ปกนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก

นิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก

ในโลกที่ความภักดีมักถูกละเลย และความโหดร้ายเกิดขึ้นได้แม้ในเรื่องเล็กน้อย สัตว์สองตัวผู้ถูกทอดทิ้งได้ร่วมสร้างพันธสัญญาแห่งมิตรภาพ

มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งที่เล่าถึงเรื่องราวของสุนัขเลี้ยงแกะผู้หิวโหยกับนกกระจอก ผู้มีจิตใจดี แต่เมื่อมิตรภาพนั้นถูกทำลายลงด้วยความเหี้ยมโหดของมนุษย์ การแก้แค้นที่ตามมาจึงเป็นบทเรียนอันแสนเจ็บปวดที่ต้องแลกมาด้วยทุกสิ่งที่ชายคนหนึ่งมี กับนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสุนัขเลี้ยงแกะตัวหนึ่ง ซึ่งมีเจ้านายที่ไม่เคยใส่ใจมันเลย มักจะปล่อยให้มันต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอย่างแสนสาหัส ในที่สุด มันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงหันหลังวิ่งหนีออกไปอย่างเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง

ระหว่างทาง มันได้พบกับนกกระจอก ตัวหนึ่งซึ่งส่งเสียงถามมันว่า “เจ้าดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน สหายของข้า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ?”

“ข้า… ข้าหิวมากเหลือเกิน ไม่มีอะไรจะกินเลย” สุนัขตอบด้วยเสียงอันแหบแห้ง

“หากเป็นเช่นนั้น” นกกระจอกตอบอย่างรวดเร็ว “จงมากับข้าเถิด เราจะเข้าไปในเมืองข้างหน้า และข้าจะหาอาหารมากมายให้เจ้าได้กิน”

ทั้งสองจึงออกเดินทางไปด้วยกัน และเมื่อมาถึงร้านขายเนื้อ นกกระจอกก็บอกสุนัขว่า “เจ้าจงยืนรออยู่ตรงนี้นิ่ง ๆ สักครู่ จนกว่าข้าจะจิกเนื้อมาให้เจ้า”

นกกระจอกบินขึ้นไปเกาะบนชั้นวางเนื้อ มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จากนั้นมันก็ใช้จะงอยปากจิกและข่วนไปที่เนื้อชิ้นหนึ่งซึ่งวางอยู่ริมขอบชั้นวาง จนในที่สุดเนื้อชิ้นนั้นก็ตกลงมา สุนัขรีบตะครุบเนื้อไว้ แล้ววิ่งหนีไปกินอย่างรวดเร็วในมุมสงบ

“ดีมาก” นกกระจอกกล่าว “ถ้าเจ้าต้องการอีก ข้าก็จะหามาให้! จงตามข้าไปที่ร้านถัดไป แล้วข้าจะจิกเนื้อมาให้ท่านอีกชิ้น”

เมื่อสุนัขกินชิ้นที่สองเสร็จแล้ว นกกระจอกก็ถามว่า “อิ่มแล้วใช่ไหม สหายที่ดีของข้า?”

“ข้าได้กินเนื้ออย่างอิ่มหนำแล้ว” สุนัขตอบ “แต่ข้าอยากได้ขนมปังสักชิ้นมาเคี้ยวต่อจะดีมาก”

“เช่นนั้นก็มากับข้าเถิด” นกกระจอกกล่าว “แล้วเจ้าจะได้มันอย่างแน่นอน”

มันพาสุนัขไปยังร้านขนมปัง และจิกไปที่ขนมปังสองก้อนที่วางอยู่ในหน้าต่างจนมันตกลงมา และเมื่อสุนัขยังอยากได้อีก นกกระจอกก็พาไปยังร้านอื่นและจิกขนมปังมาให้อีก เมื่อสุนัขกินจนหมด นกกระจอกก็ถามว่าพอแล้วหรือไม่

“พอแล้ว” สุนัขตอบ “ตอนนี้เราออกไปเดินเล่นนอกเมืองสักหน่อยดีกว่า”

ทั้งสองเดินออกไปยังถนนใหญ่ แต่เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว พวกเขาเดินไปได้ไม่นาน สุนัขก็กล่าวว่า “ข้าเหนื่อยมาก ข้าอยากจะงีบหลับสักหน่อย”

“ได้เลย” นกกระจอกตอบ “เจ้าจงพักผ่อนตามสบาย ส่วนข้าจะเกาะอยู่บนพุ่มไม้ตรงนั้นคอยดูต้นทางให้”

สุนัขจึงยืดตัวนอนแผ่ลงบนถนน และผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่มันหลับอยู่นั้นชายขับเกวียน ผู้หนึ่งก็ขับรถเกวียนบรรทุกไวน์สองถัง โดยมีม้าสามตัวลากมา นกกระจอกเห็นว่าชายขับเกวียนไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางเลย แต่จะขับตรงไปบนทางที่สุนัขกำลังนอนอยู่ ซึ่งจะทับร่างของมันอย่างแน่นอน นกกระจอกจึงร้องเตือนเสียงดัง “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! ท่านคนขับเกวียน มิฉะนั้นเจ้าจะต้องเจอเรื่องร้าย!”

แต่ชายขับเกวียนพึมพำด้วยความไม่พอใจ “เจ้าทำเรื่องร้ายให้ข้าอย่างนั้นรึ?อย่างเจ้ารึ! เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

เขาตวัดแส้ และขับรถเกวียนของเขาทับร่างสุนัขผู้น่าสงสารจนตาย ล้อเกวียนบดขยี้มันจนสิ้นใจ

“ดูเอาเถิด!” นกกระจอกร้องลั่น “เจ้าคนโหดเหี้ยม! เจ้าฆ่าสหายของข้า! จงจำไว้! การกระทำของเจ้าจะต้องแลกด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี!”

“ทำตามใจเจ้าเถิด” ชายโฉดตอบ “ข้าจะต้อนรับความเลวร้ายของเจ้าอย่างเต็มที่ อย่างเจ้าจะทำอันตรายอะไรข้าได้?”

แล้วเขาก็ขับเกวียนต่อไป

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก 2

ชายขับเกวียนขับรถผ่านไปอย่างไม่แยแส แต่นกกระจอกบินตามไปอย่างรวดเร็ว มันมุดเข้าไปใต้ผ้าใบคลุมเกวียน แล้วใช้จะงอยปากจิกไปที่จุกปิดถังไวน์ถังแรกจนกระทั่งมันหลุดออก ไวน์ทั้งหมดจึงไหลทะลักออกมาโดยที่ชายขับเกวียนไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งเขาหันกลับไปมอง และเห็นว่ารถเกวียนเปียกชุ่ม และถังไวน์นั้นว่างเปล่า

“ข้าช่างเป็นคนโชคร้ายอะไรอย่างนี้!” ชายขับเกวียนร้องลั่น

“ยังไม่วิบัติพอหรอก!” นกกระจอกส่งเสียงตอบขณะบินไปเกาะบนศีรษะของม้าตัวแรก และเริ่มจิกที่ศีรษะมันจนม้าผงกหัวขึ้นและเตะด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อชายขับเกวียนเห็นดังนั้น เขาก็ดึงขวานออกมาและเงื้อฟันใส่นกกระจอกเพื่อจะฆ่ามัน แต่นกกระจอกก็บินหนีไปได้ และขวานนั้นก็พลาดฟันลงไปบนศีรษะของม้าผู้น่าสงสารอย่างแรงแทน จนม้าตัวนั้นล้มลงตาย

“ข้าช่างโชคร้ายเหลือเกิน!” เขาครวญคราง

“ยังไม่วิบัติพอหรอก!” นกกระจอกกล่าว

ขณะที่ชายขับเกวียนขับรถต่อไปด้วยม้าอีกสองตัว นกกระจอกก็มุดเข้าไปใต้ผ้าใบคลุมอีกครั้ง และจิกจุกปิดถังไวน์ถังที่สองจนหลุด ทำให้ไวน์ทั้งหมดรั่วไหลออกมา เมื่อชายขับเกวียนเห็นเช่นนั้น

เขาก็ร้องขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าช่างโชคร้ายที่สุด!”

แต่นกกระจอกตอบว่า “ยังไม่วิบัติพอหรอก!” และบินไปเกาะบนศีรษะม้าตัวที่สอง แล้วจิกมัน ชายขับเกวียนรีบวิ่งไปและใช้ขวานฟันใส่นกอีกครั้ง แต่นกก็บินหนีไป และขวานก็พลาดฟันลงไปที่ม้าตัวที่สองทำให้มันตายทันที

“โอ๊ย! ข้าช่างโชคร้ายเหลือเกิน!” เขาคร่ำครวญอีก

“ยังวิบัติไม่พอหรอก!” นกกระจอกกล่าว และบินไปเกาะบนศีรษะม้าตัวที่สาม และเริ่มจิกมัน ชายขับเกวียนโกรธจนแทบคลั่ง และโดยไม่มองรอบตัวเลย เขาฟันขวานใส่ด้วยความมุ่งร้าย แต่มันก็ฟันพลาดโดนม้าตัวที่สาม และก็ตายเหมือนกับสองตัวก่อนหน้า

“โอ้ย! อนิจจา! ข้าช่างโชคร้ายเหลือเกิน!” เขาตะโกน

“ยัง ยังไม่วิบัติพอหรอก!” นกกระจอกตอบขณะที่มันบินหนีไป “ตอนนี้ ข้าจะตามไปก่อกวนและลงโทษเจ้าถึงที่บ้าน!”

ในที่สุด ชายขับเกวียนก็ถูกบังคับให้ละทิ้งเกวียนไว้ และต้องเดินกลับบ้านด้วยความโกรธแค้นและเจ็บใจ เมื่อเขาไปถึงบ้าน เขาก็บอกภรรยาด้วยความกราดเกรี้ยว “อนิจจา! ข้าเจอแต่เรื่องโชคร้าย! ไวน์ของข้าหกหมด และม้าของข้าตายไปทั้งสามตัว”

“สามีที่รัก! และนกชั่วร้ายตัวหนึ่งก็บุกเข้ามาในบ้าน และมันคงนำนกทั้งหมดในโลกมาด้วยเป็นแน่ พวกมันพากันลงมากินข้าวเปลือกในยุ้งฉางของเรา และกำลังกินมันอย่างรวดเร็ว!” ภรรยาของคนขับเกวียนกล่าว

สามีรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน และเห็นนกนับพันตัวเกาะอยู่บนพื้นกำลังกินข้าวเปลือกของเขา โดยมีนกกระจอกตัวเดิมอยู่กลางฝูง เขาเห็นว่าข้าวเกือบทั้งหมดหายไปแล้ว

“ข้าช่างโชคร้ายเหลือเกินโว้ย!” ชายขับเกวียนร้องลั่น

“ยังไม่วิบัติพอหรอก! ความโหดร้ายของเจ้าจะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า!” นกกระจอกกล่าว แล้วมันก็บินหนีไป

ชายขับเกวียนเห็นว่าเขาสูญเสียทุกสิ่งที่เขามีแล้ว จึงเดินลงไปในครัว เขายังคงไม่เสียใจต่อการกระทำที่โหดร้ายของตน แต่กลับนั่งลงด้วยความโกรธและอารมณ์เสียที่มุมเตาผิง

แต่นกกระจอกก็มาเกาะอยู่ด้านนอกหน้าต่าง และส่งเสียงร้องซ้ำ ๆ “เจ้าคนขับเกวียน! การกระทำของเจ้าจะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า!”

เขากระโดดขึ้นด้วยความเดือดดาล คว้าขวาน และขว้างใส่นกกระจอก แต่มันพลาดไปและทำได้เพียงทำลายหน้าต่างแตก นกกระจอกบินเข้ามา เกาะอยู่บนขอบหน้าต่างด้านใน และร้องซ้ำ ๆ ว่า “เจ้าคนขับเกวียน! ชีวิตเพื่อนข้ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตเจ้า!”

ชายขับเกวียนโกรธจนคลุ้มคลั่งและมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว เขาฟันลงไปที่ขอบหน้าต่างอย่างแรงจนมันแตกเป็นสองส่วน และขณะที่นกกระจอกบินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ชายขับเกวียนและภรรยาต่างก็คลั่งจนทำลายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ในบ้าน แก้ว เก้าอี้ โต๊ะ และแม้แต่ผนัง โดยที่ยังไม่สามารถแตะต้องตัวนกได้แม่แต่นิดเดียว

ในที่สุด พวกเขาก็จับนกกระจอกได้ ภรรยาถามสามีว่า “ข้าจะฆ่ามันทันทีเลยดีไหม?”

“ไม่! นั่นมันปล่อยให้มันพ้นโทษง่ายเกินไป มันจะต้องตายอย่างทรมานยิ่งกว่านี้! ข้าจะกินมันทั้งตัว!” ชายคนขับเกวียนกล่าวด้วยความโกรธ

แต่นกกระจอกก็เริ่มดิ้นรน ยืดคอออก และร้องเสียงดังว่า “เจ้าคนขับเกวียน! ชีวิตของสหายข้ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตเจ้า!” เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไป จึงยื่นนกให้ภรรยาพร้อมทั้งยื่นขวานให้

“เมียรักของข้า! จงฟันไปที่นกตัวนี้และฆ่ามันในมือของข้าเดี๋ยวนี้!” คนขับเกวียนกล่าวด้วยความเดือดดาล

และภรรยาก็ฟันขวานลงไป แต่นางฟันพลาดเป้า กลับไปฟันถูกศีรษะสามีของนางอย่างจังจนเขาล้มลงตาย

นกกระจอกมองดูความวิบัติสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับชายขับเกวียนผู้โหดร้าย มันกล่าวคำอำลาสุดท้ายต่อชายคนนั้นเงียบ ๆ “บัดนี้ เจ้าได้ชดใช้ให้แก่สหายผู้ซื่อสัตย์ของข้าอย่างสมบูรณ์แล้ว”

แล้วมันก็บินออกจากซากปรักหักพังของบ้าน และกลับรังของมันไปอย่างเงียบสงบในที่สุด

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การกระทำที่โหดร้ายและขาดเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตอื่น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของผู้กระทำ ก็สามารถนำมาซึ่งผลกรรมและการแก้แค้นที่สาสมและรุนแรงที่สุดได้ โดยที่ผู้กระทำต้องสูญเสียทุกสิ่งที่ตนมี

เรื่องราวนี้เน้นย้ำถึงหลักการของการแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความภักดีอันแรงกล้าของนกกระจอกที่มีต่อเพื่อนผู้ถูกทอดทิ้ง การที่ชายขับเกวียนปฏิเสธที่จะแสดงความเสียใจต่อการฆ่าสุนัข และยังแสดงความหยิ่งยโสต่อคำเตือนของนกกระจอกพิสูจน์ว่าความโหดเหี้ยมที่ไร้การสำนึก นำไปสู่ความวิบัติที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ทรัพย์สิน การงาน ไปจนถึงชีวิตของตนเองในที่สุด

อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานกริมม์อ่านสนุกเพลิดเพลินได้ข้อคิดดี ๆ อ่านได้ทุกวัยที่นี่ taleZZZ.com

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานกริมม์เรื่องสุนัขกับนกกระจอก (อังกฤษ: The Dog and the Sparrow) นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลกชันนิทานของพี่น้องกริมม์ (Grimm’s Fairy Tales) อยู่ในลำดับที่ 058 KHM

โครงเรื่องจัดอยู่ในกลุ่มนิทานประเภท “การแก้แค้นของสัตว์” (Animal Revenge) เรื่องราวเล่าถึงการเริ่มมิตรภาพอันดีงามของสัตว์ทั้งสอง แต่แล้วก็มีมนุษย์จิตใจโหดเหี้ยมมาทำลายเรื่องราวดี ๆ ทุกอย่างลงไปในพริบตา เรื่องราวเน้นไปที่ความภักดีของสัตว์ตัวหนึ่งที่ลุกขึ้นมาทวงคืนความยุติธรรมให้กับเพื่อนผู้ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

เรื่องราวนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของนิทานกริมม์ที่ไม่ได้มีจุดจบแบบ “อยู่อย่างมีความสุขตลอดไป” แต่เป็นนิทานที่มีคติสอนใจอันหนักหน่วงและเด็ดขาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกรรมของการขาดเมตตาธรรมและความโหดร้ายต่อสิ่งมีชีวิตอื่น

คติธรรม: “ความโหดร้ายที่กระทำต่อมิตรภาพผู้อื่น จะถูกตอบแทนด้วยความวิบัติอันแสนสาหัส เพราะความภักดีของมิตรที่แท้จริงจะทวงคืนความยุติธรรมเสมอ”