บางครั้ง เราไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ แต่ใจเรากลับรู้ชัดว่าควรไม่หยุด มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยภิกษุผู้ไม่ได้มีฤทธิ์
ไม่ได้มีพาหนะ ไม่มีคำสั่งจากฟ้า ไม่มีใครบอกว่าเขาจะข้ามแม่น้ำได้ แต่เขากลับเดินไปถึงฝั่ง… ด้วยสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น นั่นคือศรัทธา กับนิทานชาดกเรื่องศรัทธาของศิษย์

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องศรัทธาของศิษย์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนหิมพานต์ พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดในป่าใหญ่ ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบและร่มเย็น ทรงแสดงธรรมให้แก่เหล่าภิกษุและผู้ศรัทธาทุกวัน
ไม่ว่าฟ้าจะใสหรือฝนจะตก ผู้คนยังคงเดินทางมาฟังธรรมด้วยความเคารพและปิติ
ภิกษุรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ผู้เปี่ยมศรัทธา ไม่เคยขาดการมาเฝ้าฟังธรรมเลยสักวัน ไม่ว่าระยะทางจะไกล หรืออากาศจะย่ำแย่เพียงใด เขายังคงตั้งใจมาถึงก่อนเวลาทุกครั้ง เพื่อรอฟังพระธรรมเทศนาอย่างสงบ
วันหนึ่ง ขณะที่ฟ้ายังสลัว ภิกษุรูปนั้นก็ออกเดินทางตามปกติ แต่ระหว่างทางกลับมีเหตุให้ล่าช้า เมื่อเขามาถึงริมแม่น้ำ เรือข้ามฟากเพิ่งออกไปไม่นาน
เขามองแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว พลางคิดในใจว่า “ข้าจะไม่ทันฟังพระธรรมในวันนี้แล้วหรือ” แม่น้ำกว้างไกลและลึกจนไม่มีทางข้ามได้ด้วยตัวเอง แต่ในใจของเขายังคงนึกถึงพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลา
“ข้าขอไปให้ถึง แม้ต้องเดินลงไปในน้ำก็ตาม” เขาคิดเช่นนั้น แล้วก้าวเท้าลงสู่สายน้ำอย่างไม่ลังเล เขาไม่ได้คิดถึงความลึก หรือแรงของกระแสน้ำ
สิ่งเดียวในใจคือ “ข้าจะไม่พลาดพระธรรมของพระศาสดา”

ขณะที่ก้าวลึกลงไปในแม่น้ำ ภิกษุรูปนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นหรือแรงของกระแสน้ำเลยแม้แต่น้อย ใจของเขาแน่วแน่อยู่ที่พระพุทธเจ้าเพียงผู้เดียว ทุกย่างก้าวที่เดิน เขายังคงภาวนาเบา ๆ ในใจว่า “ข้าขอเพียงได้ฟังธรรมของพระศาสดา…ข้าจะไม่หยุด”
กระแสน้ำค่อย ๆ ลึกขึ้นทีละน้อย แต่เขายังคงเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้มองฝั่ง ไม่ได้คิดถึงอันตราย เพราะจิตของเขาจดจ่ออยู่กับพระพุทธองค์เพียงอย่างเดียว
จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงกลางแม่น้ำ ร่างกายของเขาอยู่ในระดับน้ำถึงเอว
จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ “เรามาทำอะไรอยู่กลางน้ำเช่นนี้”
เมื่อสติกลับมา ความกลัวก็เริ่มก่อตัว ภิกษุหยุดเดิน หัวใจเต้นแรง มือสั่นเล็กน้อย ขาเริ่มแข็งอยู่กับที่ น้ำเย็นไหลผ่านร่างจนเขารู้สึกถึงอันตราย
แต่ในทันทีที่ใจเริ่มไหว เขาก็รีบดึงสติกลับมา นึกถึงพระพุทธเจ้าอีกครั้ง “ข้าขอวางชีวิตไว้ในธรรมของพระศาสดา…ข้าจะไม่กลัว”
เมื่อจิตกลับมาสงบอีกครั้ง ความกลัวก็ค่อย ๆ หายไป เขาหลับตา เดินต่อไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และไม่นานนัก เขาก็รู้สึกถึงพื้นดินแข็งใต้ฝ่าเท้า
เขาข้ามแม่น้ำมาได้โดยไม่มีสิ่งใดทำอันตราย ถึงฝั่งแล้ว เขาก็รีบเดินต่อไปยังวัดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความปีติ เมื่อถึงที่หมาย เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระพุทธองค์และภิกษุทั้งหลายฟัง
พระพุทธเจ้าทรงรับฟังอย่างสงบ แล้วตรัสว่า “ศรัทธาที่มั่นคง ย่อมนำพาชีวิตให้ข้ามพ้นได้ แม้สิ่งที่ดูเหมือนขวางกั้น”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ศรัทธาที่แท้จริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีความรู้ หรือความกล้าหาญ แต่เกิดจากใจที่แน่วแน่ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในยามที่ไม่มีหนทางใดให้เห็น
ภิกษุรูปนั้นไม่ได้มีพละกำลังเหนือใคร ไม่ได้มีฤทธิ์ ไม่มีอุบาย ไม่มีสิ่งใดช่วยเหลือนอกจากความคิดเดียวว่า “ข้าจะไม่ละธรรมของพระศาสดา”
บางครั้ง… สิ่งที่เราคิดว่าเกินกำลัง ก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่ศรัทธาทำให้ข้ามพ้นได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแม่น้ำ แต่เปลี่ยนวิธีที่เราก้าวลงไป
ที่มาของสำนวน
นิทานชาดกเรื่องศรัทธาของศิษย์ (อังกฤษ: The Disciple’s Faith) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ ซึ่งมักสื่อถึงคุณธรรมที่เกิดจากจิตใจอันตั้งมั่น โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจเหนือธรรมชาติ พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุบางรูปสงสัยว่า การตั้งใจฟังธรรมเพียงอย่างเดียวจะนำไปสู่อะไรได้มากเพียงใด
พระองค์จึงตรัสเล่าย้อนถึงอดีตชาติที่มีศิษย์ผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา ไม่เคยพลาดฟังธรรมของพระศาสดา แม้วันที่สายน้ำขวางกั้น เขาก็ยังเลือกจะก้าวลงไป โดยไม่มีแผน ไม่มีผู้ช่วย มีเพียงใจที่ไม่ละความตั้งมั่นในธรรมเท่านั้น
ชาดกเรื่องนี้จึงเตือนให้เห็นว่า ศรัทธาไม่ใช่ความงมงาย แต่คือพลังเงียบที่พาเราข้ามสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ และบางครั้ง แค่ไม่หยุดเดิน ก็อาจทำให้ถึงฝั่งได้ โดยไม่ต้องรู้ว่ามีสะพานอยู่หรือไม่
“ศรัทธาที่แท้ ไม่ใช่การรอให้เห็นทาง แต่คือการก้าวไปทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรเลย”