ปกนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

ไม่ใช่ทุกความอดทนจะพาไปถึงธรรม และไม่ใช่ทุกความทุกข์จะนำไปสู่ความบริสุทธิ์
มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่บอกเราว่า…เจ็บ ไม่ใช่คำตอบของการหลุดพ้น

บางคนเดินลงเหว ด้วยหัวใจที่เชื่อว่ากำลังไต่ขึ้นเขา บางความตั้งใจจึงไม่ใช่บุญ หากปราศจากปัญญาคอยนำ เพราะหนทางแห่งธรรม ไม่เคยมีเลือดของตัวเองเป็นรอยเท้า กับนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนเทือกเขาหิมาลัย มีฤาษีรูปหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษมานาน ไม่ข้องเกี่ยวกับหมู่ชน ดำรงตนด้วยความสงบเรียบง่าย แต่ยังแสวงหาความศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุด ด้วยความปรารถนาว่าจะพ้นจากสังสารวัฏได้โดยเร็ว

วันหนึ่ง เขาได้ยินถ้อยคำที่เล่าต่อกันมาในหมู่ผู้แสวงธรรมว่า “ผู้ศักดิ์สิทธิ์แท้ คือผู้ที่ยอมทนต่อความทุกข์อย่างที่สุด ทรมานกายจนหลุดพ้น”

ฤาษีได้ฟังแล้วใจหวั่นไหว เขาเริ่มเชื่อตามนั้นโดยไม่ไตร่ตรอง และตัดสินใจจะทดลองพิสูจน์ด้วยตนเอง

หากความบริสุทธิ์จะได้มาด้วยความเจ็บปวด เขาก็จะยอมเจ็บที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทนได้

เขาละทิ้งอาศรมเดิม เดินลึกเข้าสู่ป่าทึบที่ไม่มีผู้คนเข้าไปถึง ไม่พูด ไม่พบใคร ปฏิเสธแม้แต่ร่มไม้หรือความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาใช้ใบไม้แห้งรองนั่ง ใช้ดินเผาไฟแทนอาหาร

เมื่อฤดูร้อนมาถึง เขาก็นั่งใต้ต้นไม้ตลอดวัน ปล่อยให้แดดแผดเผาร่างจนผิวไหม้ โดยไม่ปกป้องแม้แต่ใบไม้ใบเดียว

เมื่อฤดูหนาวมา เขานั่งกลางหิมะที่ตกโปรย คลุมร่างด้วยเพียงจิตอธิษฐาน ไม่สวมผ้า ไม่ก่อไฟ ปล่อยให้ความหนาวกัดกระดูก

บางวันเขากินเพียงขี้เถ้า บางวันเลียดินจากพื้นดินแข็ง ด้วยเชื่อว่า “ยิ่งปฏิเสธรส ยิ่งเข้าใกล้ความบริสุทธิ์” เขาทรมานกายอย่างไม่ยั้งหยุด นานนับปี ร่างกายเหี่ยวแห้งลงทุกวัน แต่จิตใจยังเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนยึดถือ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง 2

คืนหนึ่ง ขณะที่ฤาษีนั่งหลับตาอยู่กลางความมืดของป่าลึก เขาเข้าสมาธิเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา ไม่มีเสียงใด ไม่มีแสงใด มีเพียงลมหายใจกับความเย็นเฉียบที่ลูบไล้ผิวที่แตกระแหงของตน แต่ในคืนนั้น กลางใจอันสงัด เขากลับเห็นภาพชัดยิ่งกว่าครั้งใด

ในนิมิต เขาเห็นตนเองตายไป แล้วดวงจิตหลุดร่วงสู่แดนนรก เสียงโหยหวนของสัตว์นรกดังสะท้อนหู

ความร้อนแรงที่ไม่เคยพบปะในโลกมนุษย์แผดเผาร่าง เขาเห็นภาพของตนเองทรมานอยู่ในเพลิงนรก ถูกลงโทษ ถูกประณาม แม้เขาจะมิได้ฆ่า มิได้ลัก มิได้ล่วงผิด

“เหตุใด…เราจึงมาอยู่ที่นี่” เขาถามตนเองในนิมิต เสียงตอบกลับไม่ใช่จากภายนอก แต่ดังขึ้นในจิตตัวเองว่า “เพราะเจ้าหลงในทุกข์อันไม่มีธรรมรองรับ”

เมื่อเขาตื่นขึ้นจากสมาธิ เหงื่อเย็นชื้นทั่วตัว ลมหายใจขาดเป็นห้วง จิตใจที่เคยมั่นแน่วในแนวทางของตนพลันสั่นไหวเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

รุ่งเช้า เขามองไปรอบตัว ป่าที่เคยเงียบสงบกลับดูว่างเปล่าอย่างน่ากลัว เถ้าถ่านที่เขาเคยกิน ดินที่เขาเคยนั่ง

ก้อนหิมะที่เคยปล่อยให้ละลายบนร่าง ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงเงาของความหลงในรูปแบบใหม่ ที่เขาเคยคิดว่าเป็นธรรม

เขารู้ในใจว่า ความเจ็บปวดมิใช่เส้นทางสู่หลุดพ้น หากปราศจากเมตตา ปัญญา และเจตนาอันถูกต้อง ความเจ็บนั้นย่อมกลายเป็นเพียงการลงโทษตัวเองโดยไร้ผล

ฤาษีลุกขึ้นจากที่นั่งนั้น เดินออกจากป่าลึกด้วยฝีเท้าเชื่องช้า ไม่ใช่เพราะร่างกายอ่อนแรง แต่เพราะจิตที่เคยแน่วแน่ในทางที่ผิด กำลังปรับทิศให้เข้ากับความจริงที่เพิ่งรู้

นับจากวันนั้น เขาเลิกทรมานตนเอง หันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายบนทางสายกลาง ด้วยความเข้าใจที่แท้ ว่าแม้ความทุกข์จะเป็นครูที่ดี แต่ครูนั้น…ก็ต้องสอนด้วยธรรม ไม่ใช่เพียงความเจ็บ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ธรรมะมิได้อยู่ในความเจ็บปวด หากอยู่ที่ความเข้าใจ ความเมตตา และทางสายกลาง การทรมานตนด้วยความหลง ย่อมพาตนห่างจากธรรมแท้แม้จะดูเคร่งเพียงใด

ฤาษีในเรื่องนี้เชื่อว่า ความเจ็บคือหนทางสู่สวรรค์ จึงทุ่มทั้งชีวิตเพื่อความทุกข์ จนในที่สุดก็ได้เห็นผลที่ตนแบกไว้ด้วยตาเปล่า เมื่อจิตได้รู้ว่า ความเคร่งโดยไร้ปัญญา… ก็มิใช่ธรรม หากเป็นอีกทางหนึ่งของความหลงเท่านั้นเอง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง (อังกฤษ: The Ascetic Who Tortured Himself) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยมีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงภัยของความเชื่อผิดในหนทางปฏิบัติธรรม และการหลงในรูปแบบของความเคร่งโดยไร้ปัญญา

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเมื่อภิกษุรูปหนึ่งหลงเข้าใจว่าการทรมานร่างกายอย่างหนักคือทางสู่ความหลุดพ้น ทรงยกเรื่องในอดีตชาติ ที่พระองค์เคยพบฤาษีผู้หนึ่งซึ่งยึดมั่นในความเจ็บปวดเป็นธรรม โดยมิได้มีเมตตาหรือปัญญาร่วมอยู่ในการปฏิบัตินั้นเลย

เรื่องนี้จึงถูกเล่าขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่า แม้ผู้แสวงหาธรรมจะตั้งใจเพียงใด หากขาดความเข้าใจที่แท้จริง ก็อาจตกลงสู่ความหลงทางโดยไม่รู้ตัว และยิ่งเคร่งเท่าใด ก็ยิ่งไกลธรรมเท่านั้น

ผู้ที่หลงคิดว่า ความเจ็บปวดคือหนทางสู่ความบริสุทธิ์ อาจเผลอเดินลงนรกด้วยเท้าที่ตั้งใจจะไปสวรรค์


by