ปกนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ

นิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ

ในโลกของสรรพชีวิต ทุกชีวิตต่างมีพลังและคุณค่าในถิ่นของตนเอง หากผู้ใดล่วงล้ำเขตแดนของผู้อื่นด้วยความประมาท ย่อมต้องพบกับการต่อต้านที่เกินกว่าที่คาดคิด ความเคารพและการรู้จักประมาณตน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องราวของงูน้ำและปลาตัวน้อย ที่สะท้อนบทเรียนเรื่องความสามัคคีและการปกป้องถิ่นฐานของตนเอง กับนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ริมฝั่งแม่น้ำสายหนึ่งที่สายน้ำไหลเอื่อยเย็นสบาย เหล่าปลาใหญ่น้อยว่ายวนไปมาอย่างสำราญใจ แต่โชคร้ายก็บังเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อชาวประมงกลุ่มหนึ่งนำตาข่ายใหญ่มาดักไว้ในลำน้ำ

อาหารที่หว่านลงล่อปลาทั้งหลายให้เข้าไปติดกับดักดูเหมือนจะได้ผล เพราะไม่นานนักก็มีปลาจำนวนมากติดอยู่ภายในตาข่ายแน่นขนัด

พวกปลาแตกตื่น ดิ้นรนหาทางหลบหนี แต่ยิ่งดิ้นตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เสียงกระเพื่อมของน้ำ และเสียงตาข่ายเสียดสีกับเกล็ดปลาดังไปทั่ว ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศริมแม่น้ำที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยความโกลาหล

ในขณะที่พวกปลากำลังตกอยู่ในความหวาดหวั่น งูน้ำตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ไม่ไกลนักก็คืบคลานมาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาเยือกเย็นของมันจับจ้องไปยังกลุ่มปลาในตาข่ายด้วยความโลภ

งูน้ำแลบลิ้นเล็กน้อยด้วยความยินดี เมื่อเห็นเหยื่อจำนวนมากดิ้นรนอย่างไร้ทางสู้ มันค่อย ๆ เลื้อยเข้าไปในตาข่ายโดยไม่ลังเล หวังว่าจะได้เลือกจับปลาตัวโต ๆ มาลิ้มรสตามใจชอบ

แต่เมื่อมันพุ่งตัวเข้าไป กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิด เหล่าปลาที่ถูกขังอยู่ในตาข่ายเดียวกัน เมื่อเห็นศัตรูร้ายเข้ามา ต่างก็รวมพลังกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกมันใช้ครีบคมและฟันเล็ก ๆ กัดเข้าใส่ลำตัวของงูอย่างไม่ยั้ง

“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ !” งูร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด มันพยายามดิ้นรนออกจากตาข่าย แต่ก็ถูกปลานับสิบตัวรุมกัดไม่หยุดเลือดซิบออกมาเป็นทาง

ในที่สุด งูน้ำทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงฝืนร่างเลื้อยหนีออกจากตาข่ายได้สำเร็จ มันทอดกายหอบหายใจเหนื่อยอ่อนอยู่ริมฝั่งด้วยสภาพสะบักสะบอม

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ 2

ขณะนั้นเอง กบตัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่แถวนั้น กำลังนั่งหลบแดดอยู่ใต้เงาใบไม้ริมฝั่ง มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ปลาติดตาข่าย งูเลื้อยเข้าไป และการต่อสู้ที่ทำให้งูต้องหนีหัวซุกหัวซุน

งูน้ำที่บาดเจ็บหนักหันมองไปรอบ ๆ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นกบตัวนั้น มันเลื้อยเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีอ่อนแรง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “เจ้ากบ เจ้าคงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ้าคิดหรือไม่ว่าการกระทำของพวกปลานั้นเหมาะสมแล้วหรือ?”

กบเงยหน้าขึ้นมองงูด้วยสายตานิ่งสงบ มันไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

กบตอบกลับอย่างเรียบง่ายแต่หนักแน่นว่า “แน่นอนว่าพวกเขาทำถูกแล้ว ท่านงู หากในยามที่ปลาหลงเข้าไปในถิ่นของท่าน ท่านยังไล่ล่าพวกมันเพื่อกิน ท่านคิดหรือว่าเมื่อท่านบุกเข้าไปในที่ของพวกมัน พวกมันจะไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตนเองหรือ?”

กบกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงบ “ในโลกนี้ ทุกชีวิตย่อมมีสิทธิ์ปกป้องตนเองในถิ่นฐานของตน เช่นเดียวกับที่ท่านมีอำนาจในน้ำไหลกว้าง เหล่าปลาก็ย่อมมีพลังในที่คับแคบที่พวกมันร่วมกันต่อสู้”

งูน้ำฟังแล้วก้มหน้าลงอย่างยอมรับ มันไม่กล่าวโต้ตอบแม้สักคำ ก่อนจะค่อย ๆ เลื้อยจากไปอย่างเงียบงัน เหลือเพียงกบตัวเล็กที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ ทอดสายตามองผืนน้ำที่ไหลเอื่อยอย่างสงบ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ในโลกนี้ ทุกชีวิตต่างมีสิทธิ์ในการปกป้องตนเอง และย่อมมีพลังในถิ่นของตนเองเสมอ ผู้ที่ประมาทและล่วงล้ำเขตของผู้อื่นโดยไม่ไตร่ตรอง ย่อมพบกับการต่อต้านที่ตนมิอาจคาดคิดได้

งูที่เคยมีอำนาจในที่กว้างใหญ่ เมื่อก้าวล่วงเข้าสู่แดนจำกัดของผู้อื่น ย่อมต้องเผชิญกับพลังแห่งความสามัคคี ดังนั้น ความเคารพในสิทธิของผู้อื่น และการรู้จักประมาณตน จึงเป็นหนทางสู่ความอยู่รอดอย่างแท้จริง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องคำแนะนำของกบ (อังกฤษ: The Frog’s Advice) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดติณมัยชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งสื่อถึงปัญญาในการเข้าใจธรรมชาติของชีวิต และการยอมรับว่าทุกสรรพชีวิตมีสิทธิ์ในการปกป้องตนเองเมื่ออยู่ในถิ่นของตน

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีภิกษุบางรูปในสมัยพุทธกาลแสดงความดูหมิ่นผู้อื่นด้วยความเย่อหยิ่งในอำนาจของตนเอง พระองค์จึงตรัสเล่าถึงเหตุการณ์ที่งูน้ำผู้เคยคิดว่าตนมีอำนาจเหนือปลา แต่เมื่อล่วงล้ำเข้าสู่ที่จำกัด กลับต้องพ่ายแพ้แก่พลังแห่งความสามัคคีของผู้อ่อนแอกว่า

ชาดกเรื่องนี้จึงสอนให้ตระหนักว่า อำนาจย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่และสถานการณ์ และการเคารพในสิทธิและขอบเขตของผู้อื่น ย่อมนำมาซึ่งความอยู่รอดและสันติสุขอย่างแท้จริง

“อย่าดูแคลนผู้ใดในถิ่นของเขา เพราะแม้ผู้อ่อนแอ เมื่อรวมพลังกัน ย่อมกลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือผู้ล่วงล้ำ”


by