ในป่ากว้างใหญ่ที่นกอินทรีผู้สง่างามครองท้องฟ้าอย่างภาคภูมิใจ มันเป็นเจ้าแห่งนภาที่สัตว์ทุกตัวเกรงกลัว กรงเล็บอันแหลมคมและพละกำลังของมันเป็นที่ยำเกรงไปทั่ว มันเป็นผู้ล่าที่โหดเหี้ยมพร้อมพุ่งเข้าใส่อย่างไม่เลือกหน้า
แต่ท่ามกลางสัตว์ที่ดูเล็กและอ่อนแอกว่า ด้วงตัวน้อยกลับมีหัวใจที่กล้าหาญ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความยุติธรรมและผลของการกระทำ… กับนิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับด้วง
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับด้วง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ที่สงบสุข มีนกอินทรีผู้สง่างามครองท้องฟ้าในฐานะราชาแห่งนภา นกอินทรีใช้ชีวิตอย่างมั่นใจในพละกำลังและอำนาจของตนเอง โดยมองว่าสัตว์อื่น ๆ ล้วนแต่ด้อยกว่า วันหนึ่ง นกอินทรีบินวนอยู่เหนือทุ่งหญ้าเพื่อหาอาหาร มันมองเห็นกระต่ายตัวหนึ่งกำลังเล่นอย่างไร้กังวล นกอินทรีพุ่งลงไปด้วยความรวดเร็วและจับกระต่ายไว้ในกรงเล็บอันแข็งแกร่ง
กระต่ายร้องขอชีวิต “ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีเพื่อนและครอบครัวที่รอข้าอยู่ อย่าทำร้ายข้าเลย” แต่นกอินทรีหัวเราะและตอบด้วยความเย้ยหยัน “เจ้ามันอ่อนแอเกินไปที่จะต่อกรกับข้า ข้าไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยเจ้าไป!” จากนั้นมันก็บินกลับไปที่รังพร้อมกับกระต่ายและกินกระต่ายจนหมดเกลี้ยง
ด้วงตัวเล็ก ๆ ที่เป็นเพื่อนสนิทของกระต่ายเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันโกรธและเศร้าอย่างมาก ด้วงคิดในใจว่า “เจ้ากระต่ายที่แสนดีของข้าถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี ข้าจะไม่ปล่อยให้นกอินทรีลอยนวลไปกับสิ่งที่มันทำ ข้าจะล้างแค้นให้เพื่อนของข้า แม้ว่าข้าจะตัวเล็กเพียงใดก็ตาม!”
ด้วงเริ่มวางแผนแก้แค้น มันแอบบินไปที่รังของนกอินทรีและซ่อนตัว เมื่อเวลาผ่านไป นกอินทรีวางไข่ในรัง ด้วงจึงปีนขึ้นไปบนรังและผลักไข่ของนกอินทรีตกลงมาจนแตกหมด นกอินทรีกลับมาเห็นรังของตัวเองว่างเปล่าก็โกรธและตกใจ มันคิดว่าอาจเป็นลมพัดแรงหรือเหตุบังเอิญ แต่มันไม่ยอมแพ้ มันย้ายรังไปที่หน้าผาที่สูงกว่าเดิม เพื่อให้ไข่อยู่ในที่ปลอดภัย
แต่ด้วงตัวเล็ก ๆ ก็ยังคงตามไป มันใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อปีนขึ้นไปถึงรังอีกครั้ง และผลักไข่ของนกอินทรีตกลงมาอีก นกอินทรีเริ่มหวาดหวั่นและสงสัยว่ามีบางสิ่งกำลังลอบทำลายไข่ของมันอยู่ มันจึงตัดสินใจย้ายรังไปที่ต้นไม้สูงใกล้ท้องฟ้า เพื่อให้เป็นที่ปลอดภัยที่สุด
แต่ด้วงที่ไม่ลดละยังคงหาวิธีไปถึงรังนั้นอีกจนได้ มันผลักไข่ตกลงมาเหมือนเดิม นกอินทรีจึงหมดความอดทนและตะโกนขึ้น “ใครกันที่กล้าทำลายไข่ของข้า! เจ้าเป็นใครกันแน่!”
ด้วงบินออกจากที่ซ่อนและกล่าวด้วยเสียงเล็ก ๆ แต่หนักแน่น “ข้าเอง เจ้าจำไม่ได้หรือว่าเจ้าฆ่าเพื่อนของข้า เจ้ากระต่ายผู้แสนดีที่เคยมีชีวิตอย่างสงบสุข? เจ้าทำลายชีวิตมันโดยไม่ฟังคำวิงวอน และนี่คือผลที่เจ้าสมควรได้รับ!”
นกอินทรีตกใจและตอบ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าตัวเล็กเช่นนี้จะทำอะไรข้าได้”
ด้วงยิ้มและกล่าว “แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็อาจพบวิธีแก้แค้นสิ่งที่ผิดได้ ข้าตัวเล็กก็จริง แต่ความยุติธรรมไม่ขึ้นอยู่กับขนาดหรือพลังของผู้ใด หากเจ้าทำสิ่งที่ผิด เจ้าก็ต้องรับผลของมัน” พูดเสร็จด้วงก็มุดดินหายไปต่อหน้าต่อตานกอินทรี
นกอินทรีที่เคยหยิ่งผยองตระหนักถึงความผิดพลาดของตน มันก้มหน้าด้วยความละอายและยอมรับว่าแม้จะมีพลังและอำนาจมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรใช้สิ่งนั้นทำร้ายผู้อื่นโดยไร้เหตุผล
ตั้งแต่นั้นมา นกอินทรีก็ไม่กล้าทำร้ายสัตว์ตัวเล็กอีก และด้วงก็กลับไปใช้ชีวิตของมันอย่างสงบสุข พร้อมกับความภาคภูมิใจที่ได้ล้างแค้นให้เพื่อนรักของมัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทในความสามารถของผู้ที่ดูเหมือนจะอ่อนแอหรือด้อยกว่าตนเอง เพราะพวกเขาอาจมีปัญญาและความพยายามมากพอที่จะตอบโต้ความอยุติธรรมได้ และ ความโหดร้ายหรือการใช้อำนาจในทางที่ผิด อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เจ็บปวดกลับมาหาตัวเราเองในที่สุด นอกจากนี้ยังสอนว่า แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดและเรียกร้องความยุติธรรมได้ หากมีความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องนกอินทรีกับด้วง (อังกฤษ: The Eagle and the Beetle) เป็นเรื่องราวการทะเลาะวิวาทกันระหว่างนกอินทรีกับด้วงเป็นนิทานอีสปเรื่องหนึ่งที่มักถูกกล่าวถึงในสมัยคลาสสิก ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 3 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) และกลายเป็นเรื่องที่เล่าขานกันทั่วไป แม้ว่าจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ในทั้งสองกรณี นกอินทรีเชื่อว่าตนเองอยู่จุดสูงสุดและปลอดภัยจากการถูกลงโทษจากการกระทำรุนแรง และถูกลงโทษด้วยการทำลายไข่แทน
แม้แต่ผู้ที่ดูอ่อนแอและไร้พลังที่สุด หากหมดหนทางและมีความมุ่งมั่น ก็สามารถโค่นล้มผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้