ปกนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์

นิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์

บางความสัมพันธ์ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะคำอธิบาย แต่อาจเปลี่ยนได้… เพราะคนหนึ่งเลือกจะไม่เปลี่ยนใจ

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยศิษย์ผู้ไม่มีคำโต้แย้ง ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีการลุกหนี
เขาเพียงเปลี่ยนวิธีมองคนที่เขารัก และสิ่งที่เปลี่ยนตามมา… คือชีวิตทั้งชีวิต กับนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสำนักแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มผู้มาจากบ้านนาเข้ามาเป็นศิษย์ เขาเป็นผู้ตั้งใจเรียน รู้จักอ่อนน้อม และใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ โดยไม่สร้างปัญหาใด ๆ

วันหนึ่ง ขณะออกไปทำธุระในเมือง เขาได้พบกับหญิงสาวผู้มีท่าทางสง่างาม วาจาอ่อนหวาน และเปี่ยมด้วยเสน่ห์อย่างที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต

เมื่อพบกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกในใจของเขาก็ลึกซึ้งขึ้นตามลำดับ และไม่นานนัก ทั้งสองก็แต่งงานกันอย่างเรียบง่ายในเมืองนั้น

ชีวิตคู่ในช่วงแรกเป็นไปด้วยดี หญิงสาวดูน่ารัก สุภาพ และเอาใจใส่ในทุกเรื่อง เขาจึงหันไปทุ่มเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ในใจคิดว่า “เราช่างโชคดีที่ได้พบคนเช่นนาง”

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความสุขที่เคยรู้สึกกลับค่อย ๆ จางลง ภรรยาของเขาเริ่มแสดงอารมณ์ขึ้นลงโดยไม่คาดคิด วันหนึ่งนางอ่อนหวานน่ารัก อีกวันกลับพูดจาเสียดสี ดุด่า และข่มเขาเสียจนเงียบไม่ออก

เขาเริ่มรู้สึกทุกข์ในใจจนไม่อยากกลับบ้าน และไม่อยากมาสำนักอีกเช่นกัน วันแล้ววันเล่าที่เขาเงียบหายจากห้องเรียน

เพื่อน ๆ เริ่มสังเกต แต่ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มที่เคยมีแววตาแจ่มใส กลับนั่งเหม่อลอยอยู่ที่มุมบ้านด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

กระทั่งวันหนึ่ง เขาตัดสินใจกลับเข้าสำนักอีกครั้ง ครูผู้สอนเห็นเขาก็ถามขึ้นทันทีว่า “เจ้าหายไปนานนัก มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ”

ศิษย์จึงตอบอย่างอ่อนแรงว่า “อาจารย์…ข้ากำลังทุกข์ใจ เพราะภรรยาข้ามีอารมณ์แปรปรวน บางวันนางอ่อนโยน แต่บางวันกลับพูดจาร้ายแรงจนข้าไม่อยากอยู่ใกล้”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์ 2

เมื่อได้ฟังถ้อยคำของศิษย์ ครูไม่ได้แสดงความตำหนิหรือแปลกใจ เพียงพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “การอยู่ร่วมกับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นภรรยา มิตร หรือสหาย… ย่อมมีทั้งวันที่ง่ายและวันที่ยากเสมอ”

ครูหยุดเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อ “บางคนเปลี่ยนไปตามอารมณ์ บางคนเปลี่ยนไปตามสิ่งรอบตัว บางครั้ง… แม้เขาไม่รู้ตัวว่าทำร้ายเรา ก็อาจทำให้เราเจ็บได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องโต้กลับ แต่จงเข้าใจ และมองเขาให้เหมือนเดิมในทุกวัน ไม่ว่าวันนั้นเขาจะอ่อนโยนหรือร้ายกาจ”

ศิษย์ฟังแล้วนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นพนมมือและกล่าวเบา ๆ ว่า “ข้าจะพยายามมองเขาด้วยใจเดิม…ไม่ว่าจะวันไหน”

เมื่อกลับถึงบ้าน ศิษย์ผู้นั้นไม่เปลี่ยนคำพูดของภรรยา ไม่โต้แย้ง ไม่หลบหนี แต่ยิ้มให้เหมือนวันแรกที่พบกัน ไม่ว่านางจะอ่อนหวานหรือโมโห เขายังคงรับฟังนางอย่างสงบ คำพูดของครูยังคงอยู่ในใจเขาทุกวัน

ไม่นานนัก ภรรยาก็เริ่มสังเกตเห็นว่าเขาไม่ตอบโต้เหมือนก่อน ไม่หงุดหงิด ไม่ตีตัวออกห่าง แม้นางจะพูดแรงเพียงใด เขายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม

ความรู้สึกในใจของนางค่อย ๆ เปลี่ยนไป นางเริ่มลดเสียง เริ่มฟัง เริ่มพูดดีขึ้น

วันหนึ่ง นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทันตั้งใจว่า “ท่านเปลี่ยนไปมาก…หรือบางที ข้าเองที่ควรเปลี่ยน”

จากวันนั้น บ้านหลังเล็กของเขากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็อบอุ่นอย่างที่หัวใจหนึ่งพึงได้พบในชีวิตคู่

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การอยู่ร่วมกับใครสักคน ไม่ได้ต้องการให้เขาเป็นคนดีทุกวัน แต่อยู่ที่ว่า เราจะมองเขาในวันที่เขาไม่ดี… ด้วยใจแบบไหน

ศิษย์ในเรื่องไม่ได้ชนะภรรยาด้วยคำพูด หรือเปลี่ยนนางด้วยเหตุผล แต่เขายอมรับความไม่แน่นอนของนาง ด้วยความมั่นคงของตนเอง บางครั้ง… ความสงบในความสัมพันธ์ อาจไม่ได้มาจากการทำให้อีกฝ่าย “เข้าใจเรา” แต่อยู่ที่การที่เรา “เข้าใจเขา” โดยไม่ต้องยืนยันอะไรเลย

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องภรรยาของศิษย์ (อังกฤษ: The Disciple’s Wife) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ ซึ่งมักกล่าวถึงการเรียนรู้ผ่านความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ผ่านชัยชนะหรือการปฏิบัติธรรมเพียงลำพัง

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งเข้ามาปรารภเรื่องปัญหาในครอบครัว โดยกล่าวโทษภรรยาว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในชีวิตบวช พระองค์จึงตรัสเล่าย้อนถึงอดีตชาติ ซึ่งพระองค์เสวยชาติเป็นครูผู้สอนศิษย์ที่มีภรรยาอารมณ์รุนแรง และไม่อาจควบคุมได้

พระองค์มิได้ตำหนิภรรยา หากแต่ชี้ให้ศิษย์เห็นว่า ความสงบไม่ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงคนอื่น แต่อยู่ที่การเปลี่ยนท่าทีในใจของตน

ชาดกเรื่องนี้จึงเตือนให้เห็นว่า บางความสัมพันธ์ไม่ได้ต้องการการแก้ไข แต่อยู่ที่การยอมรับ และยืนมั่นในเมตตา แม้ในวันที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าจะต้องเปลี่ยนไปอย่างไร

“การยอมรับ…ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่มักเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง”


by