ปกนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

นิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งที่มีทั้งพืชพันธุ์และสัตว์น้อยใหญ่ ไก่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางเหล่าฝูงเพื่อนและมักใช้เวลาทั้งวันคุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหารตามประสา ชีวิตของมันเรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุขจากการได้พบเมล็ดข้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งช่วยให้มันอิ่มท้อง

แต่วันหนึ่ง ในขณะที่ไก่กำลังคุ้ยเขี่ยดินตามปกติ มันกลับพบกับบางสิ่งที่เปล่งประกายระยิบระยับ แปลกตาไปจากสิ่งที่มันเคยพบเจอ ชีวิตของมันซึ่งเรียบง่ายมาตลอดกำลังจะได้พบกับสิ่งที่ล้ำค่ามากสำหรับใครหลายคน แต่จะมีความหมายอย่างไรสำหรับไก่ตัวนี้? เรื่องราวของการค้นหาความพอเพียงและการเห็นคุณค่าที่แท้จริงจะถูกถ่ายทอดในนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและอากาศบริสุทธิ์ มีฟาร์มหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมเชิงเขา ภายในฟาร์มแห่งนั้นมีไก่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันไม่ใช่ไก่ที่โดดเด่นหรือเป็นที่รักของใครมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ไก่ที่น่าสงสารหรือถูกทอดทิ้ง มันมีชีวิตอย่างเรียบง่าย วันแล้ววันเล่า

ทุกเช้า เมื่อแสงแดดสาดผ่านหมอกบาง ๆ ที่คลุมพื้นหญ้า ไก่ตัวนั้นก็จะออกมาจากเล้า เดินลากขาเบา ๆ ไปยังลานดินหน้าฟาร์ม มันไม่สนใจเสียงกรีดร้องของไก่ตัวอื่น ไม่เข้าไปป่วนในกลุ่มของพวกเป็ดหรือหมู มันชอบอยู่เงียบ ๆ กับตัวเอง หัวต่ำ คุ้ยเขี่ยดินทีละก้าวอย่างมีจังหวะ

“หากเจอเมล็ดข้าวหรือแมลงตัวอ้วน ๆ สักหน่อยก็คงจะดี ข้าจะได้อิ่มท้องสักที” มันคิดพลางจิกเบา ๆ ลงไปยังดินแห้งแข็งที่ยังไม่โดนแดดอุ่น

ไก่ตัวนั้นไม่เคยฝันไกล ไม่เคยคิดถึงอะไรยิ่งใหญ่กว่าเงาตัวเองในแสงแดด มันไม่รู้จักคำว่า “ล้ำค่า” หรือ “ร่ำรวย” และไม่เคยถามหาวันพรุ่งนี้ มันมีเพียงความตั้งใจจะหาอาหารให้พอประทังท้องในแต่ละวัน

แต่ถึงจะดูเรียบง่าย มันก็ไม่ใช่ไก่ขี้เกียจ มันขยัน มุ่งมั่น และไม่เคยละเลยการคุ้ยหาอาหารแม้ในวันที่ดินแข็งหรือฝนตกหนักจนโคลนกระเซ็นเต็มตัว

“ชีวิตแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว” ไก่บอกกับตัวเองในใจทุกเช้า

วันหนึ่ง หลังจากแสงแดดเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย และลานดินก็เริ่มแห้งดี ไก่ก็ออกเดินตามปกติ มันเดินผ่านกอหญ้าที่เคยมีแมลง มุดผ่านรั้วไม้ที่หลวม ๆ แล้วมาหยุดอยู่ตรงจุดหนึ่งของลาน ซึ่งไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน

มันเริ่มคุ้ยดินด้วยจังหวะคุ้นเคย จิกซ้ายที ขวาที แล้วใช้ขาเกี่ยวดินขึ้นมาทีละนิด จู่ ๆ มันก็รู้สึกถึงบางอย่างใต้พื้นดิน ขาข้างหนึ่งของมันสัมผัสกับของแข็งที่ไม่เหมือนเมล็ดข้าวหรือเศษเปลือกพืช

มันหยุดคุ้ยทันที เอียงคอมองลงไปที่พื้นด้วยความสงสัย แสงแดดที่ส่องลอดใบไม้ลงมากระทบสิ่งนั้นพอดี ทำให้มันเห็นประกายเล็ก ๆ วิบวับสะท้อนขึ้นมาอย่างชัดเจน

“นี่อะไรน่ะ?” ไก่พูดกับตัวเองแล้วค่อย ๆ ใช้จะงอยปากแงะดินออกเบา ๆ

ครู่หนึ่งต่อมา สิ่งที่อยู่ใต้ดินก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นชัด มันคืออัญมณีเม็ดหนึ่ง สีใสราวหยดน้ำแข็ง กลมเกลี้ยงและเปล่งประกายราวกับเก็บแสงอาทิตย์ไว้ข้างใน แสงสะท้อนของมันชวนให้ตะลึง แม้แต่นกหรือสัตว์อื่น ๆ ที่อาจผ่านมาเห็น ก็คงต้องหยุดมอง

ไก่ยืนจ้องมันนิ่ง ๆ “โอ้โห เจ้าพลอยเม็ดงาม เจ้าช่างสวยงามจริง ๆ” มันพึมพำเบา ๆ คล้ายจะพูดกับพลอย

มันโน้มตัวลงไปดูใกล้ ๆ มากขึ้นจนเงาของมันบดบังแสงบนผิวอัญมณี มันไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไรแน่ แต่ก็มองออกว่า “บางอย่าง” นี้ไม่ธรรมดา

“ข้าแน่ใจว่าคนอื่น ๆ คงอยากได้เจ้าเป็นเจ้าของ เพราะเจ้าน่ะล้ำค่ามาก” ไก่พูดต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังพิจารณาบางสิ่ง “แต่สำหรับข้า เจ้ากลับไม่มีค่าพอ”

มันถอนหายใจ เอาขาเขี่ยดินกลบพลอยอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วหันหน้ากลับไปยังพื้นดินว่างเปล่าด้านข้าง

“ข้าแค่ต้องการเมล็ดข้าวหรือแมลงอ้วน ๆ เท่านั้น เจ้าพลอยเม็ดนี้งดงามก็จริง แต่เจ้าทำให้ข้าอิ่มท้องไม่ได้เลย”

แม้อัญมณีจะยังคงส่องแสงระยิบระยับอยู่ตรงนั้น แต่ไก่ไม่ได้เหลียวกลับไปดูอีก มันเดินจากไปอย่างมั่นใจ และกลับเข้าสู่กิจวัตรเดิมของมัน คุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหาร

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย 2

เมื่อไก่เดินจากไปแล้ว ลมยามสายก็พัดผ่านพื้นดินเบา ๆ ใบไม้ที่ปลิวลงมากระทบกับพลอยเม็ดงามที่ยังฝังอยู่เพียงครึ่งก้อนในดิน มันยังคงเปล่งแสงระยิบระยับ ทว่าไร้ซึ่งผู้มอง ไก่ตัวนั้นก็ยังเดินหน้าคุ้ยดินต่อไปอย่างไม่ลังเล ราวกับสิ่งที่มันเพิ่งเจอเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาเท่านั้น

“หากเป็นชาวบ้านหรือพ่อค้า เขาคงดีใจมากที่ได้เจ้า” ไก่บ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะเดินพ้นระยะของพลอย

“แต่สำหรับข้า เจ้าก็เป็นแค่ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์เท่านั้น”

มันไม่เสียใจ ไม่รู้สึกผิด ไม่แม้แต่จะเกิดความลังเล หัวใจของมันมั่นคงในความต้องการที่แท้จริง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้มันต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มักไขว่คว้าสิ่งที่ใครต่อใครบอกว่ามีค่า โดยลืมถามตัวเองว่า “มีค่าสำหรับอะไร?”

ในอีกมุมหนึ่งของฟาร์ม เด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านพุ่มไม้ไกล ๆ เขามองเห็นบางสิ่งสว่างวูบใต้ต้นไม้จึงหยุดเดิน แต่สุดท้ายเขาก็เดินผ่านไป เพราะมองไม่เห็นมันชัดเจนพอ ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าเพียงไม่กี่ก้าวจากที่เขาเดินผ่านไป มีพลอยเม็ดหนึ่งซ่อนอยู่ในดินซึ่งไก่เคยเขี่ยทิ้งไว้

ฟาร์มกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงไก่คุ้ยดินอย่างสม่ำเสมอ

วันนั้นผ่านไปเหมือนวันอื่น ๆ ไก่ไม่เจอแมลงอ้วน ๆ อย่างที่หวัง แต่ก็ได้เมล็ดข้าวสองสามเม็ดพอให้ท้องอิ่ม มันกลับเข้าเล้าเมื่อฟ้าสีทองเริ่มกลายเป็นสีส้ม บรรยากาศเย็นลง เสียงแมลงเริ่มดังขึ้นจากพงหญ้า

มันนั่งอยู่ในเล้า มองดูแสงสุดท้ายของวันลอดผ่านรอยไม้เก่า ๆ ในผนัง แม้ในชีวิตของมันจะไม่มีสิ่งใดระยิบระยับ ไม่มีอัญมณี ไม่มีสมบัติล้ำค่า แต่ก็ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีความอยากที่ไม่มีวันเต็ม ไม่มีคำถามมากมายในใจเหมือนมนุษย์ที่มักไม่เคยพอ

“มีบางสิ่งที่คนอื่นอาจต้องการนักหนา แต่มันไม่เคยจำเป็นกับข้าเลย” มันคิดเงียบ ๆ ขณะหลับตาลง

“สิ่งที่ข้าต้องการมีอยู่แล้ว เพียงแค่ข้ารู้ว่ามันคืออะไร”

อัญมณีเม็ดงามยังคงอยู่ในดินตรงนั้น อาจมีใครบางคนมาเจอมันในวันหน้า อาจไม่ หรืออาจถูกฝนชะล้างจนหายไปตลอดกาล แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของไก่ มันเลือกแล้วว่าจะให้คุณค่าแก่สิ่งใด และจะไม่เสียเวลาไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตของมันเลยแม้แต่น้อย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… สิ่งที่มีค่าอาจแตกต่างกันไปในสายตาของแต่ละคน สิ่งที่ดูมีมูลค่ามหาศาลสำหรับบางคน อาจไร้ความหมายสำหรับคนอื่น เพราะแต่ละคนมีความต้องการและคุณค่าที่ต่างกัน ความพอใจในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองเป็นสิ่งสำคัญ อย่าให้สิ่งล้ำค่าของผู้อื่นทำให้เราหลงลืมสิ่งที่แท้จริงที่เราต้องการ

เรื่องราวในหมวดหมู่นี้ทั้งหมดสามารถดูได้ที่หน้านิทานอีสป

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย (อังกฤษ: The Cock and the Jewel) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 503 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) และมีที่มาจากวรรณกรรมโบราณหลายแหล่งในกรีกและโรมัน นิทานเล่าเรื่องราวของไก่ตัวหนึ่งที่คุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหาร แต่บังเอิญพบกับอัญมณีล้ำค่า มันจ้องมองอัญมณีนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดว่า แม้สิ่งนี้จะมีค่าสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับมันกลับไม่มีประโยชน์ เพราะมันเพียงต้องการเมล็ดข้าวที่ทำให้อิ่มท้องเท่านั้น ไก่จึงเลือกเขี่ยอัญมณีทิ้งและเดินหน้าหาอาหารต่อไป

นิทานนี้มักถูกตีความถึงแนวคิดที่ว่าคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ครอบครอง แม้ว่าอัญมณีจะมีมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจและเป็นที่ต้องการของผู้คน แต่สำหรับไก่ซึ่งมีความต้องการพื้นฐานเพียงเพื่อความอยู่รอด สิ่งที่ดูมีค่าในสายตาผู้อื่นกลับไม่มีความหมาย นิทานนี้เตือนให้เราระลึกว่า ความพอใจและคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับบริบทและความจำเป็นของแต่ละคน

นี่คือนิทานที่ข้าเล่าให้ฟัง สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักเห็นคุณค่าของข้า กล่าวโดยผู้แต่ง


by