ปกนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา

นิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา

บางคนไม่ได้เก่ง… แต่เสียงดัง บางคำไม่ได้จริง… แต่พูดบ่อย และบางการถอยของคนอื่น
ไม่ได้แปลว่าเขากลัวแต่อาจแค่ “รังเกียจจะต่อสู้ด้วย”

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยแมลงตัวเล็กที่หลงในฤทธิ์เบียร์ และคิดว่าคำดูถูกของตน… คือการประกาศศักดิ์ศรี ทั้งที่ไม่มีใครต้องการฟังเลยแม้แต่คำเดียว กับนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางชายป่าในฤดูร้อน มีภาชนะดินเผาใบหนึ่งถูกทิ้งไว้ริมพุ่มไม้ ภายในยังมีเบียร์พื้นบ้านเหลืออยู่ครึ่งหม้อ กลิ่นหวานของมันอบอวลไปทั่ว จนแม้แต่แมลงเล็ก ๆ ก็ยังอดหันมาเหลียวมอง

ด้วงตัวหนึ่งที่บินผ่านพอดีได้กลิ่นเบียร์ก็กระพือปีกเข้ามาใกล้ มันลงเกาะที่ขอบหม้อแล้วค่อย ๆ ไต่ลงไปยังหยดเบียร์ที่หกอยู่รอบ ๆ ดิน

“กลิ่นหอมดีนี่นา… เย็นลิ้นด้วย” มันคิดในใจ แล้วก็เริ่มเลียหยดเบียร์อย่างเอร็ดอร่อย หยดแล้วหยดเล่า มันไม่ได้สนใจว่าร่างกายเริ่มเซไปมา

เบียร์ที่มันเลียไม่เพียงพาให้มึน แต่พอรวมกันหลายหยดเข้าก็กลายเป็นของแรงเกินตัว

มันเดินไม่ตรง ไต่ไม่ได้แนว และเริ่มหัวเราะเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว

หลังจากเลียเบียร์จนอิ่ม ด้วงตัวนั้นก็คลานออกจากขอบหม้อ มันเดินส่ายไปมาอย่างไร้ทิศทาง และเผลอมุ่งหน้าไปทางริมน้ำ

ระหว่างทาง มันพลาดตกลงไปในกองมูลสัตว์ที่เพิ่งมีสัตว์ใหญ่มาใช้พื้นที่นั้น มูลยังอุ่น และส่งกลิ่นฉุน แต่ด้วงกลับไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันนอนกลิ้งอยู่ในนั้นอย่างเพลิน ๆ

ทันใดนั้นเอง ช้างตัวหนึ่งเดินมาถึงแม่น้ำเพื่อดื่มน้ำตามปกติ มันหยุดยืนใกล้กองมูลเพียงครู่ ก็ต้องยกงวงขึ้นแล้วถอยไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

กลิ่นจากด้วงที่เปื้อนมูลแรงเสียจนช้างไม่อยากอยู่ใกล้

แต่สำหรับด้วง… ภาพที่เห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันหัวเราะเบา ๆ แล้วพึมพำว่า “ดูสิ…เจ้าช้างนั่นถอยหนีข้า ข้าต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา 2

เมื่อเห็นช้างถอยหลังด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ด้วงที่เมาเล็กน้อยแต่หลงตัวเองมาก

กลับเข้าใจไปอีกทาง มันกระพือปีกครึ่งหนึ่งแล้วตะโกนใส่ด้วยเสียงเล็กแต่แข็งกร้าวว่า “นั่นแน่ ๆ ! เจ้าใหญ่โตแต่ใจเสาะนัก กลัวแม้กระทั่งด้วงตัวเดียวเช่นข้า !”

ช้างไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่หันกลับไปดูด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะหันไปสนใจน้ำในแม่น้ำต่อ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ด้วงรู้สึกว่า “มันกลัวจนพูดไม่ออกแน่ ๆ”

มันยืนตรงขอบกองมูลแล้วยกขาคู่หน้า พร้อมประกาศอย่างโอหังว่า “เจ้าอยากรบกับข้าไหมล่ะ ช้างเอ๋ย! ข้าจะชนเจ้าให้ล้ม! เจ้าแค่ตัวใหญ่ แต่ไม่มีน้ำยาอะไรเลย ข้า… เก่งกว่าเจ้า!”

ช้างมองด้วงที่ตะโกนลั่นด้วยสภาพเปื้อนมูลและกลิ่นตุ ๆ ด้วยความรู้สึกทั้งเบื่อและขำในคราวเดียว มันไม่พูดอะไรอีก

แต่ยกงวงขึ้น ปัดมูลจากพื้นให้กระเด็นใส่ด้วงซ้ำอีกกองหนึ่ง แล้วหมุนตัวจากไปอย่างสง่างาม

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของช้างดังแว่วขณะมันเดินกลับเข้าป่า ทิ้งไว้เพียงด้วงตัวเดียวที่เปื้อนทั้งตัวและเปื้อนทั้งใจ

มันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เพราะแพ้การสู้ แต่เพราะไม่มีใครเล่นด้วย และไม่มีใครเห็นว่ามันน่าเกรงขามอย่างที่มันคิดเลย

ยิ่งเงียบ… เสียงที่มันเคยตะโกน ก็ยิ่งสะท้อนใส่ตัวเองดังขึ้นเรื่อย ๆ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… คนบางคนไม่ได้กลายเป็นตัวตลกเพราะใครหัวเราะ แต่เพราะเขายืนยันจะยืนอยู่บนกองสิ่งที่ตัวเองสร้างแล้วเรียกมันว่า “ศักดิ์ศรี”

ด้วงในเรื่องไม่ได้อ่อนแอเพราะตัวเล็ก ไม่ได้พ่ายแพ้เพราะไม่มีเสียง แต่มันล้มเพราะเชื่อในภาพที่ตนสร้างขึ้น โดยไม่ฟังแม้แต่ความจริงที่เงียบที่สุด บางทีความกล้าจริง ๆ ไม่ใช่การตะโกนท้าทาย แต่คือการรู้ว่า “เมื่อไร” ควรเงียบ และ “ใคร” ที่ไม่จำเป็นต้องสู้

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องด้วงขี้เมา (อังกฤษ: The Drunken Beetle) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งมักกล่าวถึงพฤติกรรมที่หลงผิด มองตนเองเกินจริง และไม่รู้เท่าทันความจริงของโลก

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุผู้หนึ่งกล่าวจาบจ้วงครูบาอาจารย์ ทั้งที่ตนยังไม่มีความรู้เพียงพอ พระองค์ทรงได้ยินถ้อยคำนั้น จึงตรัสเล่าย้อนถึงอดีตชาติ ซึ่งพระองค์ได้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งที่เข้าใจผิดในคุณค่าของตน เพราะเพียงได้รับสิ่งเล็ก ๆ ที่เกินกำลัง

ชาดกเรื่องนี้จึงเตือนให้เห็นว่า คนที่หลงตน…ย่อมไม่อาจประเมินโลกได้ตรง และเสียงที่ดังที่สุดในห้วงความเมาใจ คือเสียงที่หลอกตัวเองว่า “เราใหญ่กว่าใครทั้งหมด” ทั้งที่ไม่มีใครสนใจจะต่อสู้ด้วยเลย

“ผู้ที่หลงคิดว่าตนยิ่งใหญ่… มักกลายเป็นเรื่องเล็กในสายตาคนอื่น โดยไม่รู้ตัว”


by