับอายจากการที่มันได้หลอกลวงผู้อื่นด้วยการโอ้อวดเกินจริง
“ขอบใจเจ้าที่เตือนข้า” กบกล่าวอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะหันไปอย่างอ่อนแอ มันไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินจากไปในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโอ้อวดเกินจริงหรือการกล่าวอ้างที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้จริงนั้น มักจะนำไปสู่การเปิดเผยความจริงในที่สุด การพูดถึงความสามารถหรือความรู้ที่ไม่สามารถทำได้จริงจะทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือ และบางครั้งการไม่ยอมรับความบกพร่องของตัวเองก็อาจทำให้เราเสียเครดิตในสายตาผู้อื่น ดังนั้นจึงควรพูดความจริงและรู้จักยอมรับตัวเอง อย่างจริงใจและสมเหตุสมผล
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องกบกับจิ้งจอก (อังกฤษ: The Frog and the Fox) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป โดยมีลักษณะเป็นเรื่องขำขันที่เสียดสีการเป็นหมอที่ไม่แท้จริง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 289 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
กบตัวหนึ่งออกจากบึงของตัวเองและอ้างตัวว่าเป็นหมอที่สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่เมื่อจิ้งจอกผู้สงสัยถามว่า ทำไมกบถึงไม่สามารถรักษาความพิการและสีหน้าที่ดูอ่อนแอของตนเองได้ กบจึงโดนจิ้งจอกล้อเลียน ซึ่งสะท้อนสุภาษิตกรีกที่ว่า “หมอต้องรักษาตัวเองก่อน” ที่มีการใช้ในสมัยของอีสป (และต่อมาถูกอ้างในพระคัมภีร์คริสเตียน) นิทานนี้บันทึกเป็นภาษากรีกโดย Babrius และต่อมาถูกแปลเป็นภาษาละตินโดย Avianus
คำอ้างที่โอ้อวดมักจะเผยให้เห็นในตัวมันเองเสมอ