นิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า

ปกนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า

ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ทุกชีวิตต่างต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากความโหดร้ายของธรรมชาติ ชาวนาผู้หนึ่งเดินทางกลับบ้านหลังจากทำงานในไร่ของเขา ท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว เขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตายเพราะความหนาวเหน็บ

ด้วยความเมตตาในใจของเขาทำให้เขาตัดสินใจช่วยชีวิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นกลับกลายเป็นบทเรียนอันขมขื่นที่เขาไม่มีวันลืม… กับนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ ทุ่งหิมะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนา และลมเย็นพัดผ่านอย่างไม่ปรานี ชาวนาผู้หนึ่งกำลังเดินกลับบ้านหลังจากทำงานในไร่ เขาห่มผ้าหนาเพื่อกันลมหนาวและพยายามก้าวเดินอย่างช้า ๆ ขณะเดินผ่านทาง เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกองหิมะ เมื่อมองเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าสิ่งนั้นคืองูเห่าตัวหนึ่ง งูดูเหมือนจะใกล้ตายจากความหนาวเย็น ร่างของมันแข็งทื่อและแทบไม่ขยับ

“โอ้ สัตว์น้อยน่าสงสาร” ชาวนาพูดขึ้น “เจ้าคงจะตายแน่ถ้าต้องอยู่ตรงนี้ต่อไป ความหนาวเย็นไม่ปรานีใครเลย” เขายืนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า “ข้าจะช่วยชีวิตมัน แม้เจ้าจะเป็นงูเห่า แต่ทุกชีวิตก็ควรมีโอกาสอยู่รอด”

ชาวนาจึงหยิบงูเห่าขึ้นมาจากพื้นด้วยความระมัดระวัง เขาห่อมันด้วยผ้าคลุมของเขาเพื่อให้ความอบอุ่น “อย่ากลัวไปเลย เจ้าจะปลอดภัยในมือข้า” เขาพูดเบา ๆ กับงูที่ยังไม่ตอบสนองใด ๆ

เมื่อมาถึงบ้าน ชาวนาจุดไฟในเตาผิงให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองและงู เขาวางงูไว้ใกล้เตาผิงเพื่อให้มันคลายหนาว และพูดกับงูว่า “เจ้าโชคดีที่ข้าเดินผ่านมา ไม่เช่นนั้นเจ้าคงแข็งตายไปแล้ว รอให้เจ้าอุ่นขึ้นก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”

ผ่านไปไม่นาน ความอบอุ่นจากไฟทำให้งูเห่าเริ่มเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง มันฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและเริ่มเลื้อยไปรอบ ๆ ชาวนาเห็นดังนั้นก็ดีใจ “ดูสิ เจ้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว! ข้ายินดีที่ได้ช่วยเจ้าไว้”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า 2

แต่แทนที่งูเห่าจะสำนึกในบุญคุณ งูกลับพุ่งเข้าไปกัดมือของชาวนาอย่างรวดเร็ว ชาวนาร้องด้วยความเจ็บปวด “เจ้าทำอะไรน่ะ! ข้าช่วยชีวิตเจ้าแท้ ๆ แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าด้วยการทำร้าย!”

งูเลื้อยกลับไปมองชาวนาด้วยสายตาเยือกเย็นและกล่าวว่า “อย่าโทษข้าเลยมนุษย์ เจ้าย่อมรู้ตั้งแต่แรกว่าข้าคืองูเห่า เจ้าช่วยข้าโดยรู้ว่าอันตรายอาจเกิดขึ้น แต่เจ้ายังเลือกที่จะทำเอง”

ชาวนาทรุดลงกับพื้น เขาจับแขนตัวเองที่ถูกกัดและรู้ว่าเห่ากำลังแพร่กระจายไปทั่วร่าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ “ข้าได้รับสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว สำหรับการแสดงความเมตตาต่อสิ่งชั่วร้าย!”

ไม่นานนัก ชาวนาก็สิ้นลมหายใจ งูเห่าเลื้อยออกไปจากบ้านอย่างไม่รู้สึกผิด ทิ้งเพียงบทเรียนอันขมขื่นไว้เบื้องหลัง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าแสดงความเมตตาต่อผู้ที่ไม่สมควรได้รับ เพราะพวกเขาอาจตอบแทนด้วยการทำร้ายแทนที่จะสำนึกบุญคุณ และจงระวังในการตัดสินใจช่วยเหลือผู้อื่น ควรพิจารณาให้รอบคอบถึงธรรมชาติและเจตนาของพวกเขา มิฉะนั้น ความเมตตาอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า (อังกฤษ: The Farmer and the Viper) เป็นนิทานอีสปที่ได้รับความนิยมอย่างมากรวมถึงในไทยด้วยถูกเล่าขานเป็นเรื่องเล่าและเพลงอีกด้วย ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 176 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้มีคติสอนใจว่าความดีต่อความชั่วจะนำมาซึ่งการทรยศหักหลัง และเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า “เลี้ยงงูพิษไว้ในอก”

“ข้าได้รับสิ่งที่สมควรแล้ว สำหรับความเมตตาที่มอบให้กับคนชั่ว!”

โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวนาที่พบว่างูพิษตัวหนึ่งกำลังแข็งตัวอยู่ในหิมะ เขาสงสารงูพิษ จึงหยิบมันขึ้นมาแล้วใส่ไว้ในเสื้อคลุม งูพิษซึ่งฟื้นขึ้นมาด้วยความอบอุ่นจึงกัดผู้ช่วยชีวิตของเขา ซึ่งเสียชีวิตโดยรู้ตัวว่าเป็นความผิดของเขาเอง เรื่องนี้บันทึกไว้ในทั้งภาษากรีกและละติน ในภาษากรีก ชาวนาเสียชีวิตโดยตำหนิตัวเองว่า “สงสารคนชั่วร้าย” ในขณะที่ในเวอร์ชันของ Phaedrus งูพิษกล่าวว่าเขากัดผู้มีพระคุณของตน “เพื่อสอนบทเรียนว่าอย่าคาดหวังผลตอบแทนจากคนชั่ว” และกลายเป็นบทเรียนสอนใจในนิทานยุคกลาง ยังมีนิทานอีสปอีกเรื่องที่ชื่อคล้ายกันแต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนกันกับนิทานอีสปเรื่องงูกับชาวนา

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com