ในชีวิตเรามักจะพบกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกทางเดินหลายทาง บางครั้งการตัดสินใจอาจไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราคิด บางคนเลือกที่จะยอมทำตามผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย หรือบางครั้งเราอาจเห็นคนที่ใช้ความฉลาดในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมา
แต่ว่าทุกการกระทำล้วนมีผลที่ต้องรับในท้ายที่สุด… มาดูกันว่าในนิทานเรื่องนี้ ตัวละครทั้งสองจะทำเช่นไรเมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่สำคัญ กับนิอีสปเรื่องอีกากับแกะ
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว วันหนึ่งในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แกะตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าผลิตผลของธรรมชาติอย่างสงบสุข อากาศเย็นสบายและมีท้องฟ้าสีครามทอดยาวไปสุดขอบฟ้า ขณะที่มันกำลังก้มลงหากินอยู่นั้น ก็มีเสียงของปีกนกดังขึ้นมา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! มันหันไปมองและเห็นอีกาตัวหนึ่งบินมาหยุดเกาะอยู่บนหลังของมัน
แกะรู้สึกงง ๆ ว่าทำไมอีกาถึงเลือกมาเกาะบนหลังของมัน แกะจึงถามไปอย่างสุภาพว่า “ทำไมเจ้าถึงเกาะอยู่บนหลังของข้า? ข้าไม่ใช่ที่พักของเจ้า”
อีกาหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า “ข้าหาอยู่บนหลังของเจ้าเพราะเจ้าดูสงบสุขและไม่มีภัยอะไร ข้าได้เห็นเจ้าเดินไปตามทุ่งหญ้านี้หลายครั้งแล้ว เจ้าคงเป็นผู้ที่ไม่มีศัตรู”
แกะยิ้มและพูดด้วยความภูมิใจ “ข้าคงไม่มีศัตรูหรอก ข้าก็แค่เป็นแกะตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในทุ่งนี้ ถ้าไม่มีสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ข้าก็คงได้อยู่อย่างสงบ”
อีกาเริ่มรู้สึกว่ามันอาจจะได้ประโยชน์จากการอยู่ใกล้แกะมากขึ้น มันเริ่มพูดเยาะเย้ย “เห็นไหม? เจ้าก็แค่มีชีวิตง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องกลัวอะไร ข้าเองมีชีวิตที่แตกต่างออกไป ข้าต้องหาอาหารและอยู่รอดด้วยการเอาตัวรอดจากสัตว์ที่ใหญ่กว่า”
แกะมองอีกาอย่างสงสัย “เจ้าหมายความว่าอะไร? ข้าคิดว่าเจ้าก็เป็นนกอิสระที่บินไปไหนก็ได้”
อีกาเกาะบนหลังของแกะและตอบกลับด้วยเสียงที่เยาะเย้ย “ข้าเป็นนกอิสระจริง แต่ข้ารู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยผู้ที่แข็งแกร่ง และข้าก็ต้องรู้วิธีการที่จะอยู่กับพวกเขา บางครั้ง ข้าก็ต้องยอมจำนนและประจบผู้ที่มีอำนาจ เพราะมันทำให้ข้ารอดพ้นจากอันตราย ข้าไม่เห็นอะไรผิดในวิธีการนี้”
แกะทำท่าคิดและมองอีกา ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงบ “เจ้ากำลังกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย หากเจ้าปฏิบัติกับสุนัขเช่นนี้ เจ้าคงได้รับผลกรรมจากเขี้ยวแหลมคมของมัน”
อีกาหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “ข้าไม่สนใจหรอกหากเจ้าจะไม่เข้าใจ เพราะข้ารู้ดีว่าใครคือผู้ที่ข้าควรประจบ และใครคือผู้ที่ข้าควรหลีกเลี่ยง ข้ารู้ว่าใครที่ข้าสามารถรังแกได้ และข้าก็รู้ดีว่าใครที่ทำให้ข้าอยู่รอดต่อไปได้”
แกะถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “แต่การประจบสอพลอไม่ใช่ทางที่ดีเลยนะ การทำเช่นนั้นอาจทำให้เจ้าต้องเสียน้ำใจในอนาคต”
อีกาไม่สนใจคำพูดของแกะ มันยังคงพูดต่อไป “อายุข้าก็ยืนยาวด้วยวิธีนี้ ข้าไม่กลัวที่จะประจบสอพลอใคร และข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้ข้าได้อยู่ในที่ปลอดภัย”
แกะมองอีกาและตอบด้วยความสงบว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในวันหนึ่งว่า ความซื่อสัตย์และการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ยั่งยืนและทำให้ชีวิตเรามีค่า”
เมื่อคำพูดของแกะจบลง อีกาก็ไม่มีคำตอบมันแค่เกาะนิ่ง ๆ แล้วบินจากไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและการมีความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ยั่งยืนและมั่นคงมากกว่าการเลือกยอมจำนนหรือการประจบสอพลอผู้ที่มีอำนาจ แม้ว่าการประจบอาจทำให้เราหลบหลีกจากอันตรายชั่วคราว แต่ในระยะยาว การกระทำที่ขาดความซื่อสัตย์หรือไม่ยึดมั่นในความถูกต้องอาจทำให้เราสูญเสียความเคารพจากผู้อื่น และในที่สุดก็อาจไม่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ
การเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่ง ก็จะทำให้เรามีชีวิตที่มีคุณค่าและได้รับความเคารพจากผู้อื่นมากกว่าในระยะยาว
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ (อังกฤษ: The Crow and the Sheep)เป็นนิทานอีสปโบราณเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 553 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) มีเพียงฉบับภาษาละตินเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่
โดยมีเนื้อเรื่องว่า แกะตัวหนึ่งตำหนิอีกาที่เกาะบนหลังของมันว่า “ถ้าเจ้าปฏิบัติกับสุนัขอย่างนี้ เจ้าคงจะต้องได้รับผลกรรมจากเขี้ยวอันแหลมคมของมัน” นกตอบกลับว่า “ข้าดูถูกผู้ที่อ่อนแอและยอมจำนนต่อผู้ที่แข็งแกร่ง ข้ารู้ว่าข้าสามารถรังแกใครและต้องประจบสอพลอใคร และด้วยวิธีนี้ ข้าจึงสามารถยืดอายุของข้าให้ยืนยาวได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้ามีอายุยืนยาวเป็นพันปี” อีกากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ