ปกนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม

นิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม

บางนิสัยไม่ต้องรอให้เห็นผล ก็รู้ได้ทันทีว่า หากปล่อยไว้จะกลายเป็นภัย ความขมบางอย่างไม่ต้องกลืน ก็รู้ได้ในวินาทีแรกที่สัมผัสปลายลิ้น มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่ใช้ใบไม้ใบเดียว สะท้อนใจคนทั้งชีวิต

เพราะคนเรามักเปลี่ยนได้… หากมีใครบางคนกล้าชี้ให้เห็น ไม่ด้วยความรุนแรง ไม่ด้วยคำสั่ง แค่เพียงความเงียบ กับความจริงที่ไม่ต้องอธิบาย กับนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีฤาษีผู้สำรวมในธรรม ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ปลีกตนออกจากหมู่ชน มุ่งเจริญภาวนาโดยไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องของโลก ชื่อเสียงแห่งความสงบของท่านแผ่ไกลไปถึงพระราชาผู้ครองเมือง

พระราชาจึงมีพระประสงค์ให้นิมนต์ท่านมาอยู่ในสวนหลวง พร้อมถวายความสะดวกทั้งอาหาร น้ำ และสถานที่อันร่มเย็นสำหรับภาวนา

ฤาษีไม่ปรารถนาสิ่งใดเกินความจำเป็น แต่เมื่อรู้ว่าพระราชามีความเคารพอย่างแท้จริง ก็รับนิมนต์โดยไม่ปฏิเสธ ท่านเลือกมุมสงบแห่งหนึ่งในสวนสำหรับตั้งที่พำนัก

ทุกเช้าและเย็นก็จะเพ่งจิตภาวนา ใบหน้าสงบ สายตาไม่หวั่นไหว ไม่มีคำพร่ำเพรื่อใดจากปากของท่าน แต่กลับมีความหนักแน่นแผ่ออกมาจากความเงียบ

พระราชาทรงเคารพท่านยิ่งนัก แม้จะเป็นกษัตริย์ แต่ก็ยินดีน้อมกายกราบเมื่อมาพบท่านในบางครา เพราะรู้ว่าฤาษีนั้นเห็นโลกอย่างที่พระองค์เองยังไม่อาจเข้าใจ

แม้พระราชาจะทรงธรรม แต่พระโอรสกลับเป็นตรงกันข้าม เจ้าชายยังหนุ่ม หน้าตาคมเข้ม กิริยาสง่างาม แต่จิตใจกลับแข็งกระด้าง โทสะรุนแรง ไม่ยอมฟังคำใดจากผู้ใหญ่ หากไม่พอใจก็แสดงออกทันที ทั้งดุด่า ทั้งเหยียดหยาม โดยไม่คิดเกรงใจใคร

พระราชาทรงหาครูผู้รู้มากมายมาสั่งสอน แต่ไม่มีผู้ใดอยู่ได้นาน แม้จะอธิบายด้วยเหตุผล หรือแสดงธรรมะอย่างไพเราะ เจ้าชายกลับไม่สนใจ เย้ยหยัน และกล่าววาจาดูหมิ่นครูของตน

เมื่อหมดทางเลือก พระราชาจึงไปเฝ้าฤาษี แล้วก้มกราบด้วยความทุกข์ “ข้าพเจ้าพ่ายแพ้ต่อความเป็นพ่อ หากท่านจะเมตตาช่วยเปิดใจให้บุตรข้า ข้ายินดีน้อมรับทุกสิ่ง”

ฤาษีนิ่งครู่หนึ่ง ไม่ตอบด้วยถ้อยคำใด มีเพียงดวงตาที่หลับลงและเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนพยักหน้ารับเบา ๆ โดยไม่กล่าวคำมั่น

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม 2

รุ่งเช้าวันหนึ่ง ฤาษีออกเดินภาวนาเงียบ ๆ ในสวนหลวง คราวนั้นเจ้าชายเสด็จตามอย่างเสียไม่ได้ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ก็จำต้องทำตามพระบิดา

เมื่อเดินไปได้สักพัก ฤาษีก็หยุดลงตรงพุ่มไม้ต้นหนึ่ง ใบของมันยังอ่อนเขียว แต่ดูเงียบงาม ท่าทางไม่เป็นพิษเป็นภัย

ฤาษีโน้มกิ่งลงเบา ๆ เด็ดใบหนึ่ง แล้วยื่นให้เจ้าชาย “ลองลิ้มใบนี้ดู” เสียงกล่าวของเขานิ่ง เรียบ ไม่ออกคำสั่ง แต่ก็ไม่เปิดทางให้ปฏิเสธ

เจ้าชายหยิบใบไม้ขึ้นมามองก่อนจะกัดลงไปเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นก็ถ่มทิ้ง ใบหน้านิ่วด้วยรสอันรุนแรง “ขมยิ่งนัก! ท่านให้ข้ากินสิ่งใดกัน?”

ฤาษียังคงยืนสงบ ไม่ไหวติง “ใบไม้นี้ยังอ่อน ยังเพิ่งเติบโต…หากเพียงต้นเล็กก็ขมถึงเพียงนี้ เมื่อต้นมันเติบโตขึ้น เจ้าคิดหรือว่ารสมันจะหวานลงหรือ?”

คำพูดนั้นเหมือนลมหยุดกลางใจ ความเงียบล้อมรอบทั้งสวน ไม่มีเสียงใดดังขึ้นอีกนาน

เจ้าชายยืนอยู่ครู่ใหญ่ ลมหายใจสั้นลงคล้ายมีบางสิ่งตีขึ้นในอก เขาไม่เอ่ยวาจาใด แต่ในแววตานั้นมีบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เงาแห่งความดื้อรั้นเริ่มคลายลงเงียบ ๆ

นับแต่นั้น เจ้าชายเริ่มเปลี่ยน ไม่ใช่ในทันที แต่ทุกครั้งที่โกรธก็เงียบลง ทุกครั้งที่คิดจะตวาดก็หยุดคิดก่อนสักครู่ เสียงของฤาษียังคงดังก้องในใจเสมอว่า “ต้นไม้ยิ่งโต รสขมยิ่งลึก”

พระราชาเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความยินดีลึกถึงใจ เมื่อเข้าเฝ้าฤาษีอีกครา พระองค์ก้มกราบด้วยใจจริง

ไม่ใช่ด้วยฐานะ หากด้วยความสำนึก “ข้าพเจ้าเคยคิดว่าท่านสอนด้วยถ้อยคำ แต่บัดนี้ ข้ารู้แล้วว่า บางธรรม ไม่ต้องใช้คำพูดเลยแม้แต่คำเดียว”

ฤาษีไม่กล่าวตอบ เพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วหลับตาเข้าสมาธิอีกครั้ง ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ…ไม่ต่างจากลมหายใจของต้นไม้ในสวนที่ยืนเงียบมาเนิ่นนาน

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… นิสัยใจคน เปรียบเหมือนรสในใบไม้ บางสิ่งเพียงเริ่มต้นก็เผยให้รู้ว่า หากปล่อยให้เติบโตโดยไม่เปลี่ยน ย่อมขมลึกยิ่งกว่าเดิม

ฤาษีไม่ได้สั่งสอนด้วยถ้อยคำยาวไกล แต่ใช้เพียงใบไม้ใบเดียวก็สะท้อนหัวใจมนุษย์ได้ทั้งดวง เพราะรสของสิ่งหนึ่ง ไม่ได้อยู่ที่ปลายลิ้น… แต่อยู่ในปลายใจที่ยอมรับมันหรือไม่

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องใบไม้ขม (อังกฤษ: The Bitter Leaf) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยเนื้อหาเน้นการอบรมใจมนุษย์ที่ยังดื้อรั้น ผ่านปัญญาของผู้มีธรรม ไม่ใช่ด้วยโทสะหรือการลงโทษ

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อมีผู้ทูลถามถึงวิธีแสดงธรรมแก่ผู้ที่ไม่เปิดใจฟังธรรม พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติครั้งหนึ่งที่พระองค์เสวยชาติเป็นฤาษีผู้สำรวม ปราบโอรสแห่งราชวงศ์ผู้แข็งกระด้างได้ โดยไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรง หากแต่ใช้รสของใบไม้ที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้าง เป็นเครื่องชี้ใจคน

ชาดกเรื่องนี้จึงเป็นบทสะท้อนว่า ธรรมะที่แท้ ไม่ได้เกิดจากเสียงดัง หากเกิดจากสิ่งที่กระทบจิตได้โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ

จิตใจที่ไม่ถูกขัดเกลา ยิ่งเติบโต ยิ่งขมยิ่งกว่ารสใดในโลก


by