นิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก

ปกนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก

ในป่ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นกอินทรีผู้สง่างามครองท้องฟ้า ส่วนจิ้งจอกผู้ฉลาดดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นดิน แม้ทั้งสองจะต่างสายพันธุ์ แต่พวกมันกลับมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและเคยให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะไม่ทำร้ายกัน

แต่เมื่อความหิวโหยและความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำ คำมั่นนั้นกลับถูกทำลาย และเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการหักหลังและบทเรียนที่ยากจะลืมเลือน… กับนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ นกอินทรีผู้สง่างามและจิ้งจอกผู้ฉลาดเป็นเพื่อนกัน พวกมันต่างเคารพซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะมีชีวิตที่แตกต่างกันก็ตาม

ทั้งสองตกลงกันว่า “เราจะไม่ทำร้ายกัน และจะช่วยเหลือกันหากอีกฝ่ายต้องการ” ด้วยคำมั่นสัญญานี้ มิตรภาพของพวกมันจึงดูมั่นคงและสงบสุข

วันหนึ่ง นกอินทรีกำลังบินวนอยู่เหนือป่า มันกำลังมองหาอาหารสำหรับลูกของมันที่อยู่ในรังบนต้นไม้สูง ขณะนั้นเอง มันเหลือบไปเห็นรังของจิ้งจอกที่อยู่ใกล้ ๆ และเห็นลูกจิ้งจอกตัวน้อย ๆ นอนอยู่อย่างไร้ทางสู้ ด้วยความหิวและความคิดที่ว่าไม่มีใครทำอะไรตนได้ นกอินทรีจึงฉวยโอกาสบินโฉบลงมาและจับลูกจิ้งจอกไปที่รังของตน

จิ้งจอกกลับมาที่รังและพบว่าลูกของมันหายไป มันสังเกตเห็นรอยกรงเล็บของนกอินทรีและได้ยินเสียงร้องของลูกมันจากบนต้นไม้สูง

จิ้งจอกจึงรีบไปยังโคนต้นไม้และร้องตะโกนขึ้นไป “นกอินทรี เพื่อนรักของข้า เจ้าได้ลืมคำมั่นสัญญาของเราหรืออย่างไร? ทำไมเจ้าจึงทำร้ายลูกของข้าได้ถึงเพียงนี้? ขอร้องล่ะ ได้โปรดคืนลูกของข้าให้ข้าเถิด”

แต่แทนที่นกอินทรีจะรับฟัง มันกลับตอบด้วยเสียงเรียบเย็น “ข้าขอโทษนะเพื่อน ข้าจำเป็นต้องเลี้ยงลูกของข้า และลูกของเจ้าก็เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับพวกมันมาก”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก 2

จิ้งจอกทั้งเศร้าและโกรธ มันรู้ตัวว่าตนไม่สามารถปีนขึ้นไปถึงรังของนกอินทรีได้ แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ ด้วยความเฉลียวฉลาด มันเริ่มคิดแผนการแก้แค้น จิ้งจอกรีบออกเดินทางไปที่หมู่บ้านของมนุษย์ มันแอบเข้าไปใกล้กองไฟของชาวบ้านและคาบคบเพลิงที่มีไฟลุกโชน จากนั้นมันกลับมาที่โคนต้นไม้และใช้คบเพลิงนั้นจุดไฟเผากองใบไม้และกิ่งไม้แห้งที่อยู่รอบต้น

เมื่อนกอินทรีเห็นว่าไฟกำลังเผารังของมันและไข่ของลูก ๆ มันตกใจและพยายามจะดับไฟ แต่มันทำอะไรไม่ทัน นกอินทรีจึงต้องทิ้งไข่ของมันเพื่อหนีเอาชีวิตรอด

เมื่อไฟดับลง จิ้งจอกพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าเห็นหรือยังว่าสิ่งที่เจ้าได้ทำกับข้า มันย้อนกลับมาหาเจ้าอย่างไร? ข้าต้องเสียลูกของข้าไปเพราะความโลภของเจ้า และตอนนี้เจ้าเองก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกับข้า”

นกอินทรีเงียบไปด้วยความสำนึกผิด มันรู้แล้วว่าการหักหลังเพื่อนและการทำร้ายโดยไม่คำนึงถึงคำมั่นสัญญาได้นำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก 3

นิทานเรื่องนี้สอนห้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การหักหลังคำมั่นสัญญาและมิตรภาพ อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายเกินกว่าที่เราคาดคิด และการกระทำที่โหดร้ายหรือไร้ความเห็นใจต่อผู้อื่น มักจะย้อนกลับมาสร้างความเสียหายให้กับตัวเราเอง นอกจากนี้ยังเตือนให้เราระลึกเสมอว่า มิตรภาพและความไว้วางใจเป็นสิ่งที่ต้องรักษา เพราะเมื่อสูญเสียไปแล้วอาจไม่สามารถฟื้นคืนมาได้

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องอินทรีกับจิ้งจอก (อังกฤษ: The Eagle and the Fox) เป็นนิทานเกี่ยวกับมิตรภาพที่ถูกทรยศและล้างแค้น ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 1 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) มีหลายเวอร์ชั่น แต่ต้นฉบับคือ อินทรีผูกมิตรกับจิ้งจอกแต่ต่อมามันได้กินลูกจิ้งจอกไป เนื่องจากอินทรีไม่มีอำนาจเหนืออินทรี จิ้งจอกจึงได้อธิษฐานขอความยุติธรรมจากเทพเจ้า วันหนึ่งขณะที่เนื้อบนเครื่องบูชากำลังถูกเผาบนแท่นบูชา อินทรีก็บินลงมาและคว้าเนื้อที่กำลังร้อนจัดนั้นไปส่งให้ลูกนก เนื้อนั้นร้อนมากจนทันทีที่ลูกนกกินเข้าไป พวกมันก็ตาย

นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของคนชั่วและทรงอำนาจจะไม่สามารถล้างแค้นได้โดยตรง แต่เหล่าเทพเจ้าจะลงโทษคนเหล่านั้นตามคำวิงวอนของเหยื่ออย่างแน่นอน ตามความเชื่อคนโบราณ

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com