นิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา

ปกนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา

ในหมู่บ้านริมแม่น้ำ มีชาวประมงผู้หนึ่งที่รักในเสียงเพลงพอ ๆ กับการจับปลา เขามักเป่าขลุ่ยในยามว่างและเชื่อมั่นว่าดนตรีมีพลังพิเศษที่สามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตได้

วันหนึ่ง เขาตัดสินใจลองใช้ความไพเราะของเสียงขลุ่ยแทนตาข่ายในการจับปลา แต่สิ่งที่เขาค้นพบกลับเป็นบทเรียนสำคัญที่เขาไม่มีวันลืม… กับนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวประมงผู้หนึ่งรักดนตรีและการเป่าขลุ่ยเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากการจับปลาเพื่อเลี้ยงชีพแล้ว เขายังใช้เวลาว่างเล่นดนตรีให้ตัวเองฟังเสมอ ด้วยความหลงใหลในเสียงเพลง เขาเชื่อว่าดนตรีมีพลังพิเศษ สามารถดึงดูดและสร้างความสุขได้แม้แต่กับสัตว์น้ำในแม่น้ำ

วันหนึ่ง เขานำขลุ่ยติดตัวไปด้วยขณะเดินไปที่ริมแม่น้ำ เขาวางตาข่ายลงข้าง ๆ และพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ข้าจะลองทำสิ่งใหม่ ๆ ถ้าดนตรีสามารถทำให้ผู้คนหลงใหล ทำไมมันจะไม่สามารถดึงดูดปลาได้ล่ะ?”

ชาวประมงยืนบนก้อนหินใหญ่ที่ยื่นออกไปในแม่น้ำ เขาหยิบขลุ่ยขึ้นมาและเริ่มเป่าเพลง ท่วงทำนองที่เขาเล่นนั้นทั้งนุ่มนวลและไพเราะ เสียงขลุ่ยก้องกังวานไปทั่วผืนน้ำ “เจ้าปลาทั้งหลาย ได้โปรดฟังเสียงขลุ่ยของข้าและขึ้นมาจากน้ำเถิด” เขาร้องเรียกในขณะเป่าเพลง แต่ไม่ว่าดนตรีของเขาจะไพเราะเพียงใด น้ำในแม่น้ำยังคงนิ่งสนิท ไม่มีปลาตัวใดตอบสนองต่อเสียงเพลงของเขา

หลังจากเป่าขลุ่ยอยู่นาน เขาหยุดพักและบ่นกับตัวเองว่า “บางทีเพลงนี้อาจไม่ถูกใจพวกมัน ข้าคงต้องเป่าให้ไพเราะกว่านี้” เขาหยิบขลุ่ยขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขาเป่าด้วยท่วงทำนองที่สนุกสนานและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา “เจ้าปลาทั้งหลาย นี่คือเพลงที่ดีที่สุดของข้า เจ้าไม่อยากขึ้นมาชมข้างบนนี้หน่อยหรือ?” เขาเรียกอย่างกระตือรือร้น

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา 2

แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนจังหวะและความพยายามแค่ไหน ปลาในแม่น้ำก็ยังคงอยู่ใต้ผืนน้ำ ไม่มีตัวไหนโผล่ขึ้นมาแม้แต่น้อย เขายืนมองน้ำด้วยความผิดหวัง และพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าเสียงเพลงจะไม่ใช่สิ่งที่ปลาอยากได้ ข้าหวังดีแท้ ๆ แต่เจ้ากลับเมินเฉยต่อความพยายามของข้า”

ด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาวางขลุ่ยลงและหยิบตาข่ายของเขาขึ้นมาแทน “ถ้าดนตรีใช้ไม่ได้ผล งั้นข้าก็ต้องใช้วิธีเก่าที่ไม่ต้องการเสียงเพลงอะไรแล้ว” เขาพูดพลางหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มทอดแหลงไปในแม่น้ำ เพียงไม่นาน เขาจับปลาได้มากมายจนตาข่ายของเขาแทบจะเต็ม ปลาถูกดึงขึ้นมาบนบกและดิ้นพล่านไปมาเพื่อพยายามหลุดออก

ชาวประมงมองดูปลาเหล่านั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งขำขันและเสียดาย “เจ้าเต้นกันเก่งจริง ๆ ตอนนี้ แต่ตอนที่ข้าเล่นเพลงให้ฟังอย่างไพเราะ เจ้ากลับเมินเฉยเสียสิ้น มันสายไปแล้ว การเต้นตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”

หลังจากนั้น ชาวประมงนำปลากลับบ้านพร้อมกับบทเรียนสำคัญที่เขาได้เรียนรู้ในวันนั้น เขามองขลุ่ยของเขาแล้วพูดเบา ๆ กับตัวเอง “ดนตรีอาจมีพลังในบางสถานการณ์ แต่บางครั้งสิ่งที่ต้องใช้คือวิธีที่ตรงจุด ไม่ใช่แค่ความงดงามเพียงอย่างเดียว”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การคาดหวังผลสำเร็จจากวิธีที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ อาจนำไปสู่ความล้มเหลว และโอกาสที่ดีมักมาถึงในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนที่ไม่ตอบสนองในเวลานั้นอาจพลาดสิ่งสำคัญในชีวิตไป นอกจากนี้ยังเตือนว่า ความพยายามที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติหรือความต้องการของผู้อื่น ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวัง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องชาวประมงกับขลุ่ยของเขา (อังกฤษ: The Fisherman and his Flute) ปรากฏอยู่ในนิทานอีสป ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 11 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)

นิทานเรื่องนี้มีรูปแบบต่าง ๆ มากมายตลอดหลายศตวรรษ ในสมัยคลาสสิก นิทานเรื่องนี้ปรากฏเฉพาะในแหล่งข้อมูลของกรีกเท่านั้น โดยเฉพาะใน Histories of Herodotus ซึ่งไซรัสผู้เยาว์ได้นำไปใช้กับทูตกรีกที่ยอมจำนนต่อเขาช้าเกินไป จึงเล่ามาเป็นนิทานเรื่องนี้เล่าถึงชาวประมงที่ส่งเสียงร้องไปที่ปลาเพื่อให้มันเต้นรำ เมื่อปลาไม่ยอมทำตาม เขาก็จับปลาด้วยตาข่ายและล้อเลียนความทุกข์ทรมานของพวกมันว่า “สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา เจ้าไม่ยอมเต้นรำให้ข้าดูก่อน และตอนนี้ข้าไม่เล่นแล้ว เจ้าก็เต้นรำให้ข้าดู” ในบริบทนี้ นิทานเรื่องนี้ได้รับความหมายทางการเมืองว่า ผู้ที่ปฏิเสธผลประโยชน์เมื่อได้รับครั้งแรกจะไม่ได้รับอะไรเลยหากทำในสิ่งที่ขอเมื่อถูกบังคับ

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com