ในโลกแห่งท้องฟ้ากว้างใหญ่ นกอินทรีผู้สง่างามครองอำนาจในฐานะเจ้าแห่งนภา ด้วยปีกที่แข็งแรงและสายตาอันเฉียบคม มันเป็นนักล่าที่ไม่มีใครเทียบได้ ทุกชีวิตในป่าต่างยำเกรงมัน ทำให้มันกลายเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดบนห่วงโซ่อาหาร
แต่วันหนึ่ง ความแข็งแกร่งที่มันภาคภูมิใจกลับไม่สามารถปกป้องมันจากอันตรายได้ และสิ่งที่ทำให้มันล้มลง กลับเป็นสิ่งที่มาจากตัวเอง โดยมันเคยคิดว่าไร้ค่า เรื่องราวนี้คือบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความประมาทและผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนคืน… กับนิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับลูกธนู
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับลูกธนู
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่ากว้างใหญ่ นกอินทรีผู้สง่างามบินโฉบอยู่เหนือยอดไม้สูง ด้วยกรงเล็บแหลมคมและพละกำลังอันมหาศาล มันถูกขนานนามว่าเจ้าแห่งนภา สัตว์ทุกตัวต่างยำเกรงในพลังของมัน ไม่มีสิ่งใดดูเหมือนจะทำอันตรายมันได้
วันหนึ่ง ท้องฟ้าสีครามสดใส นกอินทรีกำลังบินวนอยู่เหนือทุ่งหญ้า มันมองหาสัตว์ตัวเล็ก ๆ เพื่อเป็นอาหารสำหรับวันนั้น ขณะนั้นเอง มันเห็นกระต่ายตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ นกอินทรีพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความแม่นยำ หวังจะคว้าเหยื่อด้วยกรงเล็บอันทรงพลัง
แต่ในเสี้ยววินาที ขณะที่มันกำลังโฉบลงมาหากระต่าย เสียงสายธนูดังขึ้น “ฟิ้ว!” ลูกธนูจากนักล่าที่ซ่อนตัวอยู่พุ่งตรงมาหานกอินทรี มันพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ลูกธนูก็เร็วเกินไป ปักเข้าที่ปีกซ้ายของมันอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นผ่านทั้งร่างกาย นกอินทรีส่งเสียงร้องดังลั่นก่อนจะเสียการทรงตัวและร่วงลงมากระแทกพื้นดิน
“เกิดอะไรขึ้น… ข้าถูกทำร้ายอย่างนั้นหรือ?” นกอินทรีพึมพำกับตัวเอง มันพยายามดิ้นรน ลากร่างของตัวเองไปใต้ร่มไม้เพื่อหลบภัย ก่อนจะใช้จะงอยปากดึงลูกธนูออกจากปีกของมันอย่างยากลำบาก
เมื่อมันดึงลูกธนูออกมาและมองใกล้ ๆ มันต้องตกใจอย่างมาก ลูกธนูนั้นทำจากไม้ธรรมดา แต่ที่ปลายลูกธนูกลับประดับด้วยขนนกที่งดงาม ซึ่งเป็นขนนกของมันเอง!
“โอ้… ขนนกนี้… นี่มันเป็นขนของข้าเอง!” นกอินทรีร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ มันจ้องมองขนนกด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเคยคิดว่าขนเหล่านี้ไม่มีค่า ข้าเคยปล่อยให้มันร่วงหล่นไปโดยไม่สนใจ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธที่ทำร้ายข้าเอง”
มันพยายามลุกขึ้นยืน แม้จะเจ็บปวด แต่มันก็อดพูดต่อด้วยเสียงที่สั่นเครือไม่ได้ “โอ้! ข้าคือเจ้าแห่งนภา ผู้เคยแข็งแกร่งและไม่มีใครทำร้ายได้ แต่วันนี้ข้าต้องมาถูกทำร้ายโดยลูกธนูที่สร้างขึ้นจากขนนกของตัวข้าเอง ข้าไม่อาจโทษใครได้ นอกจากตัวข้าที่เคยคิดว่าขนนกของข้านั้นไร้ค่า”
นกอินทรีนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ มันรับรู้ได้ว่าความประมาทของมันเองเป็นต้นเหตุของการล้มเหลวครั้งนี้ และแม้จะมีพลังมากเพียงใด แต่ความประมาทสามารถทำให้ทุกสิ่งพังทลายได้ในพริบตา
“บางที… ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่พละกำลัง แต่อยู่ที่การรู้จักปกป้องตัวเองจากสิ่งเล็กน้อยที่เรามองข้าม” นกอินทรีพึมพำก่อนจะหลับตาลงด้วยความเสียใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความประมาทและการมองข้ามสิ่งเล็กน้อยที่ดูเหมือนไม่สำคัญ อาจนำมาซึ่งผลเสียร้ายแรงในอนาคต และบางครั้ง ความเสียหายที่เราเผชิญ อาจเกิดจากสิ่งที่เราเองเป็นผู้มอบหรือปล่อยให้ผู้อื่นนำไปใช้โดยไม่ทันระวัง นอกจากนี้ยังเตือนว่า พลังและความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากปราศจากความรอบคอบและการปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับลูกธนู (อังกฤษ: The Eagle Wounded by an Arrow) สถานการณ์ของอินทรีที่บาดเจ็บจากลูกศรที่นำขนมาเองนั้นถูกกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลกรีกโบราณหลายแห่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 276 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) โดยทั่วไปแล้วจะใช้กล่าวถึงความทุกข์ใจจากการตระหนักว่าตนเองได้มีส่วนทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ แต่ยังใช้เป็นคำเตือนถึงความเย่อหยิ่งของการพึ่งพาตนเองได้อีกด้วย
การถูกหักหลังจากสิ่งที่เป็นของตนเองนั้นช่างขมขื่นยิ่งนัก