ปกนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด

นิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด

บางสิ่งที่เราทำจนชิน อาจกลายเป็นสิ่งที่เรามองข้าม บางทางที่เดินจนจำได้ทุกก้าว… อาจพาเราไปไกลจากสติ และบางความคุ้นเคยที่เคยปลอดภัย ก็อาจไม่เหมือนเดิมเสมอไป

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยเงาของผลไม้ที่ร่วง กับเสียงบางอย่างที่เงียบเกินไปกว่าทุกวัน แล้วใครบางคนก็ตัดสินใจ “ไม่เข้าใกล้” แม้สิ่งนั้นจะเคยให้ชีวิต กับนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่อันเงียบสงบ มีละมั่งตัวหนึ่งอาศัยอยู่เพียงลำพัง มันมีนิสัยเรียบง่าย ไม่วอกแวก และชอบเดินเส้นทางเดิมทุกวัน

กลางป่ามีต้นไม้ต้นหนึ่งสูงใหญ่ กิ่งก้านแผ่กว้าง ผลของมันหวานฉ่ำ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ละมั่งตัวนั้นกินผลจากต้นไม้ต้นนี้เป็นอาหารหลักมาตลอด

ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะร้อน หรือป่าจะเปลี่ยนฤดูกาล ผลไม้จากต้นนี้ก็ยังคงร่วงหล่นให้มันเสมอ ละมั่งจึงยึดต้นไม้ต้นนี้เป็นจุดหมายในทุกเช้า

“ไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนอีก…ที่นี่เพียงพอแล้ว” มันคิดในใจ

ทุกเช้า ทุกเย็น มันจะเดินผ่านลำธาร เสียงนก เสียงลม แล้วมาหยุดที่โคนต้นไม้นี้ทุกครั้ง ก่อนจะกินผลไม้ที่ตกอยู่ด้วยความสุขสงบ

แต่ในอีกมุมหนึ่งของป่า มีนายพรานผู้คุ้นเคยกับทางล่า เขาเดินผ่านเส้นทางแห่งนี้มานานพอจะรู้ว่า สัตว์ในป่ามีจังหวะของมัน

วันหนึ่ง ขณะเดินล่าสัตว์ในยามเช้า เขาเผอิญเห็นละมั่งตัวหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้เงียบ ๆ แล้วตรงเข้าไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างแน่วแน่

เขาหยุดยืนหลังต้นไม้ใหญ่ มองดูมันกินผลไม้จากพื้นดิน

วันถัดมา…เขากลับมาอีก และเห็นมันทำแบบเดิม วันที่สาม…ก็ยังเหมือนเดิม

นายพรานขมวดคิ้วเล็กน้อย “มันไม่เคยไปที่อื่นเลยหรือ ?”

เขายิ้มอย่างเงียบงัน ก่อนจะเดินจากไปพร้อมแผนในใจ เขารู้ดีว่า ความเคยชินของสัตว์…มักกลายเป็นจุดตายเสมอ

“ถ้ามันจะกลับมาพรุ่งนี้เหมือนเดิม ข้าจะรออยู่ตรงนั้น”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด 2

รุ่งเช้าของวันถัดมา ละมั่งเดินออกจากพุ่มไม้ตามทางเดิม ข้ามลำธารเดิม ลัดเลาะผ่านกอไผ่จนถึงต้นไม้ต้นเดิม

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ… ผลไม้ที่เคยตกอยู่เพียงไม่กี่ลูก บัดนี้กลับกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น หลากหลายทั้งสีและกลิ่น

ละมั่งหยุดนิ่ง หูตั้งขึ้นเล็กน้อย สายตามองรอบตัวอย่างระวัง

“วันนี้ต้นไม้นี้ดูแปลกไป…ลมไม่ได้แรง ผลไม้ก็ตกมากผิดปกติ”

มันขยับเข้าใกล้อีกนิด แล้วหยุดทันทีเมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านพุ่มไม้สะท้อนบางอย่างใต้กองผลไม้ กับดักโลหะซ่อนอยู่ใต้เงา

กลิ่นบางอย่างลอยมากับลม ไม่ใช่กลิ่นดิน ไม่ใช่กลิ่นหญ้า…แต่มีกลิ่นของมนุษย์แผ่วเบาอยู่ในอากาศ

ละมั่งถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับ “วันนี้ต้นไม้ต้นนี้ดูไม่เหมือนทุกวัน ข้าจะไปกินจากต้นอื่นก็แล้วกัน”

แล้วมันก็หันหลัง วิ่งเบา ๆ หายเข้าไปในป่า ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอ่อน ๆ ของสติ

นายพรานนั่งรออยู่หลังพุ่มไม้ด้วยใจมั่นใจ มือลูบคันธนูช้า ๆ สายตาจับจ้องเส้นทางที่ละมั่งจะเดินมา

แต่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ แสงแดดเริ่มสูงขึ้น ลมพัดใบไม้กรอบกราว โดยไม่มีเงาของสัตว์สี่ขาเดินเข้ามา

เขาเดินไปดูที่กับดัก เห็นผลไม้กระจัดกระจายอยู่อย่างเดิม ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้อง ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีแม้แต่รอยดินถู

นายพรานยืนนิ่ง หันมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ

ในอีกฝากหนึ่งของป่า ละมั่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหม่ เงยหน้าขึ้นมองใบไม้ แล้วค่อย ๆ กินผลไม้ที่ร่วงอยู่ใต้โคน

ไม่มีผลไม้มากมาย ไม่มีกลิ่นลวง ไม่มีอะไรดูดีเกินไป

“ความคุ้นเคยเป็นสิ่งดี แต่ถ้าไม่เฝ้าระวัง…มันก็เป็นหลุมที่เราขุดไว้เอง” ละมั่งคิดในใจขณะเคี้ยวผลไม้เงียบ ๆ

เพราะในป่าแห่งนี้ สัตว์ที่รอด ไม่ใช่เพียงผู้วิ่งเร็ว แต่คือตัวที่รู้จัก “หยุด” มองสิ่งที่คุ้น… แล้วตั้งคำถามใหม่อีกครั้ง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความคุ้นเคยที่ไม่ผ่านการสังเกต อาจกลายเป็นกับดักที่เราวางไว้ให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เคยปลอดภัย อาจไม่ปลอดภัยเสมอไป หากเราเอาแต่ไว้ใจโดยไม่เปิดตา

ละมั่งในเรื่องไม่ใช่ผู้มีพละกำลังเหนือใคร ไม่ได้วิ่งเร็วกว่าเสียงลูกธนู แต่มันรอดมาได้เพราะมันรู้จักชะลอความเคยชิน แล้วใช้สติไตร่ตรองสิ่งที่ดู “แปลกไปแค่เล็กน้อย” บางที… ปัญญาที่แท้จริง อาจไม่ใช่การเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่คือการมองสิ่งเก่า… ให้ลึกกว่าทุกวันก่อนหน้า

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องละมั่งผู้ชาญฉลาด (อังกฤษ: The Clever Antelope) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดติณมัยชาดก หรือหมวดสัตว์ชาดก (สัตว์เสวยชาติ) ซึ่งพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์ป่า ในที่นี้คือ “ละมั่ง” ซึ่งเป็นชาดกที่พระพุทธองค์ทรงเล่า เพื่อชี้ให้เห็นถึงอันตรายของความประมาท และการไว้ใจในความคุ้นชินมากเกินไป

พระองค์ทรงยกเรื่องนี้ขึ้นเมื่อภิกษุรูปหนึ่งเผลอหลงไปตามวิถีชีวิตซ้ำซาก โดยไม่ใส่ใจว่ากิเลสได้เริ่มซ่อนอยู่ในพฤติกรรมเดิม ๆ เหล่านั้น พระพุทธองค์จึงตรัสถึงอดีตชาติที่พระองค์เสวยชาติเป็นละมั่งผู้ฉลาด ผู้ไม่ยึดติดกับความเคยชิน แม้แต่กับต้นไม้ที่เคยให้ชีวิต

ชาดกเรื่องนี้จึงตอกย้ำว่า ความรู้เท่าทันและความไม่ประมาท คือเกราะป้องกันภัยที่ดีที่สุดของผู้เดินอยู่ในโลก ไม่ใช่เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็ว แต่เพราะกับดัก… มักซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราเคยวางใจ

“ผู้มีปัญญา มิใช่ผู้ที่รู้มากที่สุด แต่คือผู้ที่รู้จักระวังแม้ในสิ่งที่เคยวางใจ”


by